บทที่ 2433 เห็ดมรรคาม่วง 2
เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเธอสามารถทุ่มชีวิตให้ได้
แต่เธอก็มีความเห็นแก่ตัวเหมือนกัน ในใจของเธอชาวเผ่าเหล่านี้รวมกันก็ยังไม่มีน้ำหนักเท่าตี้ฝูอี เธอไม่อาจดึง ตี้ฝูอีให้เข้ามาพัวพันเพราะชาวเผ่าได้…
ตี้ฝูอีรู้จักนางดี จึงกุมมือนางไว้แล้วเอ่ย
‘วางใจเถอะ ข้ามีวิธีหลบหนีของตัวเองอยู่’
ดวงตากู้ซีจิ่วพลันทอประกาย
‘วิธีใด?’
นิ้วหนึ่งของตี้ฝูอีแนบลงบนริมฝีปากนาง
‘ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย เด็กน้อย พอถึงเวลาเจ้าคอยฟังข้าก็พอ’
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ดึงนิ้วเขาลงมาจากริมฝีปากตน
‘เจ้าอย่าได้ขยับมือไม้วุ่นวาย ไม่แน่ว่าในรถคันนี้อาจมีอุปกรณ์สอดแนมอยู่…’
ดวงตาของตี้ฝูอีหยีโค้งนิดๆ
‘ความหมายของเจ้าคือ หากว่าในรถคันนี้ไม่มีอุปกรณ์สอดแนมก็จะอนุญาตให้ข้ารุ่มร่ามกับเจ้าได้ตามอำเภอใจสินะ?’
เจ้าคนผู้นี้ ในเวลาแบบนี้ก็ยังไม่วายมาหยอกเอินเธออีก!
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาแล้ว เริ่มตรวจสอบภายในรถม้าอย่างเงียบเชียบ…
ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ มองดูนาง อบอุ่นใจจนแทบจะมีฟองสบู่ผุดพรายแล้ว นางห่วงใยเขาจริงๆ…
‘ไม่ต้องหาหรอก นี่คือรถม้าของตัวอวิ๋นเยียนหลีเอง คนผู้นี้เก็บความลับไว้เป็นอย่างดี แล้วจะติดอุปกรณ์สอดแนมไว้ในรถม้าไปทำไม?’
‘นี่ก็พูดยาก คนผู้นี้คล้ายจะเตรียมการมาแล้ว ในเมือเขายกรถม้าให้พวกเรานั่งได้ ไม่แน่ว่าอาจจะซ่อนเล่ห์อันใดไว้ในนี้แล้ว ตรวจสอบสักหน่อยก็ถือว่ากันไว้ดีกว่าแก้’
กู้ซีจิ่วเชี่ยวชาญในด้านนี้ ตรวจสอบทุกซอกทุกมุมของรถม้าคันนี้ดูอย่างรวดเร็วยิ่งรอบหนึ่ง ผลคือตี้ฝูอีกล่าวถูกแล้ว ในนี้ไม่มีการสอดแนม…
ในที่สุดเธอก็วางใจ กลับไปอยู่ตรงหน้าตี้ฝูอีอีกครั้ง
“นอนลง!”
ตี้ฝูอีกำลังนั่งสมาธิอยู่ เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
“หือ?”
“ข้าจะตรวจอาการบาดเจ็บของเจ้า”
เธอไม่สบายใจมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ประการแรกเป็นเพราะไม่สะดวก ประการที่สองคือไม่ทันเวลา ตอนนี้นับว่ามีเวลาแล้ว
ตี้ฝูอีนิ่งไปเล็กน้อย
“ไม่ต้องตรวจหรอก บาดแผลนั้นสมานกันแล้ว เหลือแค่รอให้พลังวิญญาณของข้าฟื้นฟู นั่งสมาธิต่อก็หายดีแล้ว”
กู้ซีจิ่วโถมเข้าใส่ร่างเขา กดเขาลงไป
“ข้าไม่เชื่อคำพูดเจ้าหรอก ข้าจะตรวจสอบด้วยตัวเอง!”
ตี้ฝูอีเถียงไม่ออกแล้ว
ตอนนี้เขาขัดขืนนางไม่ได้ จึงไม่ดิ้นรนเสียเลย ปล่อยให้นางทับ ซ้ำยังเอ่ยเย้าประโยคหนึ่ง
“เด็กน้อย คงมิใช่ว่าเจ้าคิดจะฉวยโอกาสลวนลามข้ากระมัง?”
