TB:บทที่ 302 ร่างอวตาร
ในตอนที่วู่เต่าเทียนกล่าวออกมาว่า ‘จะใช้พลังที่แท้จริง’ ทันใดนั้น สัญลักษณ์หนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา จากนั้น เขาก็ค่อยๆหลับตาลง โดยที่ปากของเขากำลังพึมพำอะไรบางอย่าง
บทสวดของวู่เต่าเทียนเหมือนกับการท่องคาถา จู่ๆก็มีพลังลึกลับสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาตามร่างกายของ วู่เต่าเทียน
ในสายตาของเทียซิน ตอนนี้ การหมุนเวียนลมปราณของวู่เต่าเทียนดูแปลกตาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในสายตาของเฉินหลงกลับเห็นร่างสูงใหญ่รางหนึ่ง ถือค้อนคู่อยู่ในมือ สวมชุดแม่ทัพดูคล้ายคลึงกับจอมปีศาจปรากฏอยู่ข้างหลังวู่เต่าเทียน
จากนั้น ร่างเงาเสมือนจริงก็ได้หายเข้าไปในร่างของวู่เต่าเทียน
ทันใดนั้น วู่เต่าเทียนก็ได้เปลี่ยนเป็นคนที่มีท่าทีอวดดีและแข็งแกร่งมาก เหมือนได้เปลี่ยนเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้
ในตอนที่วู่เต่าเทียนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของเขาก็ได้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันคือแววตาที่ปราศจากความรู้สึกของมนุษย์ ดวงตาคู่นั้นได้มองเห็นทุกคนเป็นแค่มดตัวจ้อยเท่านั้น
“ตาย!”
วู่เต่าเทียนหันไปมองบอร์แมน แล้วตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้
จากนั้น เขาก็พุ่งไปที่บอร์แมนด้วยความเร็วที่ไม่มีอะไรทัดเทียมได้
ด้วยหมัดขวาของเขา ทำให้ภาพของคนตรงหน้าได้กลายเป็นแค่มดตัวจ้อยเท่านั้น
แม้ว่าบอร์แมนจะสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของวู่เต่าเทียน แต่เขาก็ยังส่งหมัดออกไปสู้กับวู่เต่าเทียน
ตู้ม!
คิดไม่ถึงว่าบอร์แมน ที่ก่อนหน้านี้สามารถสู้กับวู่เต่าเทียนได้อย่างสูสี ถูกวู่เต่าเทียนซัดกระเด็นด้วยหมัดเดียว
ร่างของบอร์แมนถูกเหวี่ยงไปไกลห้าถึงหกเมตรโดยประมาณ ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมร่างไม่ให้ลอยไปไกลมากกว่านี้
ในขณะเดียวกัน เลือดสีแดงสดไหลย้อยออกมาจากมุมปากของบอร์แมนอย่างห้ามไม่อยู่
การโจมตีของวู่เต่าเทียนในครั้งนี้ ทำให้บอร์แมนได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สายตาของบอร์แมนยังคงหนักแน่น
ในเมื่อศึกนี้ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ไม่ว่ายังไง เขาก็จะสู้ต่อ ถึงจะต้องบาดเจ็บหนักเจียนตาย ถ้าเขายังมีแรงสู้ เขาก็จะสู้ต่อไปจนถึงที่สุด!
“พอแล้ว บอร์แมน นายไม่ต้องสู้แล้ว ตอนนี้ นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว” เมื่อเห็นว่าบอร์แมนทำท่าจะสู้ต่อ เฉินหลงจึงกล่าวท้วงขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินคำสั่งจากเฉินหลง ความคิดที่ต้องการจะต่อสู้ของบอร์แมนก็ค่อยๆจางหายไป
“ครับ…”
“เอาเถอะ ดูเหมือนว่าพลังของนายยังอ่อนเกินอยู่ ถ้าได้กลับไปแล้ว ฉันจะช่วยนายเพิ่มความแข็งแกร่งก็แล้วกัน” กล่าวจบ เฉินหลงก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
เพียงพริบตาเดียว เฉินหลงก็ได้มาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าบอร์แมน
เนื่องจากว่าบรรดาลูกน้องของเขาไม่สามารถทำให้เขาเอาชนะศัตรูได้ ครั้งนี้ เขาคงต้องลงมือด้วยตัวเองเท่านั้น
“ใครก็ตามที่คิดจะเข้ามาขัดขวางฉัน มันต้องตายสถานเดียว!”
