GGS:บทที่ 778 เข้าไปตรงๆ

 

ในห้องกว้างที่หนึ่งที่มีแสงส่องเจิดจ้า ชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาคนนึงหนึ่งนอนแผ่หลายอยู่กับพื้นพลางหายใจรวยรินเหมือนใกล้จะตาย มือหมอจำนวนหนึ่งรีบเข้ามาตรวจอาการของเขา ตงเซียวและชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งที่หน้าตาออกจีนแท้ๆกำลังยืนมองอย่างสบายอารมณ์

 

ตงเซียวยิ้มออกมาพลางพูดว่า “ตาแก่ไป๋ ยอมฟังหมอเถอะน่า ไปนอนพักผ่อนอยู่เฉยๆเถอะ”

 

ชายวัยกลางคนที่สภาพอ่อนแอคนนั้นพูดออกมาอย่างลนลานว่า “ลูกฉันถูกจับไปนะ จะให้ฉันพักเฉยๆได้ยังไงกัน อย่างน้อยก็ให้ลองหาหน่อยก็ยังดีว่าลูกชายฉันกับไอ้เวรตไลซูจิ้งนั่นไปอยู่ที่ไหนแล้ว”

ตงเซียวได้พูดต่อว่า “เรื่องนั้นฉันจัดการแล้วน่า ฉันให้กำลังทั้งหมดในเมืองจงหยุนค้นหาแถมยังให้เซียวฉือออกไปช่วยด้วย

นายก็รู้ความสามรถของหมอนั่นดีนี่ ฉันว่าอีกไม่นานเราก็เจอตัวลูกชายนายแล้ว และซูจิ้งก็ยังไม่ควรจะทำอะไรฮิตูด้วยเพราะเขาน่าจะมีเป้าหมายอื่น นายอย่ากังวลไปเลยน่า”

 

ชายวัยกลางคนที่สภาพอ่อนแรงได้พูดตอบกลับมาว่า “ไม่ว่าจะใช้เวลานานหรือไม่ก็ตาม เมื่อฉันเจอฮิตูแล้วจะฉีกไอ้เวรตะไลนั่นเป็นชิ้นๆ ฮิตูแข็งแกร่งขนาดนั้นยังโดนเล่นงานได้ ซูจิ้งเป็นใครกันแน่”

ตงเซียว และชายวัยกลางคน พวกเขาในตอนแรกที่ได้ยินรายงานเรื่องนี้จากโทรศัพท์ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเองเหมือนกัน

ตงเซียวหัวเราะออกมาและพูดว่า “ตอนที่ฉันเจอซูจิ้งตอนนั้นฉันก็คิดว่าหมอนั่นพอใช้ได้และเคยชวนเขามาร่วมกับพวกเราแล้ว

อย่างไรก็ตามระหว่างที่กำลังคุยกันฉันก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่จะยอมละทิ้งคนอื่นไว้ข้างหลัง

แถมยังมีตระกูลใหญ่อยู่เบื้องหลังเขาซะอีก ฉันก็เลยถอดใจเรื่องนั้นไป

ตอนนี้ฉันคงต้องมองเขาใหม่ซะแล้ว”

 

“ฉันเองก็ได้ยินเรื่องของเขามาเหมือนกันนะ” ชายหน้าปรุได้พูดออกมาต่อว่า

“ดูเหมือนว่าเขานั้นได้ค้นพบโอกาสทางธุรกิจหลายๆอย่างและมีความลับมากมายอยู่กับตัว ตอนที่เซียวฉือเจอเขา ฉันจะออกไปเจอเขาด้วยตัวเอง”

 

ตอนนั้นโทรศัพท์ตงเซียวได้ดังขึ้น พอมองแล้วเห็นว่าเป็นเบอร์ใครก็พูดออกไปว่า “เป็นไงบ้างเซียวฉือ เจออะไรมั่งรึเปล่า”

 

เสียงวัยรุ่นได้ตอบกลับมาผ่านโทรศัพท์ว่า “ผมมาถึงที่ผับแล้วล่ะ ดูจากสถานการณ์แล้วมีร่องรอยการต่อสู้ เป็นฮิตูที่ใช้ความสามารของเขาอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าจะเอาไม่อยู่จริงๆ ศัตรูนี่ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเลย สุดท้ายซูจิ้งได้พาฮิตูขึ้นรถออกไป ผมดูจากกล้องวงจรปิดแล้วทั้งของที่นี่ ถนนทางหลวง และป้อมทางด่วน จากการคาดคะเนคิดว่าน่าจะกำลังตรงไปที่นั่น”