กู้ซีจิ่วคลายสาบเสื้อเขาออก
“พูดจาเปลี่ยนเรื่องให้มันน้อยหน่อย เจ้านึกว่าข้าจะหลงกลเจ้าหรือไง?”
ตี้ฝูอีเงียบไปแล้ว เขาคิดจะใช้คำพูดเหล่านี้มาเบี่ยงเบนความสนใจของนางจริงๆ อาจจะทำให้ขวยอายจนเลิกตรวจได้
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะประเมินความหน้าหนาของนางต่ำไป เมื่อถึงคราวจำเป็นหนังหน้าของนางจะหนายิ่งนัก
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นบาดแผลนั้นที่อยู่บนอกเขาอีกครั้ง สูดลมหายใจเยียบเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง!
บาดแผลเขายังไม่สมานกันเลย! เนื้อด้านในยังปลิ้นออกมาอยู่ บวมแดงอย่างยิ่ง
มิน่าเล่าเขาถึงยืนแทบไม่อยู่แล้ว
เขาทายาสมานแผลที่ดีที่สุดไปแล้วชัดๆ ทำไมยังเป็นแบบนี้อีกล่ะ?
“มันแค่ดูน่ากลัวเท่านั้น ความจริงแล้วไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น…”
ตี้ฝูอีจ้องมองดวงหน้าซีดเผือดของนางด้วยท่าทีสบายๆ
วิธีกรีดเอาโลหิตหัวใจประเภทนี้เดิมทีก็รักษาไม่ได้ง่ายๆ อยู่แล้ว ในตอนนั้นเขาต้องกรีดเอาโลหิตแล้วยังต้องค้ำยันเขตแดนนั้นเอาไว้ด้วย เดิมทีก็ค่อนข้างไม่ไหวแต่ใจสู้อยู่แล้ว หลังจากกรีดเอาโลหิตออกมา แล้วต้องโคจรพลังเพื่อทำลายเขตแดนเส็งเคร็งของบึงอีก ไม่ทันได้ระวังจึงถูกไอพิษในบึงพิษปนเปื้อนเข้าสู่บาดแผล…
ไอพิษซึมผ่านปากแผลเข้าสู่หัวใจ ตอนนี้พลังวิญญาณของเขาไม่เพียงพอ จึงขับออกมาไม่ได้ชั่วขณะ ทำได้เพียงฝืนสะกดเอาไว้
โชคดีที่เดิมทีร่างนี้ของเขาต้านทานพิษยิ่งนัก ซ้ำยังกินโอสถวิญญาณแก้พิษไปแล้ว มิเช่นนั้นเกรงว่ายามนี้พิษคงกำเริบจนหน้าเขาเขียวปี๋ปานภูตผีไปนานแล้ว!
————————————————————————————-
บทที่ 2434 เห็ดมรรคาม่วง 3
ด้วยสายตาของกู้ซีจิ่ว พอตรวจดูบาดแผลของเขาครู่หนึ่งก็คาดเดาภาพรวมได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอกัดฟันกรอด
“ตี้ฝูอี เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยสินะ? มาถึงยามนี้แล้ว เจ้ายังคงชอบอมพะนำเอาไว้ผู้เดียว!”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ
“แค่ไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวล…”
เขาเป็นบุรุษ ไม่อยากให้สตรีของตนได้เห็นด้านที่อ่อนแอ
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาสามารถต่อกรกับพิษชนิดนี้ได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น
ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่เต็มสิบขวบดี ถึงแม้ร่างกายตลอดถึงจิตใจจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่จิตใจที่กระตือรือร้นอยากประชันขันแข่งประเภทนั้นของหนุ่มน้อยยังคงแรงกล้ายิ่ง
เขาอยากเป็นที่พึ่งให้นาง ใช้ปีกของตนกางปกป้องนาง
เกิดเป็นชายชาตรีก็สมควรจะคุ้มฝนป้องลมให้สตรีของตนอยู่แล้ว…
นี่คือความคิดในจิตใต้สำนึกของเขา ไม่อยากถูกกู้ซีจิ่วดูแลเหมือนเด็กน้อย…
อันที่จริงเขากลัวว่ากู้ซีจิ่วจะเห็นเขาเป็นเด็กน้อยยิ่งนัก…
ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้านางจึงพยายามจะรักษาภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งไว้อย่างสุดกำลัง…