วู่เต่าเทียนได้พุ่งหมัดออกไปทางเฉินหลงทันที
แม้ว่าบอร์แมน จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว แต่สำหรับวู่เต่าเทียนที่เรียกร่างอวตารออกมาแล้วไม่มีทางปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ เข้าต้องการสังหารบอร์แมน ไม่เว้นแม้แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
ความคิดนี้เข้าท่า ถึงก่อนหน้านี้พลังของเขาจะน้อยเกินไป แต่หลังจากที่เขาอัญเชิญร่างอวตารมาแล้ว เขาก็สามารถอยู่ในระดับลมปราณที่แท้จริงได้
“ก็แค่ดวงจิตของร่างอวตารกระจอกๆ นี่คุณคิดจริงๆหรอว่าของพรรค์นั้นจะเอาชนะคนที่อยู่ในระดับหลอมรวมธรรมชาติได้อย่างนั้นหรอครับ?”
ในตอนที่เห็นหมัดของวู่เต่าเทียนกำลังพุ่งเข้ามา เฉินหลงได้ส่งมือขวาออกไป และใช้นิ้วชี้สัมผัสกับหมัดของวู่เต่าเทียนอย่างอ่อนโยนเท่านั้น
ไม่มีทั้งแรงปะทะและเสียงระเบิดเหมือนก่อนหน้านี้
หมัดของวู่เต่าเทียนถูกนิ้วของเฉินหลงสกัดไว้
ในตอนที่เฉินหลงสกัดหมัดของวู่เต่าเทียนไว้ด้วยนิ้วมือเดียว สีหน้าของวู่เต่าเทียนที่อัญเชิญร่างอวตารมายังตกใจสุดขีด
“เฮ้ ตกใจอะไรขนาดนั้นล่ะ ก่อนหน้านี้ฉันก็บอกนายไปแล้ว ไอ้ร่างอวตารกระจอกๆของนายจะมาสู้ปรมจารย์อย่างฉันได้ยังไงล่ะ?” เฉินหลงส่งมือด้านซ้ายที่ยังว่างอยู่ออกไป วางนิ้วกลางบนนิ้วโป้งแล้วดีดไปที่หน้าผากของวู่เต่าเทียนอย่างเบามือ
ตู้ม!
เรียกได้ว่าวู่เต่าเทียนถูกซัดกระเด็นเหมือนกับบอร์แมนไม่มีผิด
แต่ต่างกันที่เขามีสภาพแย่กว่าบอร์แมน เพราะศีรษะของเขาได้จุ่มลงพื้นไปแล้ว
นอกจากนี้ ในตอนที่เขาถูกเฉินหลงดีดเหม่ง ร่างอวตารของเขาก็กระเด็นออกจากร่างเขาไปเช่นกัน
ผู้คนที่นั่งอยู่ในร้านอาหารต่างพากันตกใจและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ลูกน้องของเขา ทุกคนต่างทำหน้าเหมือนกับเห็นผีกลางวันแสกๆ
คนๆนี้ชักจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ในตอนนี้วู่เต่าเทียนได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
นอกจากการโจมตีของเฉินหลงจะทำลายร่างยักษ์อวตารที่เขาอัญชิญมาแล้ว อีกฝ่ายยังทำลายความมั่นใจของเขาจนหมด
ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้เขาไม่เคยพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่เคยพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชขนาดนี้มาก่อน เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกสิ้นหวังกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ในอดีต ถ้าเขาแพ้ เขาก็อาจพยายามพัฒนาฝีมือเพื่อเอาชนะและจัดการกับศัตรูที่เอาชนะเขาได้ แต่ในเมื่อเขางัดพลังทั้งหมดที่มีออกมาสู้แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับจัดการเขาได้เพียงชั่วอึดใจเดียวแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังจนถึงขั้นอยากตายให้จงได้ ความมั่นใจของเขาก่อนหน้านี้ได้หายไปทั้งหมด
บัดนี้ คงถึงฆาตของวู่เต่าเทียนแล้ว
“ฉันแพ้แล้ว นายเอาชีวิตของฉันไปสิ” วู่เต่าเทียนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น กล่าวด้วยความสิ้นหวัง
“ในเมื่อชีวิตของคุณเป็นของผมแล้ว ลุกขึ้นแล้วเดินตามผมมา” เฉินหลงพูดกับวู่เต่าเทียนที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้น
