TB:บทที่ 303 หมัดปาเทียน
ในตอนที่ปีเตอร์หายจากอาการบาดเจ็บแล้ว เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น เขาแทบจะเชื่อสายตาของตัวเองเลยว่า ตอนนี้ บาคและพระสันตะปาปาได้อยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว
“อัศวินปีเตอร์ ท่านผู้นี้คือพระสันตะปาปา สมเด็จพระสันตะปาปาเป็นผู้รักษาบาดแผลของท่าน” บาคกล่าวกับปีเตอร์ด้วยรอยยิ้ม
ปีเตอร์เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเคยพบเจอมาก่อน ดังนั้นบาคจึงรู้สึกสนิทสนมและคุ้นเคยกับปีเตอร์อยู่ระดับหนึ่ง
“ท่านสังฆราช?” ปีเตอร์เบิกตากว้าง จากนั้นก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้าพระสันตะปาปาและกล่าวว่า “กระหม่อมขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง ที่พระองค์ได้ช่วยชีวิตกระหม่อมไว้”
“อัศวินปีเตอร์ เจ้าคือความกล้าหาญแห่งโบสถ์แห่งแสงของข้า และการมีอยู่ของเจ้าคือพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า” สมเด็จพระสันตะปาปาจ้องมองปีเตอร์ด้วยรอยยิ้ม
“ร่างแห่งแสง” ของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ คือของขวัญที่พระเจ้าทรงยกให้โบสถ์แห่งแสง เปรียบเสมือนของขวัญอันเลอค่าชิ้นหนึ่ง
แต่การที่จะใช้พลังของวาระแห่งแสงนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะแม้แต่พระสันตะปาปาเองก็ยังเคยใช่ ‘ร่างแห่งแสง’ มาก่อน ด้วยเหตุนี้ เขาถึงได้ตั้งความหวังว่าปีเตอร์จะใช้ ‘วาระแห่งแสง’ จัดการกับสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายได้
“อัศวินศักดิ์สิทธิ์?” ปีเตอร์ยังคงสับสนและไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ บาคจึงอธิบายเรื่องสัตย์สาบานให้ปีเตอร์ได้เข้าใจมากขึ้น
หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากบาค ปีเตอร์ยังมีสีหน้าตกใจ และยากที่จะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงเอ่ยถามออกไปว่า “ตอนนี้ กระหม่อมคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?”
บาร์คและพระสันตะปาปาต่างพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมกัน
ในขณะที่ปีเตอร์ยังคงดูสับสนไม่ต่างจากก่อนหน้านี้
“อย่างไรก็ตาม อัศวินปีเตอร์ ท่านทราบหรือไม่ว่า ใครเป็นคนลักพาตัวท่านไป” บาคเอ่ยถาม
ปีเตอร์ส่ายหน้าเล็กน้อย
“บิชอปบาค สิ่งที่ท่านต้องทำเป็นสิ่งแรกคือ พาอัศวินปีเตอร์ไปพักผ่อนและทำความคุ้นเคยกับที่นี่เสีย” สมเด็จพระสันตะปาปากล่าวด้วยรอยยิ้ม
พระสันตปาปารู้สึกพอใจปีเตอร์เป็นอย่างมาก ถึงเขาจะไม่ทราบเรื่องราวของปีเตอร์มากนัก แต่มันเป็นเรื่องที่ดีต่อโบสถ์แห่งแสง เพราะมันทำให้โบสถ์แห่งแสงสามารถสร้างอาวุธวิเศษให้เขาได้ง่ายขึ้น
“พ่ะย่ะค่ะ” บาคพยักหน้า
“ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกให้ท่านทราบ ท่านสังฆราช พวกสภาแห่งความมืดนั้นดูหมิ่นพวกเราไม่น้อย ถึงขนาดกล้ามาปิดล้อมโบสถ์เซนต์พอล ช่างต่ำช้ายิ่งนัก ข้าแต่พระสันตปาปา ได้โปรดส่งกองกำลังไปยังนครแห่งหมอกเพื่อจัดการกับพวกมันด้วยเถิด”
“อืม… เรื่องนั้น ไว้ข้าจะส่งคนไปจัดการ ท่านจงอบรมอัศวินปีเตอร์เสีย” สมเด็จพระสันตะปาปาพยักหน้าตอบ
หลังจากนั้น บาคจึงเดินออกไปพร้อมกับปีเตอร์
“สภาแห่งความมืด เจ้าพวกเห็บหมัด ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าได้ใจไปก่อน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าจะจับพวกเจ้าทั้งหมดให้จงได้” หลังจากที่บาคเดินออกไปแล้ว พระสันตปาปาก็ได้พึมพำกับตัวเอง
เมื่อกลับไปที่ปราสาท เฉินหลงบอกคนอื่นๆรวมถึงวู่เต่าเทียนให้พักผ่อนได้ตามสบาย ส่วนเจ้าตัวกลับถูกแอนเดสลากตัวไปคุยที่ห้องลับที่อยู่ชั้นใต้ดิน
“เฉินหลง ผมคิดไม่ถึงเลยว่าพลังของคุณจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าพลังของคุณจะแข็งแกร่งกว่าลูกน้องของคุณ แต่ก็คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าคุณจะแข็งแกร่งและทรงพลังมากขนาดนี้!” ตั้งแต่ที่แอนเดสได้เอ่ยปากพูด เขาก็ได้แต่ชื่นชมเฉินหลง
“แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับอัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนั้นล่ะ?”
