บทที่ 2435 เห็ดมรรคาม่วง 4 / บทที่ 2436 ขุมพลังวิญญาณ

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2435 เห็ดมรรคาม่วง 4

เธอยื่นมือไปทันที ปิดผนึกประสาทสัมผัสทั้งห้าของก้างขวางคอชิ้นใหญ่แบบเจ้าหยกนภาเสีย พอก้มหน้าลงก็เห็นตี้ฝูอีมองเธออย่างยิ้มๆ มีระลอกแสงไหวระยับอยู่ในดวงตา

กู้ซีจิ่วใจสั่นแวบหนึ่ง คนผู้นี้เป็นมารร้ายโดยแท้ สายตาราวกับบ่อน้ำลึกที่ทำให้คนจมน้ำตายแล้วไม่ชดใช้ สามารถยั่วยวนคนได้โดยไม่ต้องเอ่ยวาจา…

“ซีจิ่ว ซีจิ่ว…”

เสียงของอวิ๋นเยียนหลีแว่วมาจากรถม้าคันหลัง

“มีเรื่องใดหรือ?”

กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้น น้ำเสียงราบเรียบ

“ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ในน้ำเสียงของอวิ๋นเยียนหลีเจือความกังวลเอาไว้ อันที่จริงเขากลัวว่ากู้ซีจิ่วจะพาตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายหนีไป ดังนั้นจึงตามมาสอบถามไปเรื่อยเปื่อย

“เป็นสิ”

ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “อ่อนแอจนใกล้ตายแล้ว คุณชายอวิ๋นอยากถือโอกาสเข้ามาดูหน่อยไหมล่ะ?”

น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความพลัง แฝงแรงกดดันเอาไว้อย่างน่าประหลาด แตกต่างกับคำว่า

‘ใกล้ตายแล้ว’

ของเขาอย่างสิ้นเชิง

อวิ๋นเยียนหลีกระแอมคราหนึ่ง

“ฝ่าบาทเนียนโม่ล้อเล่นแล้ว”

เสียงของตี้ฝูอีเฉื่อยชา

“หึๆ ใช่รึ?”

อวิ๋นเยียนหลีประดักประเดิดแล้ว ถูกตอกหน้าอย่างหนัก ซ้ำยังโต้กลับไม่ได้ด้วย ดังนั้นจึงกล่าววาจาไว้หน้าไปอีกสองสามประโยค จากนั้นก็ไม่สนทนาผ่านรถม้าที่ขวางกั้นอยู่แล้ว

ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาได้กางเขตแดนเล็กๆ ไว้ด้านนอกรถม้าคันที่กู้ซีจิ่วโดยสารแล้ว หากว่ากู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายจริงๆ ก็จะสัมผัสถูกเขตแดนนี้ เขาสามารถรับรู้และเคลื่อนไหวได้ในชั่วพริบตา…

อันที่จริงเขายังสงสัยอยู่บ้างว่ากู้ซีจิ่วจะทราบความจริงทั้งหมดแล้ว และสงสัยว่าตี้ฝูอีจะบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นไม้นี้ของเขาก็เป็นการหยั่งเชิงรูปแบบหนึ่ง

หากเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ หากกู้ซีจิ่วทราบความจริงแล้ว ส่วนตี้ฝูอีก็อยู่สภาพบาดเจ็บสาหัส กู้ซีจิ่วน่าจะพาตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายจากไป หลบหนีจากอันตราย…

ตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีวี่แววว่าจะหลบหนีเลยสักนิด น่าจะยังไม่ทราบความจริง…

เพียงแต่ ตี้ฝูอีรู้ว่าเขาไม่มีเจตนาดีต่อตัวเขา ในเวลาเช่นนี้ก็ไม่คิดจะหนีไปเลย เป็นความสามารถที่รุดหน้าไปมากแล้ว?

หรือรู้สึกว่ามีกู้ซีจิ่วอยู่ ตัวเขาอวิ๋นเยียนหลีก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้?

พบหน้ากันครานี้ อวิ๋นเยียนหลียังมองพลังยุทธ์ของตี้ฝูอีไม่ออก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปกปิดความสามารถที่แท้จริงเอาไว้เป็นอย่างดี ทำให้คนหยั่งตื้นลึกไม่ได้

….

ก่อนที่จะไปถึงปลายทาง ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ขับพิษทั้งหมดออกจากร่างของตี้ฝูอีได้หมดจดแล้ว

พยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง กระซิบถาม

“เป็นยังไงบ้าง?”

