บทที่ 2441 ขุมพลังวิญญาณ 6
พวกเขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง!
คุณชายฝูอีผู้นี้จะกำแหงเกินไปแล้วกระมัง?!
เช่นนี้คือไม่เห็นท่านเจ้าเมืองของพวกเขาอยู่ในสายตาเลยใช่ไหม?!
ตอนที่ตี้ฝูอีกระทำเรื่องพวกนี้อวิ๋นเยียนหลีออกมาพอดี ย่อมได้เห็นแล้ว เพียงแต่เขาแค่ยิ้มแวบหนึ่ง เหลือบมอง ตี้ฝูอีแวบหนึ่งแล้วไปที่รถม้าของจู๋ตู๋ชิงเลย
เจตนาของรอยยิ้มนั้นชัดเจนยิ่งนัก เจ้าทำได้เต็มที่เลย! เจ้าเมืองอย่างข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก!
ผู้คุ้มกันเหล่านั้นมองหน้ากันเหลอหลา ในเมื่อท่านเจ้าเมืองของพวกเขาไม่ใส่ใจ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องคับข้องอันใดแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเสีย
กู้ซีจิ่วมองดูรถม้าที่ใหม่เอี่ยมอ่องไปทั้งคัน ข้าวของทั้งหมดของอวิ๋นเยียนหลีถูกตี้ฝูอีโยนออกไปอย่างถือดี
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้นมองดูเขายุ่งวุ่นวาย พอเห็นเขาโยนของออกไป ไม่เข้าใจท่าทางกวนประสาทเช่นนี้ของเขา
“ตอนนี้ยังไม่เหมาะจะล่วงเกินอวิ๋นเยียนหลีนะ เจ้าทำแบบนี้ไม่แน่ว่าอาจจะยั่วโทสะให้เขาลงมือกับเจ้าหรอกหรือ?”
ตี้ฝูอียิ้มสง่า
“วางใจเถอะ ยิ่งข้าทำเช่นนี้เขาก็ยิ่งไม่กล้าลงมือง่ายๆ เขาจะนึกว่าข้าอยากยั่วโมโหเขา ให้ลงมือสังหารข้าด้วยความโกรธ โผล่หางจิ้งจอกออกมาต่อหน้าเจ้า…”
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงเลย…
เอาเถอะ เขามันจิ้งจอกเฒ่านี่!
เดี๋ยวสิ ไม่ถูก ต้องเป็นจิ้งจอกน้อย!
เธอมองสีหน้าของตี้ฝูอี สีหน้าของเขาดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลย
ดูเหมือนเห็ดมรรคาม่วงจะได้ผลอยู่บ้าง
เธอตรวจชีพจรของเขาดูอีกครั้ง ในร่างมีพลังวิญญาณกำลังไหลเวียนอยู่รางๆ และแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก
หัวใจเธอพลันเป็นสุข จึงโถมใส่จนเขาล้มลงบนเบาะเสียเลย คลายสาบเสื้อเขาออกแล้วดูบาดแผลที่ทรวงอก…
แผลตกสะเก็ดแล้ว ทุกอย่างมีแนวโน้มไปในทางที่ดี
ยอดเยี่ยม!
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเขามองเธออยู่ แววตาค่อนข้างพึงใจ นิ่งเงียบไม่พูดจา ท่าทางว่าง่ายยิ่งนัก
“มองข้าแบบนี้ทำไม?”
กู้ซีจิ่วผูกสาบเสื้อให้เขา
ตี้ฝูอียื่นมือไปรั้งตัวนางให้เอนซบในอ้อมแขน
“ข้านึกว่าเจ้าอยากแทะโลมข้า…”
กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ
“เจ้าคิดมากไปแล้ว!”
แล้วหยิบขวดโอสถมรรคาม่วงใบนั้นออกมา
“ข้าเห็นว่าสีหน้าของเจ้าไม่เลวเลย บาดแผลก็ดีขึ้นรวดเร็วนัก ดูเหมือนโอสถนี้ของข้าจะยังมีประสิทธิภาพอยู่ อยากกินอีกสักสองสามเม็ดไหม?”
ตี้ฝูอีจุมพิตหน้าผากนางทีหนึ่ง
“เจ้ามีสิ่งนี้มากนักหรือ?”
นางทำราวกับโปรยถั่วก็มิปาน
“จะเป็นไปได้ยังไง?! สิ่งนี้ล้ำค่าหาใดเทียม! หลายปีมานี้ข้าพานพบแค่หนนั้นหนเดียว เก็บมาจนเกลี้ยงแล้ว! ภายหลังเสี่ยงภัยเข้าไปอีกสองสามหน ก็ไม่พบอีกเลย…”
โอสถที่ล้ำค่าถึงเพียงนี้นางก็ยกให้เขาได้ทั้งขวด ไม่ลังเลเลยสักนิด
“เจ้าคิดจะยกมันให้ข้าหมดเลยหรือ?”
“อืม”
กู้ซีจิ่วไม่ลังเลเลย เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าโอสถนี้เดิมทีก็เป็นของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็แค่ส่งคืนให้เจ้าของเดิมอย่างสมบูรณ์
หัวใจตี้ฝูอีอุ่นวาบ มองยาลูกกลอนที่อยู่ในขวดใบนั้น ด้านในน่าจะยังมีอีกห้าหกสิบเม็ด ทอประกายสีม่วงระยิบระยับ ดุจมีแสงมงคลโอบล้อมอยู่ชั้นหนึ่ง
โอสถนี้คือโอสถวิเศษ!
ตี้ฝูอีเทออกมาครึ่งหนึ่ง แล้วส่งที่เหลือคืนใส่มือนาง
“ข้ากินมากไปก็เสียของเปล่าๆ ที่เหลือเจ้าเก็บไว้เถอะ บางทีโอสถนี้อาจช่วยฟื้นฟูพลังยุทธ์ของเจ้าได้เร็วขึ้น ประเดี๋ยวรอมีเวลาแล้วข้าจะคุ้มกันให้เจ้า เจ้าก็กินโอสถนี้เข้าไปสักหน่อยก็แล้วกัน”
กู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย รับเอามา
“ได้!”
เธอก็อยากฟื้นฟูพลังยุทธ์ให้ดีขึ้นเหมือนกัน!
โอสถนี้ยังคงมีประโยชน์กับเธอยิ่งนัก เพียงแต่เธอเพิ่งฟื้นฟูความทรงจำได้ไม่นาน หลังจากความจำกลับมาก็ยุ่งง่วนสารพัด ไม่มีเวลากินมันมาโดยตลอด
ส่วนโอสถหลายสิบเม็ดที่เทออกมานั้นตี้ฝูอีกินเข้าไปทั้งหมด
เหมือนกับสองครั้งก่อน เมื่อยาลูกกลอนเขาสู่กระเพาะเขาก็ย่อยสลายทันที
ครั้งนี้ไม่เลวเลย สัมผัสได้ว่าชีพจรร้อนวูบวาบ รู้สึกสบายอย่างยิ่ง
บาดแผลตรงทรวงอกก็ไม่เจ็บปวดถึงเพียงนั้นแล้ว ร่างกายคล้ายมีไอร้อนแล่นพล่านไปตามแขนขา อบอุ่นเสมือนแช่อยู่ในน้ำพุร้อน
————————————————————————————-
บทที่ 2442 ขุมพลังวิญญาณ 7
ในที่สุดก็รู้สึกบ้างแล้ว!
กู้ซีจิ่วเห็นว่ากินเข้าไปมากมายขนาดนี้ก็ยังสบายดีอยู่ จึงยุบยิบในใจอยู่บ้าง
จึงหยิบออกมาใส่ปากเม็ดหนึ่งเสียเลย ขณะที่กำลังหาน้ำมาหล่อลงไป
พลันมีเสียงอุทานดังขึ้นด้านนอก
“สวรรค์! ค้างคาวโลหิตมากมายเหลือเกิน! พวกมันกลับมาอีกแล้ว!”
กู้ซีจิ่วตกตะลึง!
ไม่ทันระวังโอสถเม็ดนั้นจึงไหลเข้าหลอดลมไป…
เธอสำลักขึ้นมา
ยาลูกกลอนเม็ดนั้นขนาดไม่เล็กเลย เธอไอให้หลุดออกมาไม่ได้ชั่วขณะ อึดอัดจนใบหน้าเฉิดฉันแดงก่ำแล้ว
ตี้ฝูอีจึงทั้งลูบทั้งทุบทั้งนวดแผ่นหลังของเธอ ยาลูกกลอนเม็ดนั้นจึงพุ่งออกมาจากปากเธอราวกับกระสุนลูกน้อย พุ่งผ่านหน้าต่างรถออกไปด้านนอก
ทันทีที่อาการของกู้ซีจิ่วดีขึ้น ก็โยนขวดยาเข้าไปในมิติเก็บของอีกครั้ง แล้วเธอก็วิ่งตามโอสถเม็ดนั้นออกไปอย่างปวดใจนัก คิดจะไปดูว่าจะเก็บกลับมาได้หรือไม่
ผลคือได้เห็นฉากหนึ่งที่ทำให้เธอตกตะลึง
ค้างคาวโลหิตที่อยู่ด้านนอกมีจำนวนหลายพันตัว เดิมทีโฉบถลาเข้ามายังทิศทางที่พวกเธออยู่ ยามนี้กลับพากันเปลี่ยนทิศทาง บินฉิวลงไปด้านล่างดุจควันสายหนึ่ง ราวกับไล่ตามสิ่งใดอยู่
แออัด คับคั่ง ทำให้คนเห็นแล้วตาลาย
เกิดอะไรขึ้น?
กู้ซีจิ่วมองไปทางพวกองครักษ์จิน องครักษ์จินก็มีสีหน้างงงันเช่นกัน
“เมื่อกี้พวกมันพุ่งมาทางขบวนรถของพวกเราชัดๆ…”
องครักษ์หวาพรูลมหายใจออกมายาวๆ
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแค่พวกมันไม่ก่อกวนพวกเราอีก ก็ดีมากแล้ว”
องครักษ์จินก็พยักหน้าเช่นกัน
“มิผิด มากมายขนาดนี้ถ้าพุ่งเข้ามาพร้อมกันจริงๆ พวกเราต้านไม่อยู่แน่… เอ๊ะ พวกมันกำลังทำอะไรน่ะ? เข่นฆ่ากันเอง?”
ค้างคาวโลหิตที่แออัดเบียดเสียดกันอยู่ด้านล่างนั้นจู่ๆ ก็ต่อสู้กันขึ้นมาเสมือนบ้าคลั่ง
ละอองโลหิตปลิวว่อนดุจสายฝน วุ่นวายเลอะเลือน และตระการตาอย่างยิ่ง
ค้างคาวเหล่านั้นต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงนั้น ขบวนรถของพวกกู้ซีจิ่วจึงฉวยโอกาสเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว! ทิ้งค้างคาวโลหิตเหล่านั้นไว้ข้างหลัง
กู้ซีจิ่วก็มองด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ยืนมองอยู่ที่ชานรถพักหนึ่ง ก็หาสาเหตุไม่พบเลย
ในใจรู้สึกอยู่รางๆ ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับยาลูกกลอนที่ตนพ่นออกไป..
พอหันกลับไป ก็เห็นตี้ฝูอียืนอยู่ข้างกายตน เขามองไปยังทิศทางนั้นอย่างครุ่นคิดใคร่ครวญเช่นกัน
“เจ้าว่าค้างคาวโลหิตพวกนี้เป็นอะไรไป?”
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเขา
เวลาที่มีเขาอยู่ข้างกาย เธอก็คร้านจะใช้สมอง…
ตี้ฝูอีเงียบงัน ดึงเธอเข้าไปในรถ หลังจากนั่งลงก็เอ่ยกำชับเธออย่างเข้มงวด
“ซีจิ่ว ลูกกลอนมรรคาม่วงนี้อย่าได้มอบออกไปส่งเดช! ค้างคาวโลหิตถูกยาลูกกลอนเม็ดนั้นล่อมา พวกเราปรักปรำอวิ๋นเยียนหลีเสียแล้ว…”
กู้ซีจิ่วก็สงสัยเรื่องนี้อยู่รางๆ เช่นกัน เพียงแต่ไม่กล้าตัดสิน
“เจ้ารู้ได้ยังไง?”
ตี้ฝูอีตอบ
“สายตาข้ายอดเยี่ยม เมื่อกี้ได้เห็นทุกอย่างแล้ว พวกมันร่อนลงด้านล่างไล่ตามยาลูกกลอนที่เจ้าพ่นออกไปเหมือนผึ้งฝูงหนึ่ง มีตัวหนึ่งคว้าโอกาสได้ก่อน กลืนโอสถนั้นเข้าไป แต่เห็นได้ชัดว่ามันสยบไม่สำเร็จ ผลคือตัวระเบิด เศษเนื้อปลิวว่อน ในเลือดเนื้อของมันก็แฝงฤทธิ์ยาไว้ด้วย ทำให้ค้างคาวโลหิตที่เหลือแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง ผลคือกัดกันขึ้นมา…”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย…
ที่แท้โอสถนี้ยังเป็นของล้ำค่าที่สามารถดึงดูดค้างคาวโลหิตได้ด้วย…
เลิศล้ำพอๆ กับเนื้อพระถังซัมจั๋งเลย
เช่นนั้นสรุปแล้วโอสถนี้หมดอายุหรือไม่หมดอายุกันล่ะ?
ขณะที่พวกเขาหารือกันอยู่ น้ำเสียงไม่จองหองไม่นอบน้อมขององครักษ์จินก็แว่วมาจากด้านนอก
“เจ้าเมืองอวิ๋นมีธุระอันใด?”
ชัดเจนนัก อวิ๋นเยียนหลีพุ่งมาที่รถม้าคันนี้แล้ว!
ใช่จริงๆ น้ำเสียงเยียบเย็นดุจสายธารฤดูใบไม้ร่วงของอวิ๋นเยียนหลีดังขึ้นด้านนอก
“ข้าผู้เป็นเจ้าเมืองมีเรื่องจะสอบถามนายของเจ้า”
เลิกม่านรถแล้วก้าวเข้ามา
“ซีจิ่ว เมื่อกี้พวกเจ้าศึกษาอะไรอยู่? ไม่น่าเชื่อว่าจะล่อค้างคาวโลหิตฝูงใหญ่มาได้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย เจ้าเอาสิ่งนั้นออกมาเถอะ ให้ข้าดูหน่อย”