 

“ว่าไงนะ” ตงเซียวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบเปิดจอมอนิเตอร์ดูสถานการณ์ภายนอกในทันที

เมื่อเห็นดังนั้นชายวัยกลางคนที่สภาพอ่อนแอและชายหน้าปรุได้เปิดจอมอนิเตอร์ดูเช่นกัน

ทันทีที่พวกเขาเลื่อนไปดูหน้าจอที่แสดงภาพของบันไดพวกเขาถึงกับตกใจจนหน้ามืดกันเลยทีเดียว

และทันใดนั้นประตูห้องก็เกิดเสียงดังสนั่น บานประตูกระเด็นเข้ามา พร้อมทั้งซูจิ้งที่เดินเข้ามาช้าๆ

 

ตงเซียว ชายหน้าปรุ และชายร่างกายอ่อนแรง ต่างก็หน้าเปลี่ยนสีในทันที พวกเขาวางกองกำลังที่ได้รับการฉีดฮอร์โมนเสริมร่างกายไว้ที่บันได

แต่กลายเป็นว่าพวกนั้นหยุดซูจิ้งไม่ได้เลยซักนิด ทำไม่ได้แม้แต่ไปกดสัญญาณเตือนภัยด้วยซ้ำ ไม่สิพวกเขายังไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้ด้วยซ้ำ นี่ซูจิ้งก้าวล้ำพวกเขาไปมากขนาดไหนกัน

ฉากหลังของซูจิ้งเป็นสิ่งที่ยืนยันความสามารถของซูจิ้งได้อย่างดีเพราะเป็นซากของคนที่เขาให้เฝ้าบันไดเอาไว้นอนบาดเจ็บหนักจนลุกไม่ขึ้นอยู่เต็มไปหมด บางคนก็สลบเหมือดไปเลย

นอกจากนั้นทั้งกล้องวงจรปิดและสัญญาณเตือนภัยทั้งหมด เหมือนจะถูกเปิดหมดแล้วแต่พังจนไม่เหลือเค้าเดิมเลยซักอัน

 

“เซียวฉือกลับมาเดี๋ยวนี้ ใช้ร่างวิญญาณนะ” ตงเซียวยิ้มออกมาขณะที่จ้องมองไปยังโทรศัพท์

 

“ได้” เขานั้นวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆโดยยังไม่ได้วางสายแต่อย่างใด

ซักพัก ใต้เท้าเขาก็การเคลื่อนไหวบางอย่างมันเหมือนกับว่าเงาของเขาขยับได้แต่มีรูปร่างที่ไม่เหมือนเขา

เงานั้นมีสองมือ สองเท้า และหนึ่งหาง ปากของมันเรียวแหลมและลักษณะดูเหมือนสัตว์ประหลาด

 

ซูจิ้งจ้องมองไปรอบๆอย่างช้าๆ และให้ความสนใจไปที่ตงเซียว ชายวัยกลางคนที่ดูอ่อนแรง และชายหน้าปรุ รวมถึงสแตนด์ที่อยู่ข้างหลังพวกเขา

“ซูจิ้ง ลูกชายของฉันอยู่ที่ไหน” ชายท่าทางอ่อนแรงถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดุร้าย ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอดไอออกมาไม่ได้

“อย่ากังวลไปน่า เขายังไม่ตายหรอก” ซูจิ้งตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

เขาหันหน้าไปทางตงเซียวและเดินเข้าไปหาพร้อมพูดว่า “คุณดง ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ ตอนแรกผมก็นึกว่าพวกคุณศึกษาเฉพาะสัตว์หายากอย่างเดียวซะอีก ไม่คิดเลยว่าคุณจะศึกษาของแบบนี้ด้วย

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนี่คุณคงเอาเรื่องการวิจัยสัตว์หายากมาบังหน้าเอาไว้ไม่ให้จับได้ซินะ”

 

“อย่ากังวลเรื่องนั้นไปเลยครับคุณซู ถึงจะบอกว่าสถานพักพิงฯสัตว์แห่งนี้จะเป็นเพียงฉากบังหน้า แต่ผมก็รักสัตว์พวกนั้นจริงๆ

เพราะฉะนั้นเรื่องสัตว์พวกนั้นคุณไม่ต้องกงวลเลยครับ ผมไม่เคยทำอันตรายพวกมันเลยซักครั้งเดียว” ตงเซียวยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับไป

 

“นั่นดีมากเลยครับ แต่ว่าถ้าเทียบกันระหว่างข้างบนนั่นกับข้างล่างนี่ดูๆไปแล้วที่นี่เหมาะกับการเป็นสถาบันวิจัยมากกว่าซะอีก”