“ระหว่างพิธีสัตย์สาบาน ผมทำร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บ สุดท้าย ผมทำได้แค่โยนเขาลงไปในแม่น้ำเทมส์แล้วปล่อยให้คนของโบสถ์แห่งแสงหาเขาพบ” เฉินหลงตอบพรางมองไปที่ขวดไวน์ที่อยู่ภายในห้อง
แต่หนึ่งสิ่งที่เฉินหลงไม่ได้บอกให้แอนเดสรู้คือ ตอนนี้ ปีเตอร์ได้กลายเป็นลูกน้องของเขาแล้ว
“คุณเฉิน ถ้าชายที่แข็งแกร่งอย่างคุณเข้าร่วมสภาแห่งความมืดของเราได้ มันจะต้องเป็นเรื่องที่ดีมากแน่ๆ ” แอนเดสเริ่มนึกถึงพลังของเฉินหลง
“แอนเดส ไม่ใช่ว่าพวกเราเป็นพวกเดียวกันอยู่แล้วเหรอครับ?” เฉินหลงยิ้มตอบ
“ผมกำลังจะถามว่า คุณอยากเห็นพลังแห่งความมืดไหม? ต่างหากล่ะ” แอนเดสถามกลับ
“เอาไว้คราวหลังก็แล้วกัน อีกอย่าง คุณไม่คิดว่าตอนนี้ผมควรจัดการพวกโบสถ์แห่งแสงก่อนเหรอ ถ้าผมมีพลังแห่งความมืด ผมอาจจะถูกพวกโบสถ์แห่งแสงกำจัดได้” เฉินหลงตอบ
เนื่องจากว่า ตอนนี้ เขามีร่างอมตะของเทพแห่งไฟอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีรูปแบบไหน ถ้ามันอยู่ใต้การควบคุมของปรมจารย์แห่งดวงดาว เขาก็จะปลอดภัยจากมัน แต่ถ้าเกิดว่าเขามีพลังแห่งความมืดมากกว่านี้ ใครจะไปรู้ว่าพวกโบสถ์แห่งแสงจะกำจัดเขาหรือเปล่า ดังนั้น เฉินหลงจะไม่ลองเสี่ยงใช้พลังแห่งความมืดง่ายๆเป็นอันขาด
“คุณเฉิน ผมหมายความว่า การเข้าร่วมสภาแห่งความมืดไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องฝึกพลังแห่งความมืดเสียหน่อย คุณไม่จำเป็นต้องฝึกพลังแห่งความมืดเลย ตราบใดที่คุณยืนยันว่าจะเข้าร่วมสภาแห่งความมืด คุณได้จะเป็นถึงหนึ่งในสมาชิกของรัฐสภา อีกทั้งยังเป็นผู้มีอำนาจเสียด้วย” แอนเดสยังคงไม่ยอมแพ้ จึงเกลี้ยกล่อมเฉินหลงต่อ
“อํานาจที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง และผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบมันในตอนนี้ ผมคงต้องขอปฏิเสธคำขอของคุณ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ภายภาคหน้าผมจะไม่เปลี่ยนใจ เพราะฉะนั้น ตอนนี้ ผมขอรับไว้แค่ความหวังดีจากสภาแห่งความมืดก่อนก็แล้วกันนะครับ” เฉินหลงยิ้มให้กับเทือกเขาแอนเดส
ความขัดแย้งระหว่างสภาแห่งความมืดและโบสถ์แห่งแสงนั้นถลำลึกมากเกินไปจนไม่สามารถแก้ไขได้ ถึงเขาจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องกับพวกโบสถ์แห่งแสง ความแข็งแกร่งของเขายังอ่อนเกินไป ที่เขาทำได้ในตอนนี้คือสร้างความเสียหายเล็กๆน้อยๆให้กับอีกฝ่ายเท่านั้น ขืนให้เขาทำอย่างนั้น เขาขออยู่เฉยๆไม่กวนน้ำให้ขุ่นจะดีเสียกว่า
