ตอนที่ 760 ทะนุถนอม(4) โดย Ink Stone_Romance

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

ไป๋ซู่เย่ได้ยินเสียงเคาะประตู ฝืนหยัดตัวจากเตียงมากล่าว “เข้ามาเถอะ”

 “คุณไป๋ อาหารเช้าของคุณค่ะ” พยาบาลยกโจ๊กร้อนกรุ่นเข้ามา

ความจริงไป๋ซู่เย่ไม่อยากอาหารเท่าไร ตอบกลับเพียง “ขอบคุณ คุณวางไว้ข้างๆ ก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยทาน”

 “ก็ได้ค่ะ คุณพักผ่อนสักหน่อย ฉันไม่รบกวนแล้ว”

 “รอเดี๋ยว” ไป๋ซู่เย่เรียกพยาบาลไว้แล้วถาม “ฉันออกโรงพยาบาลได้หรือยัง?”

 “ยังไม่ได้ค่ะ วันนี้คุณต้องตรวจร่างกายหลายที่แหนะ!คุณหมอประจำเคสก็ยังไม่มา หลายวันนี้คุณจะต้องฉีดยาหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับคุณหมอตัดสิน”

ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจ “งั้นก็ได้ รอคุณหมอมาแล้วรบกวนคุณช่วยเรียกคุณหมอมาหาฉันที”

เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาล อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมนี้เพียงลำพัง อารมณ์โดดเดี่ยวน่าสงสารจะยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม

ไป๋ซู่เย่รอคุณหมอมาหาในห้องรอจนเบื่อหน่ายเลยเปิดโทรทัศน์ฆ่าเวลา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ประตูห้องถูกเคาะใหม่อีกครั้ง

หลงคิดว่าคุณหมอมาเลยบอกให้อีกคนเปิดประตูเข้ามาได้เลย ขณะที่ประตูถูกเปิดออกแล้วร่างที่คุ้นเคยย่างกรายเข้ามาทำเอาเธอชะงักไปอึดใจ

เย่เซียวชำเลืองมองมาทางเธอแวบหนึ่งก็ละสายตาไป หันไปกล่าวต่อคุณหมอผู้รับผิดชอบที่ยืนอยู่ข้างๆ “จัดการเสร็จหมดหรือยัง?”

“ครับ ก็รอคุณมา ทีมพยาบาลได้เตรียมไว้แล้ว” คุณหมอพยักหน้า

 “คุณไปก่อน เราจะตามไป”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนถอยออกจากห้องไป

รอสายตาเย่เซียวมองมาทางเธออีกครั้งก็พบว่าสายตาเธอยังไม่ละจากตัวเขา ทั้งคู่สอดประสานสายตา ไป๋ซู่เย่ถึงดึงสติกลับมาได้ “คุณ…คุณมาได้ยังไง?”

 “ผมมาไม่ได้?” ใบหน้าเย่เซียวเรียบนิ่งไม่สื่ออารมณ์ใด ก้าวมาข้างเตียงช้าๆ

 “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

เย่เซียวเหลือบมองอาหารเช้าบนหัวเตียงแวบหนึ่ง เวลานี้คงเย็นหมดแล้ว

 “ไม่ได้ทานอาหารเช้า?”

 “…ลืม”

เขามุ่นคิ้วแล้วพูดต่อ “ในเมื่อไม่ได้ทานก็ช่างเถอะ เดี๋ยวต้องเจาะเลือด”

 “เจาะเลือด? ทำไมต้องเจาะเลือด?” ไป๋ซู่เย่สงสัย “คุณหมอบอกว่าฉันแค่อาการร่างกายอักเสบ ไม่ถึงกับ…”

เธอยังพูดไม่จบผ้าห่มบนตัวก็ถูกเย่เซียวเลิกออกก่อน ความเย็นที่จู่โจมเข้ามากะทันหันทำให้เธอหยุดประโยคเมื่อครู่ไว้ตรงนั้น

 “คุณทำอะไรเนี่ย?” เธอสะดุ้งเพราะความหนาวเผลอซุกตัวเข้าหากองผ้าห่มที่ถูกเขาเลิกไปกองไว้ตรงมุมเตียงโดยไม่รู้ตัว

เธอออกมาด้วยชุดนอนทั้งตัว เรียวขาคู่เปลือยเปล่า

สายตาเย่เซียวเรียบนิ่ง คนที่พาเธอมาส่งโรงพยาบาลเมื่อวานไม่ได้ฉวยโอกาสเธอ!

 “ไปเปลี่ยนชุดนอน ในห้องน้ำมีชุดผู้ป่วยตัวใหม่”

 “ไม่ต้องหรอก” ไป๋ซู่เย่ปฏิเสธ “สุขภาพฉันไม่มีปัญหา ไม่ต้องตรวจอย่างอื่น ฉันจะทำคู่มือออกโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”

สิ้นเสียงเธอเย่เซียวช้อนตัวเธอจากเตียงทันที ย่ำเท้าเดินเข้าห้องน้ำ

 “เย่เซียว คุณได้ยินที่ฉันพูดมั้ย?” เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนเขา ดึงเนกไทของเขาเป็นการท้วง

 “ในเมื่อไม่ยอมลงมือทำเอง ผมจะช่วยคุณ” น้ำเสียงเขาราบเรียบเหลือเกิน

คนคนนี้หมายถึงว่าจะช่วยเธอเปลี่ยนชุดคนไข้อย่างนั้นหรือ?

 “ได้สิ งั้นคุณช่วยฉันเปลี่ยนแล้วกัน ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนเอง” แม้แต่น้ำเสียงเธอยังแสดงถึงการขัดขืน เธอจะออกจากโรงพยาบาล!ออกจากโรงพยาบาล!ตอนนี้มาเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้ ไม่วุ่นวายหรือ?

เย่เซียวอุ้มเธอเข้ามาในห้องน้ำแล้ววางไว้บนเคาน์เตอร์กระจกเคลือบขนาดใหญ่ แขนของเขายาวเป็นพิเศษแค่ยกมือก็เปิดตู้ออกพร้อมกระชากชุดคนไข้ออกมาเสร็จสรรพ

เขาก้มมองเธอแวบหนึ่ง นิ้วยาวจรดสายคาดเอวชุดนอนระหว่างเอวของเธอ

 “เย่เซียว!” ไป๋ซู่เย่ใจเต้นผิดจังหวะไปทีหนึ่ง รีบคว้ามือเขาไว้ “คุณ…คุณอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”

 “ผมไม่ได้ทำบ้าๆ” เย่เซียวปัดมือเธอทิ้งด้วยสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ใดๆ ปน คล้ายว่ากำลังทำเรื่องที่ปกติเรื่องหนึ่ง

 “ไม่ได้ทำบ้าๆ แล้วตอนนี้คุณทำอะไรอยู่?” ไป๋ซู่เย่เลิกเสียงสูงโดยไม่รู้ตัว สายคาดตรงเอวถูกเขากระตุกออกได้อย่างง่ายดาย เธอจะผลักเขาแต่กลับถูกเขารวบแขนทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว จากยามปกติเรี่ยวแรงเธอก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้เป็นคนป่วยอยู่ก็อย่าคิดจะต่อกรกับเย่เซียวเลย

 “ถ้าดิ้นอีก ผมจะมัดคุณ” เย่เซียวจ้องเธอเป็นการตักเตือนวูบหนึ่ง

 “ฉันเปลี่ยนเอง” ไป๋ซู่เย่กล่าวด้วยความลน “ฉันเปลี่ยนก็ได้”

 “พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง”

 “…บอกตอนนี้ก็ไม่สาย”

สายตาเย่เซียวล้ำลึกมากขึ้น ปล่อยมือเธอ ร่างกายเกร็งแน่นของไป๋ซู่เย่ถึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ขณะที่เธอกำลังจะผ่อนคลายทันใดนั้นเอง…

