บทที่ 2437 ขุมพลังวิญญาณ 2 / บทที่ 2438 ขุมพลังวิญญาณ 3

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2437 ขุมพลังวิญญาณ 2

เขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย…

หรือโอสถนี้จะเก็บไว้นานเกินไป หมดอายุแล้ว?

หรือฤทธิ์ยากำลังเก็บกดอยู่ในร่างของเขา…

พอปะทุออกมาก็จะสะท้านสะเทือนปั่นป่วน….

กู้ซีจิ่วแทบจะหมุนไปรอบๆ แล้ว มีความรู้สึกหลอนคล้ายว่ามีระเบิดเวลาลูกหนึ่งฝังอยู่ในร่างเขา เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าระเบิดเวลาลูกนี้ฝังอยู่ตรงไหน…

เธอให้ตี้ฝูอีนั่งดีๆ จากนั้นก็นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังเขา ใช้พลังวิญญาณตรวจสอบทุกจุดในร่างกายเขาดูเสียเลย ไม่ปล่อยผ่านเลยสักหลืบมุม ผลคือยังไร้วี่แวว

ยาลูกกลอนเม็ดนั้นราวกับบินหนีไปแล้ว มองหาอย่างไรก็ไม่เห็นเงาอีก

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง กู้ซีจิ่วก็เก็บพลังกลับมาอย่างไม่เต็มใจ มองสีหน้าของเขาต่อ

“เจ้าแน่ใจนะว่ากินยาลูกกลอนนั้นเข้าไปแล้ว?” คงมิใช่ว่าเขายังคงไม่อยากกินยาลูกกลอนนั้น แต่ก็ไม่อยากฉีกหน้าเธอด้วย จึงใช้คาถาพรางตาแล้วนำยาลูกกลอนเม็ดนั้นไปซ่อนกระมัง?!

ตี้ฝูอีถอนหายใจ ดึงนางมานั่งในอ้อมแขนตน

“ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไมล่ะ? เจ้าลองเชื่อใจข้าบ้างเถอะ”

“แต่มันไม่น่าจะหายไปได้…”

ไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะขบคิดอย่างไรก็คิดได้ไม่กระจ่าง

“บางทียานี้ของเจ้าอาจเก็บไว้นานเกินไป หมดอายุแล้ว”

ตามที่เขาทราบ โอสถนี้ของนางหลอมขึ้นเมื่อกว่าร้อยปีก่อน โอสถทั่วไปมีระยะเวลาในการเก็บรักษา บางทีโอสถนี้อาจหมดอายุแล้วจริงๆ…

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว โอสถนี้เธอไม่ได้แตะต้องมันมาหนึ่งร้อยสิบปีแล้วจริงๆ หรือจะหมดอายุแล้วจริงๆ นะ?

แต่ในช่องมิติเก็บของ ของเธอมีความสามารถในการเก็บรักษาของให้สดใหม่ ต่อให้เป็นเสบียงอาหารทั่วไปเก็บไว้ด้านในสามปีห้าปี ก็ไม่หมดอายุ แล้วทำไมครั้งนี้โอสถถึงหมดอายุได้ล่ะ?

หรือเกี่ยวข้องกับการเที่เธอเคยเสื่อมพลังยุทธ์ ในระยะเวลาครึ่งปีที่อยู่แดนอสุราไม่ได้เปิดมิติเก็บของเลย?

กู้ซีจิ่วคิดไปร้อยแปดแล้วก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้

ตี้ฝูอียื่นมือออกไปหานาง

“ให้ข้าอีกเม็ดสิ ครั้งนี้ข้าจะตรวจดูให้ละเอียดหน่อย”

กู้ซีจิ่วตะลึง เขานึกว่านี่คือการกินผลโสมหรือไง!

“ไม่ได้ สิ่งนี้สามารถกินได้เพียงครั้งละเม็ด กินมากไม่ได้ มิเช่นนั้นเส้นเลือดจะระเบิด!”

“เม็ดนั้นของเจ้าหมดอายุแล้ว อีกอย่างข้าก็สัมผัสถึงอะไรไม่ได้เลย เห็นได้ชัดว่าไม่มีผล บางทียาลูกกลอนเม็ดอื่นอาจดีอยู่ ลองดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย”

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าที่เขาพูดมีเหตุผลยิ่งนัก เพียงแต่เพื่อป้องกันไว้ก่อน ยังคงต้องรอไปอีกครึ่งชั่วยาม เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติอันใดเลย ตรวจสอบชีพจรเขาอีกครั้ง วงจรภายในร่างก็ปกติดี เหมือนไม่เคยใช้ยามาก่อนจริงๆ

เธอถึงได้นำยาอีกเม็ดออกมาจากขวดแล้วมอบให้เขา

เม็ดนี้เป็นของชั้นเลิศ ดูกลมเกลี้ยงเรียบเนียน ส่องประกายแวววาว

เธอดมกลิ่นดูก่อน สดชื่นยิ่ง เป็นกลิ่นที่เธอคุ้นเคย ไม่เหมือนของที่หมดอายุแล้ว เม็ดนี้น่าจะได้ผล!

จากนั้นเธอก็จับจ้องเขาที่กินยาเข้าไป มองเขากลืนลงไป…

เธอจ้องเขม็งทุกขั้นตอน มองลำคอเขาที่เคลื่อนไหวขึ้นลง…

ตี้ฝูอีกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่

“เด็กน้อย เจ้าจ้องข้าขนาดนี้ ทำข้าขนลุกไปหมดแล้ว…”

“เจ้ารู้สึกยังไง?”

กู้ซีจิ่วถามเขาอย่างกระวนกระวาย

ตี้ฝูอีจับสัมผัสดูครู่หนึ่ง

“ร้อนกระเพาะอยู่บ้าง…”

นี่คือปฏิกิริยาตามปกติ!

เห็นทีว่ายาเม็ดก่อนจะหมดอายุแล้วจริงๆ ส่วนเม็ดนี้ยังดีอยู่

กู้ซีจิ่วไม่กล้าชักช้า ดึงมือเขามาอีกครั้ง ส่งพลังวิญญาณเข้าไปในกระเพาะเขา ตรวจหาโอสถวิญญาณล้ำค่าเม็ดนั้น…

หนนี้ไม่เลวเลย ในที่สุดเธอก็หาพบ แต่ยังคงทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง!

ในระยะเวลาเพียงชั่วครู่นี้ ไม่น่าเชื่อว่าโอสถเม็ดนั้นจะหลอมละลายไปพอสมควรแล้ว! จากเดิมที่มีขนาดเท่าเล็บมือ ตอนนี้เหลือเท่าเม็ดถั่วเขียวแล้ว ละลายไปถึงสองในสามแล้ว!

แถมยังหลอมละลายอย่างรวดเร็วด้วย หลังจากกู้ซีจิ่วจับสัมผัสถึงมันได้ ก็ลองใช้พลังวิญญาณห่อหุ้มมันดู แต่พลังวิญญาณของเธอยังไม่ทันก่อตัวป้องกันได้สำเร็จ ยาลูกกลอนเม็ดนั้นก็ละลายหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว…

————————————————————————————-

บทที่ 2438 ขุมพลังวิญญาณ 3

กู้ซีจิ่วตะลึง

หรือน้ำย่อยในกระเพาะของเขาจะแปลกกว่าคนทั่วไป? สามารถย่อยเร็วขนาดนี้ได้ยังไง!

นี่เขาเป็นมารปีศาจอันใดกันแน่!

ในเมื่อโอสถละลายได้เร็วขนาดนี้ เช่นนั้นพลังวิญญาณที่ผสานอยู่ในนั้นก็น่าจะหลั่งไหลเข้าสู่ชีพจรเขาอย่างรวดเร็วยิ่งกระมัง? ถึงอย่างไรก็มีแต่ต้องดูดซับผ่านชีพจรก่อน ถึงจะแปลงเป็นของตัวเองได้ สุดท้ายจะไหลเข้าสู่จุดรวมวิญญาณ

กู้ซีจิ่วตรวจดูชีพจรเขาอย่างระมัดระวัง…

ชีพจรของเขาไม่มีปัญหาเลยจริงๆ ราบรื่นยิ่งนัก เพียงแต่เป็นเพราะสูญเสียพลังวิญญาณไปมหาศาล ตอนนี้จึงไม่มีพลังวิญญาณที่สัมพันธ์กันไหลเวียนอยู่ด้านในเท่านั้น

หลังจากตรวจอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าเฉิดฉันของกู้ซีจิ่วก็ขึงขังขึ้นมา ชีพจรเขายังคงเป็นเช่นนั้น ไม่รู้สึกเลยว่ามีพลังวิญญาณจำนวนมากไหลเวียนอยู่ด้านใน

ราวกับพลังวิญญาณในโอสถวิญญาณเม็ดนั้นถูกร่างกายเข้าสูบกลืนเข้าไปดุจหลุมที่ไร้ก้น แม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่เหลือไว้

โอสถวิญญาณครอบจักรวาลของเธอไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีผลอะไรกับเขาเลย!

กู้ซีจิ่วได้รับความสะเทือนใจอย่างยิ่ง ตัวคนห่อเหี่ยวไปครึ่งหนึ่ง

ตี้ฝูอีก็ค่อนข้างฉงนเช่นกัน

“ความจริงแล้วเมื่อก่อนข้าเคยกินโอสถนี้เข้าไปเม็ดหนึ่ง ตอนนั้นสัมผัสได้ว่ามีประโยชน์ยิ่งนัก หรือจะเกี่ยวข้องกับการอยู่แดนอสุราแห่งนี้?”

ทันใดนั้นคล้ายว่าเขาจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ใจเต้นแวบหนึ่ง

ในอดีตยามที่ท่านแม่เขาฝึกฝนบำเพ็ญเคยพบปรากฏการณ์ประหลาดอย่างหนึ่ง ในร่างมีช่องมิติที่สูบกลืนพลังวิญญาณอยู่ ไม่ว่าจะถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไปมากน้อยเพียงใดล้วนหายไปในชั่วพริบตา หาไม่พบอีกเลย

ต่อมาถึงได้ทราบว่าในมิตินั้นมีครรภ์ปีศาจที่น่าหวาดผวาอยู่ พลังวิญญาณของนางล้วนถูกมิตินั้นสูบกลืนไปหล่อเลี้ยงครรภ์ปีศาจ…

คงมิใช่ว่าในร่างตนก็มีครรภ์ปีศาจอยู่กระมัง?!

ตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ตี้ฝูอีเองก็หนาวสะท้านไปแวบหนึ่งเช่นกัน

เขาตรวจสอบร่างกายดูตามสัญชาตญาณ ไม่พบอะไร

กู้ซีจิ่วก็จับชีพจรให้เขาด้วย ตรวจดูอย่างละเอียดอีกรอบ ร่างกายเขายังเป็นเช่นเดิม พลังวิญญาณบนร่างเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จำกัดยิ่งนัก ยังสู้พลังวิญญาณที่เขาดูดซับมาจากผลึกวิญญาณก้อนหนึ่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ดูเหมือนถ้ากินโอสถนี้ที่ดินแดนนี้แล้วจะไม่ได้ผล…

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ยอมแพ้ ขณะที่กำลังจะเก็บขวดยา ด้านนอกพลันมีเสียงประหลาดบางอย่างแว่วขึ้น…

จากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความตกใจ

“ระวัง!”

“สวรรค์ ค้างคาวโลหิตมากมายเหลือเกิน”

“เร็ว เร็วเข้า! ต้านไว้!”

ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงต่อสู้ฟาดฟัน

กู้ซีจิ่วตกตะลึง!

ปกติแล้วค้างคาวโลหิตเหล่านั้นจะมาพร้อมกับพิรุณโลหิต หรือวันนี้พิรุณโลหิตจะตกก่อนเวลา?

เธอแหวกม่านรถมองออกไปด้านนอก หนังศีรษะพลันชาหนึบ!

ไม่น่าเชื่อว่าเหนือรถม้าคันนี้ของเธอจะมีค้างคาวโลหิตนับไม่ถ้วนบินเข้ามา แน่นขนัด มืดฟ้ามัวดิน ก่อตัวเป็นเมฆาแดงฉานพิลึกพิลั่นกลุ่มหนึ่ง โผเข้ามายังทิศทางที่เธออยู่!

ราวกับในรถม้าคันนี้ของเธอมีอาหารโอชะล้ำค่าที่เพียงพอจะทำให้พวกมันคลุ้มคลั่งได้

บินเข้ามาแล้วเจ็ดสิบแปดสิบตัว!

องครักษ์จินและองครักษ์หวาล้วนพยายามต้านไว้สุดชีวิต ซัดฝ่ามือฟาดฟันกระบี่ ไม่รู้ว่าค้างคาวโลหิตกลายเป็นแอ่งโลหิตไปมากน้อยเพียงใดแล้ว แต่จำนวนของพวกมันมีมากมายเกินไปจริงๆ พวกเขาไม่มีทางต้านไว้ได้ในชั่วขณะ…

ค้างคาวโลหิตกว่ายี่สิบตัวฝ่าทะลุแนวป้องกันของสององครักษ์มาได้ พุ่งมาที่หน้าม่านรถ โผเข้าใส่กู้ซีจิ่ว!

กู้ซีจิ่วชักกระบี่ยาวออกมาจากฝัก ท่ามกลางแสงที่วูบไหว ค้างคาวโลหิตกว่ายี่สิบตัวนี้ล้วนถูกเธอลงดาบสังหาร…

แต่นี่เป็นเพียงแนวหน้าของทัพค้างคาวโลหิตเท่านั้น ด้านหลังกำลังรวมตัวเข้ามายังด้านนี้อย่างแน่นขนัด เมื่อพวกมันรวมตัวกันเข้าโจมตี รถม้าคันนี้ก็จะกระจุยกระจายทันที!

ถ้ารถม้าคันนี้พังไปเธอก็ไม่ปวดใจหรอก แต่เธอเป็นห่วงตี้ฝูอีที่อยู่ในรถ ตัวเขาในตอนนี้ไม่มีกำลังพอจะต่อกรเลย…

ถึงแม้ดวงตะวันที่แขวนอยู่บนขอบฟ้าดวงนั้นจะโรยราอ่อนแรง แต่ก็ลอยอยู่ในทิศตะวันออก บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเช้า