“ดีขึ้นมากแล้ว”

ตี้ฝูอีนั่งขัดสมาธิ เริ่มโคจรพลังยุทธ์เพื่อฟื้นฟู

สถานที่แห่งนี้ไม่มีไอวิญญาณเลย ดังนั้นเขาจึงหยิบผลึกวิญญาณก้อนหนึ่งออกมาดูดซับพลัง

ผลึกวิญญาณก้อนนี้ย่อมเป็นของชั้นเลิศ หลังจากดูดซับเสร็จสิ้น พลังวิญญาณของเขาก็ฟื้นกลับมาหนึ่งในสิบแล้ว แต่ถึงอย่างไรผลึกวิญญาณก็เป็นแก่นพลังของสัตว์ร้าย มีไอปฏิปักษ์อยู่มากยิ่ง ปกติแล้วเขาสามารถขจัดไอปฏิปักษ์ทิ้งแล้วค่อยดูดซับได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีพลังขนาดนั้น ดังนั้นจึงต้องอาศัยเห็ดวิญญาณพันปีมาชำระล้างมัน

เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นเห็ดวิญญาณนั้น พลันใจเต้นแวบหนึ่ง!

เธอขุดคุ้ยพลิกหาในมิติเก็บของของตัวเองดู ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็หาขวดเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา เทยาลูกกลอนสีแดงสดเม็ดหนึ่งออกมา ยื่นไปตรงหน้าเขา

“ไม่เช่นนั้น เจ้าลองสิ่งนี้ดูไหม?”

เธอยังคงประหม่าอยู่บ้าง

นี่คือยาลูกกลอนที่เธอหลอมมาจากเห็ดมรรคาม่วง สรรพคุณเลิศล้ำยิ่ง ช่วยยกระดับพลังวิญญาณอย่างรวดเร็วได้

เพียงแต่ ดูเหมือนตี้ฝูอีจะต่อต้านสิ่งนี้ยิ่งนัก เมื่อก่อนเธอเคยหลอกล่อให้เขากินอยู่สองสามหน ล้วนถูกเขาปฏิเสธอย่างไม่ไว้ไมตรีเลย ครั้งนี้จึงไม่รู้ว่าจะเอาไหม…

สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงบนยาลูกกลอน มองดูครู่หนึ่ง ยื่นมือไปรับมา

ยาลูกกลอนกลิ้งไถลอยู่ในฝ่ามือเขา ดุจคลื่นแสงระยิบระยับ แฝงกลิ่นหอมเย็นเบาบางไว้

————————————————————————————-

บทที่ 2436 ขุมพลังวิญญาณ

เขาใจสั่นแวบหนึ่ง กลิ่นหอมของยาลูกกลอนนี้คล้ายคลึงกับกลิ่นอายของดวงวิญญาณจากร่างเขายิ่งนัก ถึงขั้นที่เขารู้สึกคุ้นเคยอยู่รางๆ ด้วย

“โอสถนี้เป็นสิ่งหวงถูหลอมขึ้นในตอนนั้นหรือ?”

ตี้ฝูอีโพล่งถามไป

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า

“ไม่ใช่ เป็นข้าหลอม ใช้สมุนไพรพิเศษชนิดหนึ่งที่มีเฉพาะในดินแดนนั้นของพวกเรา”

ตี้ฝูอีเงียบไปแล้ว มองยาลูกกลอนอย่างใจลอย

กู้ซีจิ่วกระแอมเบาๆ

“ถ้าหากเจ้าไม่เต็มใจกินจริงๆ เช่นนั้นข้า…”

ขระที่กำลังจะเก็บยาลูกกลอนเม็ดนั้นกลับมาอย่างยอมรับชะตากรรมแล้ว ตี้ฝูอีกลับหยิบยาลูกกลอนเม็ดนั้นขึ้นมา ใส่เข้าปาก

ดวงตากู้ซีจิ่วพลันเปล่งประกาย เขายอมกินแล้ว!

มองเขาด้วยสายตาที่วาววาม

“เจ้านั่งดีๆ ข้าจะช่วยเจ้าโคจรย่อยมัน”

สรรพคุณของโอสถนี้เลิศล้ำยิ่ง พลังวิญญาณก็บริสุทธิ์

แต่มันมีข้อเสียที่อันตรายยิ่งนัก มันย่อยได้ยากมาก!