(จุดนี้แตกต่างจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีในปีนั้น ถึงอย่างไรท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มีชีวิตมานับหมื่นปีแล้ว เห็นความเป็นไปของโลกอย่างปรุโปร่ง และไม่ไยดีทุกอย่างในโลก ดังนั้นเขาจึงทำตามอำเภอใจอย่างแท้จริง หนุ่มน้อยตี้ฝูอีจึงยังคงแตกต่างกับตี้ฝูอีผู้มีชีวิตมาอย่างโชกโชนแล้ว)
กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง
“ต่อหน้าข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนยืนหยัดก็ได้ ข้าไม่หัวเราะเจ้าหรอก” หลังจากเอ่ยประโยคนี้ออกมา กู้ซีจิ่วก็เริ่มจัดการบาดแผลให้เขา
ตี้ฝูอีรู้สึกว่าดูเหมือนเขาจะเคยพูดประโยคนี้กับนางมาก่อน แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเคยพูดตอนไหน
เขาใคร่ครวญอยู่เงียบๆ เมื่อหวงถูในอดีตถึงคราวต้องดับขันธ์ คงจะมีอายุไม่น้อยกว่าหมื่นปีแล้ว ส่วนกู้ซีจิ่วในตอนนี้ก็เพิ่งสองร้อยกว่าปี หากไม่รวมช่วงเวลาที่นางขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบน นางก็น่าจะพบกับหวงถูตอนอายุได้สิบกว่าปีเท่านั้น…
เมื่อตนที่อายุหมื่นปีมองดูกู้ซีจิ่วที่อายุแค่สิบกว่าปี เกรงว่าคงจะมองนางเป็นเด็กน้อยเช่นกันกระมัง?
ตนในยามนั้นคงจะรักถนอมนางยิ่งนัก ส่วนนางก็มีนิสัยกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้ใดง่ายๆ เมื่อบาดเจ็บพานพบอุปสรรค เกรงว่าคงไม่คิดจะเปิดเผยออกมาต่อหน้าเขา วาจาจำพวกนี้ตนน่าจะกล่าวกับนางไว้ไม่น้อยเลย…
เขากับนางในยามนี้ คล้ายว่าจะสลับบทบาทกันอยู่
เดิมทีเขายังคงริษยาตนเองในชาติที่แล้วอยู่บ้าง ตอนนี้จู่ๆ ก็ไม่รู้สึกริษยาแล้ว…
ไม่ว่าจะเป็นหวงถูในชาติก่อนหรือตี้ฝูอีในชาตินี้ ก็เป็นตัวเขาทั้งสิ้นมิใช่หรือ?
ในสถานการณ์ที่นางมึนงงเลื่อนลอย ไม่เข้าใจเรื่องราว ก็ยังคงหลงรักเขา นี่ยืนยันแล้วว่าระหว่างเขากับนางคือรักแท้ ประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ก็ยังพรากให้จากกันไม่ได้…
ตี้ฝูอีรู้สึกพอใจนัก สุขใจจนไม่แยแสความเจ็บจากการที่กู้ซีจิ่วรีดเค้นบาดแผลเขา มุมปากยกโค้ง เก็บซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
กู้ซีจิ่วกำลังใช้พลังวิญญาณรีดโลหิตพิษออกให้เขา เธอรู้ว่าขั้นตอนนี้ค่อนข้างเจ็บปวด กลัวว่าเขาจะทนความเจ็บปวดไม่ไหว จึงมองสีหน้าของเขาอยู่ตลอด จู่ๆ ก็เห็นเขายิ้มเช่นนี้ จึงประหลาดใจอยู่บ้าง
“เจ้ายิ้มอะไร? ไม่เจ็บหรือไง?”
นี่เขาเจ็บจนทึ่มไปแล้วหรือ?
ไม่เจ็บหรือไง?
ตี้ฝูอีพลันเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ็บ! เด็กน้อย ถ้าเจ้าเป่าเพี้ยงๆ ก็ไม่เจ็บแล้ว…”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
ยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอยู่ เห็นทีว่าเขาคงไม่เจ็บสักเท่าไหร่
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงทำการรักษาเขาอย่างเต็มแรงยิ่งขึ้น
ในที่สุดตี้ฝูอีก็ทนไม่ไหวแล้ว
“เด็กน้อย เจ้าเบาหน่อย…เจ็บ…”
กู้ซีจิ่วยิ้มเยาะ
“ต้องออกแรงหน่อยถึงจะดีต่อร่างกาย…”
ถึงแม้ปากจะเอ่ยเช่นนี้ แต่มือก็ยังผ่อนแรงลงไม่น้อยเลย…
หยกนภาอดไม่ได้จึงส่งเสียงขึ้นมา
‘ข้าไม่อยากเสียคนนะ ข้าไม่อยากเสียคน…’
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เธอยื่นมือไปทันที ปิดผนึกประส