ถึงยังไงวู่เต่าเทียนก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง ถ้าเกิดฆ่าเขาไปก็เสียของน่ะสิ ตอนนี้ เขาจำเป็นต้องรวบรวมคนที่มีฝีมือให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
เพราะอีกไม่นานเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกโบสถ์แห่งแสงที่เป็นถึงนิกายโบราณ ถ้าเขามีพลังไม่มากพอ มันก็คงไม่ต่างอะไรกับการเอาไข่ไปทุบหิน
เมื่อได้ยินคำสั่งจากเฉินหลง ทันใดนั้นวู่เต่าเทียนก็ผุดลุกขึ้นจากพื้น แล้วหันไปมองเฉินหลงด้วยความสับสน
เมื่อเขายืนขึ้นเต็มความสูงแล้ว จึงเดินเข้าไปหาเฉินหลง
เฉินหลงเดินออกไปจากไชน่าทาวน์ไปพร้อมกับเทียซิน วู่เต่าเทียนและคนอื่นๆ เหลือเพียงเสี่ยวหม่า บอสหลิวและแขกที่ตกตลึงอยู่ในร้านอาหาร
ในตอนที่เฉินหลงกลับไปที่ปราสาท บาคและปีเตอร์ก็ได้กลับไปยังนครโบสถ์แห่งแสงเสียแล้ว
นครโบสถ์แห่งแสงเป็นเมืองที่เคร่งศาสนา และเป็นสถานที่ที่เราสามารถพบเห็นความเจริญรุ่งเรืองทางศาสนาได้ทุกพื้นที่ในตัวเมือง
นอกจากนี้ ประชากรของเมืองนี้ก็มีจำนวนน้อยมาก ซึ่งมีประชากรน้อยกว่าหนึ่งพันคน แต่ถึงอย่างนั้น เมืองนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในสหประชาชาติ
ในเมืองนี้มีสภาแห่งรัฐที่บริหารโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเมืองนี้ยังมีกระทรวง สำนักงานและกระทรวงศึกษาธิการ แต่ไม่มีโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยม
นอกจากนี้ ยังไม่มีห้างสรรพสินค้า ไม่มีครัวเรือน ไม่มีสถานบันเทิงและไม่มีถนนในนครโบสถ์แห่งแสง ทั่วทั้งเมืองเปรียบเสมือนมหาวิหารไม่มีผิด
ในมหาวิหารแห่งนี้ มีผู้คนอาศัยอยู่ประมาณหนึ่งพันคน และแทบทุกคนล้วนเป็นนักบวช
ลองนึกภาพของนักบวชหนึ่งพันคนร่าย ‘เวท’ โจมตีพร้อมกัน มันจะออกมาเป็นฉากแบบไหนกัน?
บาคพาปีเตอร์ไปหาพระสันตปาปาที่พำนักอยู่ในพระราชวังสุดหรูหราส่วนพระองค์
“ท่านประมุข ผู้นี้คือปีเตอร์ จอมอัศวินผู้ใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุทคู่กาย ยังมีร่างแห่งแสง แต่เขาถูกชายนิรนามคนหนึ่งทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ด้วยเถิด” บาคกล่าว
สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันเป็นชายที่มีอายุมากกว่า 40 ปี เขาสวมมงกุฎ และถือเครื่องประดับที่สร้างมาจากอัญมณีหลายเม็ด ทำให้เขาดูเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาไม่น้อย
เมื่อได้ฟังคำขอร้องของบาค พระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันจึงระบายยิ้มออกมา
“พระผู้เป็นเจ้ามิอาจเพิกเฉยต่อสาวกที่ถูกทำร้ายโดยปีศาจได้ ปีเตอร์ นับแต่นี้ไป เจ้าจะได้กลายเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สิบสาม”
“เวทรักษาแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์”
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงใช้คทาชี้ไปที่ปีเตอร์ ทันใดนั้น แสงสีขาวอันอบอุ่นพวยพุ่งออกมาจากคทา และเข้าไปในร่างของปีเตอร์ จากนั้นบาดแผลตามร่างกายของปีเตอร์ก็ได้รับการรักษา
แสงสีขาวทะลุผ่านด้านหลังของปีเตอร์และร่างของปีเตอร์ก็ฟื้นตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ผ่านไปห้านาที ร่างกายของปีเตอร์ก็กลับมามีสภาพเหมือนคนปกติ