เหมือนกับการปล่อยมวลน้ำมหาศาลลงสู่แม่น้ำสายหนึ่ง ถ้าเผลอไปนิดเขื่อนก็อาจแตกได้ ระเบิดชีพจรในร่างคน

หลังจากกลืนยาเข้าไปแล้วจะต้องใช้พลังวิญญาณหุ้มมันไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ โคจรย่อยไปทีละนิดละหน่อย ให้พลังวิญญาณที่อยู่ด้านในซึมออกมาทีละนิดๆ เปลี่ยนให้เป็นของตัวเองอย่างช้าๆ ยากยิ่งกว่าดูดซับผลึกวิญญาณเสียอีก

การดูดซับยาลูกกลอนเช่นนี้ ปกติแล้วจะใช้เวลาหกวันหกคืน ซ้ำยังไม่อาจถูกปัจจัยใดจากภายนอกรบกวนได้ด้วย

แน่นอน ถ้าโคจรย่อยโอสถนี้ได้สำเร็จ พลังวิญญาณก็จะเพิ่มพูนขึ้นมาหศาล! ผลลัพธ์ก็โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด

เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะรอจนว่างจริงๆ ก่อนแล้วค่อยกล่อมให้เขาใช้โอสถนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์คับขัน ทำได้เพียงลองเสี่ยงดูก่อน

ยามนี้พลังวิญญาณในร่างของตี้ฝูอีไม่เพียงพอ เกรงว่าจะไม่สามารถโคจรย่อยสลายด้วยตัวเองได้ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงขันอาสาช่วยเหลือเขา

ถึงอย่างไรเธอก็คุ้นเคยกับฤทธิ์ของโอสถนี้ ถ้าเธอช่วยเหลือเขาด้วยตัวเอง ก็จะได้ผลเป็นสองเท่าจากการลงแรงเพียงครึ่งเดียว

กู้ซีจิ่วคำนวณระยะทางจากบึงจนถึงเมืองเล่อกั่วดูแล้ว ด้วยความเร็วในการเดินทางของรถม้าคันนี้ ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวันเต็ม ระยะเวลาหนึ่งวันเต็มนี้เพียงพอให้เธอช่วยเขาย่อยโอสถนี้ได้…

นางในดวงใจเสนอตัวช่วยเขาโคจรย่อยโอสถ ตี้ฝูอีย่อมไม่มีทางปฏิเสธ

เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ จึงนั่งขัดสมาธิตรงหน้านางดีๆ ประกบฝ่ามือทั้งสองกับนาง…

กู้ซีจิ่วเกรงว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บ จึงถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าสู่ฝ่ามือเขาอย่างระมัดระวัง เคลื่อนผ่านชีพจรของเขา เข้าสู่กระเพาะของเขา ตรวจหาการมีอยู่ของยาลูกกลอนเม็ดนั้น…

ผลปรากฏว่า เธอจับสัมผัสไม่ได้!

เกิดอะไรขึ้น?!

กู้ซีจิ่วลองสำรวจดูอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ยังคงหาไม่พบเช่นเดิม

“เจ้ากลืนมันลงไปแล้วใช่ไหม?”

“กลืนแล้ว”

“ติดอยู่ที่หลอดลมหรือเปล่า?”

“ไม่มีแน่นอน ทำไมหรือ?”

ตัวของตี้ฝูอีเองไม่สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของยาลูกกลอนนั้นได้ พอเห็นนางมีสีหน้าพิกล ก็อดเอ่ยถามไม่ได้

“มันหายไปแล้ว”

ตี้ฝูอีงงงวย

“บางทีข้าอาจจะย่อยมันไปแล้วหรือเปล่า? สิ่งนี้ละลายทันทีที่ไหลเข้าสู่ลำคอกระมัง?”

เมื่อครู่ตอนที่ตี้ฝูอีกลืนมันเข้าไป ก็สัมผัสได้ว่ามีความร้อนสายหนึ่งไหลผ่านลงไป อุ่นวาบไปตามทางที่ผ่าน รอจนลงสู่กระเพาะแล้ว ในกระเพาะก็ร้อนวูบวาบ จากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย…

“มันย่อยได้ยากเย็นนัก เมื่อก่อนข้ากินเข้าไปเม็ดหนึ่ง โคจรพลังอยู่สามวันสามคืนถึงจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นของตนได้ ระยะเวลาในการย่อยของหลงซือเย่ก็นานขึ้นไปอีก แปดวันเต็มๆ…”

หัวใจกู้ซีจิ่วระส่ำระส่ายอยู่บ้าง พินิจดูสีหน้าตี้ฝูอีอย่างละเอียด เกรงว่าวินาทีถัดไปเส้นเลือดของเขาอาจระเบิดขึ้นมา

สีหน้าของตี้ฝูอีกลับเป็นปกติดี ถึงขั้นที่ดูดีกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อยด้วย

“เจ้ารู้สึกอะไรไหม?”

ตี้ฝูอีจับสัมผัสร่างกายดูครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะ

“ไม่รู้สึก”

หัวใจกู้ซีจิ่วกระสับกระส่ายยิ่งขึ้น ตามสถานการณ์ปกติแล้ว หลังกินเข้าไปได้ไม่กี่นาทีร่างกายก็จะร้อนผ่าวขึ้นมา เนื้อตัวแดงเถือกหลั่งเหงื่อออกมาล้วนเป็นปฏิกิริยาที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด