บทที่ 2439 ขุมพลังวิญญาณ 4
ยังไม่ถึงเวลาชัดๆ ทว่ามีค้างคาวโลหิตมาโจมตีแล้ว หรือนี่จะเป็นอวิ๋นเยียนหลีเรียกมา?!
ระหว่างที่กู้ซีจิ่ววุ่นวายอยู่ก็มองไปทางรถม้าของอวิ๋นเยียนหลีที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง ความสงสัยในใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
เหนือรถม้าของอวิ๋นเยียนหลี ถึงขั้นที่แม้กระทั่งเหนือรถม้าของจู๋ตู่ชิงที่อยู่ด้านหลัง ล้วนไม่มีค้างคาวโลหิตหยุดอยู่เลย ค้างคาวโลหิตนี้โจมตีเฉพาะคันนี้ที่เธอกับตี้ฝูอีนั่ง!
บัดซบ! ต้องเป็นเล่ห์กลของอวิ๋นเยียนหลีแน่ๆ!
กู้ซีจิ่วสบถอยู่ในใจ ตัดสินใจในทันใด พลันกัดนิ้วชี้ วาดอักขระอาคม ก่อเขตแดนขึ้นมาทันที ครอบคลุมรอบรถม้าคันนี้ของเธอ…
ค้างคาวโลหิตเหล่านั้นชนเข้ากับเขตแดนโลหิตของเธอ เกิดเสียงกระแทกดังครึกโครม…
โชคดีที่แขตแดนนี้ของเธอแข็งแรงพอ ถึงแม้จะถูกกระแทกจนสั่นไหว แต่ก็ไม่พังทลาย
ในเวลาเดียวกันนี้ ในที่สุดอวิ๋นเยียนหลีก็มุดออกมาจากรถม้าคันนั้นของเขาแล้ว ราวกับเขาเพิ่งตื่นจากความฝัน ดวงตายังปรือปรอยอยู่บ้าง เมื่อเห็นฉากนี้เข้า พลันสะดุ้งโหยง
“ซีจิ่ว!”
เรือนกายวูบไหว พุ่งไปทางรถม้าคันนี้ของเธอ
ดูทีท่าแล้ว เขาคงคิดจะเข้ามาช่วยเหลือ
ฝ่ายจู๋ตู๋ชิงก็มุดออกมาจากรถมาแล้วเช่นกัน ยืนอยู่บนรถม้าลงมือทันที เถาวัลย์เขียวชอุ่มนับไม่ถ้วนงอกขึ้นมาดุจบ้าคลั่ง สกัดกั้นค้างคาวโลหิตเหล่านั้นที่พุ่งลงมา…
อวิ๋นเยียนหลีทะยานมารวดเร็วยิ่ง ทุบเขตแดนของกู้ซีจิ่วให้พังทลาย ร่อนลงบนเพลารถม้าของเธอทันที
ส่วนค้างคาวโลหิตที่ยังหาทางเข้าไม่เจอเหล่านั้นก็โฉบตามลงมาดุจเงาตามตัวทันที…
กู้ซีจิ่วกำมือแน่น
คนผู้นี้จงใจ
เธอตวัดกระบี่สังหารค้างคาวโลหิตไม่กี่ตัวที่โผเข้ามา แล้วหันหลังมุดเข้าไปในรถม้า…
อวิ๋นเยียนหลีนิ่งไปแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้ตามเข้าไป ชักระบี่ออกมาสกัดกั้นค้างคาวโลหิตที่ดาหน้าเข้ามาเหล่านั้น
“ซีจิ่ว ไม่ต้องกลัว ข้าจะต้านรับพวกมันให้เจ้า!”
แสงกระบี่เขาฉวัดเฉวียน แสงกระบี่เล่มน้อยนับไม่ถ้วนปะทุออกมาจากกระบี่ของเขา กลายเป็นค่ายกระบี่เนืองแน่น กระบี่น้อยทุกเล่มล้วนพุ่งเข้าใส่ค้างคาวโลหิตที่โฉบเข้ามา ครู่เดียวค้างคาวโลหิตก็ร่วงหล่นลงมาปานสายฝน…
วรยุทธ์ของเขายังคงล้ำเลิศยิ่งนัก กระบี่วูบไหวอยู่ในมือ ค้างคาวโลหิตเหล่านั้นไม่อาจเข้าใกล้ด้านหน้ารถม้าได้เลย
เขาสวมชุดสีฟ้า ล่องลอยพลิ้วไหวอยู่ในอากาศ ดุจเหาะเหินนภา ท่วงท่าอันสง่างามนั้นดึงดูดคนยิ่งนัก
“วรยุทธ์ของพี่อวิ๋นช่างยอดเยี่ยมนัก!”
น้ำเสียงใสกระจ่างสายหนึ่งแว่วมาพร้อมกับเสียงตะโกนให้กำลังใจไม่กี่เสียง
อวิ๋นเยียนหลีผงะไปแวบหนึ่ง ระหว่างที่สาละวนอยู่ได้มองไปตามเสียงแวบหนึ่ง มองเห็นกู้ซีจิ่วที่เดิมทีแล้วสมควรอยู่ในรถม้าคันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะยืนอยู่บนรถม้าคันนั้นของอวิ๋นเยียนหลีแล้ว กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม ตะโกนให้กำลังใจเขา
ชัดเจนยิ่งนัก ที่กู้ซีจิ่วมุดเข้าไปในรถม้าเมื่อครู่นี้มิใช่จะหลบซ่อนการโจมตีจากค้างคาวโลหิต แต่พาตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายไปที่รถม้าของเขาต่างหาก
ส่วนตี้ฝูอียามนี้ก็นั่งนิ่งเอนกายพิงรถม้าคันนั้นแล้ว ใช้ข้อนิ้วเคาะผนังรถม้าเบาๆ กำลังมองเขาอย่างสนอกสนใจ
สายตาของทั้งสองประสานกัน ตี้ฝูอีหยักมุมปากบางๆ
“รบกวนคุณชายอวิ๋นแล้ว”
อวิ๋นเยียนหลีพูดไม่ออกเลย
บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการที่รถม้าคันนี้สับเปลี่ยนคนอย่างกะทันหัน ค้างคาวโลหิตจึงไม่ได้โจมตีรถม้าคันนี้อย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว หลังจากชนตอเข้าและไม่ได้ครอบครองความได้เปรียบอันใดอีก ก็พากันกรีดร้องแล้วบินหนีไปเลย ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงอันใดให้กับขบวนรถอีก
องครักษ์จินและองครักษ์หวาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เดิมทีค้างคาวโลหิตมีพิษร้ายแรง ถ้าถูกมันกัดหรือข่วนเข้าสักนิด ล้วนจะได้รับพิษ
แต่ครั้งนี้เนื่องจากในร่างขององครักษ์จินและองครักษ์หวายังมีฤทธิ์ของยาถอนพิษอยู่มาก พวกเขาจึงไม่ได้รับพิษเลย เพียงถูกข่วนถลอกไปบ้าง มิได้หนักหนาร้ายแรง
“ซีจิ่ว ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
อวิ๋นเยียนหลีเหินกลับมาที่รถม้าของตนแล้ว เอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไร แค่ตกใจแต่ไม่บาดเจ็บ”
กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ
“ดูเหมือนค้างคาวเหล่านี้จะไว้หน้าพี่อวิ๋นยิ่งนักนะ พอท่านไปพวกมันก็เตลิดหนีเลย”
….
————————————————————————————-
บทที่ 2440 ขุมพลังวิญญาณ 5
เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้แฝงความนัยไว้ อวิ๋นเยียนหลีชะงักไปแวบหนึ่ง มองนางอย่างจริงจัง
“ซีจิ่ว เจ้าคงไม่ได้สงสัยว่าเป็นข้าที่เรียกพวกมันมากระมัง?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า
“ไม่สงสัยหรอก”
เธอไม่ได้สงสัย แต่มั่นใจต่างหาก
แน่นอน วาจานี้เธอเอ่ยออกมาไม่ได้ เลี่ยงไม่ให้อวิ๋นเยียนหลีจนตรอกแล้วเผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อเธอ
อวิ๋นเยียนหลีมองไปทางตี้ฝูอี
“เมื่อครู่คุณชายฝูอีช่างสบายอุรานัก”
อยู่ในช่วงวิกฤตเช่นนั้นก็ไม่เห็นเขาจะลงมือเลย
ตี้ฝูอีปัดแขนเสื้อ
“กล่าวได้ดีๆ หากว่าคุณชายอย่างข้าลงมือ ก็ไม่มีทางได้เห็นท่วงท่าการต่อสู้อันงามสง่าของคุณชายอวิ๋นน่ะสิ”
อวิ๋นเยียนหลีเงียบไปเลย
ตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วกลับไปที่รถม้าคันนั้นอีกครั้ง
เนื่องจากตามคำพูดของคุณชายฝูอีผู้นี้ เขาเป็นโรครักสะอาด เขาเพิ่งจะทำความสะอาดรถม้าคันนั้นไป จึงไม่อยากเปลี่ยนคันอีก
ส่วนกู้ซีจิ่วก็เชื่อฟังคำพูดเขา เขาบอกว่าจะกลับไปเธอก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดจับมือเขาเคลื่อนย้ายกลับไปเลย ไม่มีแม้แต่ความอิดออดลังเล!
ทำให้อวิ๋นเยียนหลีโมโหไม่น้อยเลย!
มรสุมลูกนี้จึงผ่านพ้นไปเช่นนี้แล ขบวนรถม้าเดินหน้าต่ออีกครั้ง
อวิ๋นเยียนหลีมองดูรถม้าที่อยู่ด้านหน้าคันนั้น นัยน์ตาลุกโชนแวบหนึ่ง
ค้างคาวโลหิตเหล่านี้เขาไม่ได้เรียกมาจริงๆ แต่พวกมันบินมาเอง
ค้างคางโลหิตเชี่ยวชาญการติดตามหาแหล่งพลังวิญญาณ เมื่อพบแหล่งพลังวิญญาณก็ราวกับแมลงวันตอมกลิ่น สามารถรับกลิ่นในรัศมีหลายสิบลี้ได้ และจะติดตามมาหา
ส่วนเขาก็เคยติดตามค้างคาวโลหิตเพื่อตามหาขุมพลังวิญญาณด้วย ไม่เคยผิดพลาดเลย
ยิ่งขุมพลังวิญญาณมหาศาลเท่าไหร่ค้างคาวโลหิตก็จะมากขึ้นเท่านั้น…
เขายังไม่เคยเห็นค้างคาวโลหิตตามรอยแหล่งพลังวิญญาณมามากมายขนาดนี้ภายในคราวเดียวเลย!
ดูเหมือนบนร่างของตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วจะมีขุมพลังวิญญาณมหาศาลอยู่!
เห็นทีว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาจะเผลอปลดปล่อยขุมพลังวิญญาณนี้ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงได้ดึงดูดค้างคาวโลหิตมามากมายขนาดนี้ ต่อมาพวกเขาเก็บขุมพลังวิญญาณไว้อีกครั้ง ค้างคาวโลหิตหาไม่พบแล้วถึงได้จากไป
ขุมพลังวิญญาณบนร่างของพวกเขาคือสิ่งใดกันแน่?
ตี้ฝูอีเป็นบุตรแห่งเทพมาร คู่มหาเทพสามีภรรยารักถนอมบุตรชาย ต้องมอบของวิเศษให้เขามากมายแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะมีขุมพลังวิญญาณมหาศาลนี้อยู่ด้วยก็ได้…
อีกอย่างเขาหายตัวไปนานขนาดนี้ ยามนี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่บุบสลาย ซ้ำยังทำให้บึงพิษพบพานภัยธรรมชาติจนล่มสลายได้ อาจจะพบโชควาสนาอันใด จนได้รับขุมพลังวิญญาณ…
ตี้ฝูอีผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก วางแผนสังหารคนโดยไม่ต้องชดใช้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขามีจุดประสงค์อะไร พบพานอันตรายก็ไม่ลงมือเลยแถมยังพึ่งพากู้ซีจิ่วอยู่ตลอด ท่าทางราวกับอ่อนแออยู่บ้าง…
เขาอ่อนแอจริงๆ แล้วกำลังแสร้งเล่นกลยุทธ์เมืองร้าง หรือว่าจงใจเสแสร้งว่าอ่อนแอเพื่อล่อให้เขาลงมือกัน?
จู่ๆ ในใจเขาก็บังเกิดแสงแห่งปัญญาขึ้น! เข้าใจแล้ว!
ตี้ฝูอีรู้ว่าเขาประสงค์ร้ายต่อเขา ดังนั้นมีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่เขาจะบอกเรื่องนี้กับกู้ซีจิ่ว แต่กู้ซีจิ่วไม่เชื่อเท่าไหร่ ดังนั้นตี้ฝูอีจึงคิดให้ตัวเขาอวิ๋นเยียนหลีเป็นฝ่ายลงมือก่อนเพื่อพิสูจน์…
ดังนั้นในยามนี้จึงไมเพียงแต่ทำเป็นอ่อนแอต่อหน้าเขาเท่านั้น ยังจงใจแสดงท่าทีสนิทสนมกับกู้ซีจิ่วอย่างเด่นชัดยิ่งนักด้วย ยั่วยุให้เขาลงมือ…
ต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ!
เฮอะ นึกว่าจะหลอกเขาได้ง่ายดายปานนั้นรึ? เขาไม่หลงกลหรอก!
อวิ๋นเยียนหลียกมุมปากขึ้นเผยรอยยิ้มหยามหยัน สายตาหันเหไปเล็กน้อย ตรงไปที่รถม้าของจู๋ตู๋ชิง…
คิดจะไปลองดูก่อนว่าจะหลอกง้างข้อมูลออกมาจากปากเขาได้หรือไม่
….
ตัวรถไม่ได้เสียหายร้ายแรง มีเพียงม่านรถที่สกปรกไปบ้าง มีรอยขาดอยู่สองสามรูเท่านั้น
ตี้ฝูอีนำม่านรถผืนใหม่ออกมาติดทันที ดูดียิ่งกว่าผืนเดิมของอวิ๋นเยียนหลีเสียอีก
ข้าวของที่อยู่ด้านในตี้ฝูอีก็ผลัดเปลี่ยนทุกอย่าง นำของดั้งเดิมที่มีม้วนโยนออกไปนอกรถ…
ถึงแม้ผู้คุ้มกันของอวิ๋นเยียนหลีจะไม่ได้อยู่บนรถเขา แต่ก็มองเห็นทุกอย่างนี้ แต่ละคนต่างขมวดคิ้วแน่น!