“ตกลงครับ แต่ถ้าคุณเฉินต้องการเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ คุณสามารถบอกผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ” เมื่อแอนเดสเห็นว่าเฉินหลงกล่าวปฏิเสธขนาดนี้แล้ว เขาจึงไม่เซ้าซี้อีกฝ่ายอีก
หลังจากนั้น แอนเดสก็กลับไปทำงานของตัวเองต่อ โดยปกติแล้ว เขามักจะฝึกวิชาอยู่เสมอ
แอนเดสเป็นคนที่สภาแห่งความมืดส่งให้มาติดต่อกับเฉินหลง และยังเป็นพ่อบ้านของปราสาทแห่งนี้ แต่นอกจากเขาจะเป็นพ่อบ้านแล้ว เขายังอยู่ในระดับกำเนิด และการฝึกฝนทักษะก็ได้เป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยนิวเวิล์ดเวอร์ชั่นจัดเต็ม เขาจะมานั่งเสียเวลาอยู่ไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากที่แอนเดสเดินจากไป เฉินหลงก็ได้เข้าสู่ระบบในทันที
ในตอนที่เขาได้เห็นความสามารถของวู่เต่าเทียนแล้ว เฉินหลงถึงได้รู้ความจริงว่าความแข็งแกร่งของลูกน้องตัวเองยังอ่อนเกินไป
ถึงพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่กลับไม่มีความสามารถในการเอาชนะคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน ได้เลย
ตอนนี้ สิ่งที่เฉินหลงต้องทำคือ การเคล็ดวิชาหรือหาไอเท็มที่เหมาะสมกับพวกเขาจากระบบ เพิ่มความแข็งแกร่งให้พวกเขาทุกคน
หลังจากที่ได้ทำการค้นหาไอเท็มต่างๆในระบบแล้ว เฉินหลงก็พบว่าไอเท็มที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนที่อยู่ในระดับกำเนิดนั้นมีราคาสูงมาก
ตัวอย่างเช่น สิ่งที่ช่วยในการเลื่อนขั้นหรือเลื่อนระดับได้ในทันทีต่างก็ต้องใช้คะแนนแลกเปลี่ยนที่สูงถึง 50,000 คะแนน นี่มันสูงเกินไปแล้ว!
ถึงเฉินหลงจะใช้คะแนนแลกเปลี่ยนทั้งหมดที่เขามี เขาก็ยังทำให้เหล่าลูกน้องเลื่อนขั้นจากระดับแรกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ เฉินหลงจึงเปลี่ยนความคิดไปที่การฝึกวิชาแทน
เฉินหลงที่ต้องการเก็บคะแนนแลกเปลี่ยนพวกนี้เอาไว้ จึงตัดสินใจเข้าไปที่ร้านค้าของหว่านซูจื่อแทน
เพราะถึงยังไงพวกเคล็ดวิชาต่างๆก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับหว่านซูจือ ถ้าเป็นไอเท็มจากร้านนี้ ต่อให้ซื้อมากกว่าหนึ่งชิ้นเขาก็จ่ายไหว!
ก่อนอื่น เทียซินกับลู่หงเป็นพวกใช้กำลัง เฉินหลงจึงยก ‘หมัดปาเทียน’ ให้แก่พวกเขา
หมัดปาเทียนมีทั้งหมดสิบกระบวนท่า โดยมี คลื่นพายุคุ้มคลั่ง ถล่มหมื่นภูเขา พายุทอร์นาโด อัคนีและวสันต์ สนั่นโลกา ดินแดนน้ำแข็ง ตะวันและจันทราที่ผันเปลี่ยน ดวงดาราที่หายไป สวรรค์และโลกาสงบนิ่ง และอหังการ
กระบวนท่าทั้งสิบนี้ รวมกับท่าหลักของ ‘ปาเทียนเจิ้นฉี’ จะสามารถเอาชนะ ผู้แข็งแกร่งระดับลมปราณได้แน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้กระบวนท่าเหล่านี้จำเป็นต้องรับผลข้างเคียงจากมันเช่นกัน