มือใหญ่ของชายหนุ่มอยู่ๆ ก็ลอดเข้าไปใต้ร่มผ้าของเธอ ไล้นิ้วยาวอุ่นร้อนบนผิวเธอ การสัมผัสที่กะทันหันเหมือนกระแสไฟแล่นสู่ร่างกายเรียกให้ไป๋ซู่เย่ตัวสะท้านเฮือกอย่างไม่รู้ตัว เผลอถดถอยไปข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ

 “อย่าขยับ” เย่เซียวใช้มืออีกข้างจับหลังเอวเธอ ออกแรงเพียงนิดตัวเธอก็ถูกเขาดันเข้าหาตัวเองอีก

ทั้งคู่ขยับเข้าหากันอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง

ใกล้ถึงขนาดที่ว่า…

ลมหายใจของทั้งคู่สอดประสานกันแนบแน่น

เธอรู้สึกได้ว่ามือของเย่เซียววางไว้บนหน้าท้องน้อยแบนเรียบของเธอ ไม่มีอารมณ์ความต้องการแอบแฝง

 “…ยังเจ็บอยู่มั้ย?” พักใหญ่เขาถามเสียงเบา

ไป๋ซู่เย่สติพร่ามัวน้อยๆ ได้ยินเสียงของเขาด้วยใจที่ล่องลอยหน่อยๆ เพราะตอนนี้สมาธิของเธอแทบจดจ่อบนปลายนิ้วที่มีกระแสไฟฟ้าสถิตของเขาทั้งหมด

แม้พวกเขาเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากกว่านี้แต่รสสัมผัสที่ไม่แฝงด้วยความต้องการของเขาแบบนี้ทำเอาเธอใจเต้นอย่างห้ามใจไม่ไหว

 “…เมื่อคืนฉีดยาไปก็ไม่เจ็บแล้ว” ผ่านไปพักใหญ่ไป๋ซุ่เย่ถึงตอบกลับ มือวางบนข้อมือเย่เซียวเบาๆ “คุณ…เอามือออกมาก่อน”

 “ผมไม่ได้พูดถึงเมื่อคืน” แววตาเย่เซียวล้ำลึกมากขึ้น วางมือไว้ตำแหน่งเดิมโดยไม่ฟังคำของเธอ

เธอมองเขาอย่างฉงน

เย่เซียวเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สักพักถึงกลั่นเสียงออกมานิ่งๆ “ผมหมายถึงแท้ง”

เรื่องที่สูญเสียลูกเป็นรอยแผลในใจเธอเป็นทุนเดิม บัดนี้ถูกเขาเอ่ยถึงยิ่งทำให้เธอปวดใจหนักกว่าเดิม “คุณรู้แล้วเหรอ?”

 “เพิ่งรู้เมื่อคืน”

ดวงตาไป๋ซู่เย่รื้นด้วยน้ำใสชั้นบางๆ สูดจมูกที่ปวดแสบพลางส่ายศีรษะ “หายเจ็บตั้งนานแล้ว…เรื่องมันผ่านไปแล้วนานขนาดนั้น…”

ตอนนี้ไม่เจ็บ

แต่พอจะจินตนาการได้ว่าวันที่แท้งเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดลำพังมันจะเจ็บขนาดไหน

เย่เซียวนึกถึงภาพที่เธอทั้งไร้ที่พึ่งทั้งเจ็บปวดเหมือนมีสำลียัดตรงหน้าอก รู้สึกอึดอัดและกดดันผสมปนเปกันไป

ครู่ใหญ่มือของเขาละออกจากหน้าท้องน้อยเธอช้าๆ “เปลี่ยนเสื้อเถอะ ผมจะไปรอคุณข้างนอก”

เธอพยักหน้ารับ

เย่เซียวถึงปล่อยเธอ หมุนตัวเตรียมออกไป

 “เย่เซียว” ไป๋ซู่เย่เรียกเขาไว้กะทันหัน

เขาหันกลับมาด้วยสายตาที่หม่นหมองเล็กน้อย สองตาเธอจ้องมองเขา “เมื่อคืน…ใช่คุณมั้ย?”

……………………