ซูจิ้งพูดออกไปในขณะเดียวกันก็ปล่อยกระแสจิตแผ่ออกไปสำรวจโดยรอบทำให้เขารับรู้ได้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือที่นี่แทบจะครบรอบด้าน

มีแม้แต่เครื่องวิจัยยาล้ำสมัยและอุปกรณ์วิจัยด้านชีววิทยา ตลอดจนนักวิจัยที่ดูเป็นระดับสูงอยู่หลายคน

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงวิจัยฮอร์โมนได้จนแตกฉานและหลบหลีกการตรวจสอบตำรวจได้นานขนาดนี้

นอกจากจะซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียนแล้วแม้แต่อุปกรณ์พวกนี้เองต่อให้ตำรวจเข้ามาเห็นเองกับตาก็ต้องคิดว่าเอาไว้ใช้วิจัยยาที่ใช้กับสัตว์อย่างแน่นอน

 

“ผมเองก็ประหลาดใจไม่น้อยเลยนะครับ ไม่คิดว่าจะได้พบกับคุณซูอีก ถึงจะไม่ใช่แบบที่ผมหวังไว้ก็ตาม คุณทำให้ผมประหลาดใจจริงๆนะ

อย่างไรก็ตามทางผมเองยังไม่รู้เลยว่าพวกเรานั้นมีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน แล้วเหตุผลที่เราต้องสู้กันคืออะไรกันแน่

ถ้า ถ้าเป็นไปได้หากคุณซูปล่อยตัวฮิตูไปซะ แล้วละทิ้งเรื่องบาดหมางทั้งหมดและยอมร่วมกับพวกเราล่ะก็

ไม่สิ ต้องบอกว่ามาร่วมกันบริหารที่นี่ล่ะก็ ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนในโลกก็ตาม เกือบทั้งโลกจะต้องตกเป็นของพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัยครับ” ตงเซียวกล่าวความรู้สึกของเขาออกมาอย่างหมดจดด้วยรอยยิ้มกว้าง

 

“เอาจริงๆคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่นั้นไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้นหรอก เพียงแค่มาตามหาของที่หายไปพร้อมทั้งเก็บกวาดเศษซากที่เกิดจากผลของๆชิ้นนั้นที่เกิดจากการไม่ระวังของตัวผมเท่านั้นเอง” ซูจิ้งพูดออกมาพลางยิ้มตอบ

 

“ผมก็ยังไม่รู้นะว่าคุณซูพูดถึงเรื่องอะไร แต่ฟังดูเหมือนว่าคุณซูจะไม่อยากร่วมงานกับพวกผมซินะ” ตงเซียวพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ถูกต้องแล้วหล่ะ” ซูจิ้งพยักหน้ารับช้าๆ

 

“ช่างหน้าเสียดายจริงๆ” ตงเซียวพูดออกมาพร้อมแสดงท่าทางเสียดายออกมาอย่างจริงจัง

 

ทันใดนั้นอยู่ๆก็ได้มีเงาสัตว์ประหลาดโผล่มาจากไหนไม่รู้ปรากฎอยู่ข้างๆซูจิ้ง และยิงบางอย่างมาที่ซูจิ้งราวกับสายฟ้าฟาด ซูจิ้งเองก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว เขาได้ก้าวหลบฉากออกมาเล็กน้อยจนหลบได้ เจ้าเงาสัตว์ประหลาดเองก็ได้หายตัวไปและไปปรากฎตัวที่อื่นแทบจะในทัน

 

“พลังไฟฟ้างั้นรึ” ซูจิ้งหนังตากระตุกเล็กน้อย

 

“ช่างเป็นปฏิกริยาโต้ตอบที่รวดเร็วจริงๆ แต่ยังไงซะก็คงหลบได้อีกไม่นานนักหรอก”

ซูจิ้งได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากเต้าเสียบปลั๊กไฟ

ไม่นานนักเงาสัตว์ประหลาดนั่นก็ได้ออกมาอีกครั้งพร้อมทั้งวิ่งวนรอบซูจิ้ง

มันดูรุนแรงและเจิดจ้ามากจากทำให้มองไม่เห็นเงาซูจิ้งเลยด้วยซ้ำจนเหมือนกับว่ารอบซูจิ้งเป็นวงกลมกระแสไฟฟ้าไฟแรงสูง

คนที่อยู่รอบๆ เห็นภาพดังกล่าวถึงกับทำหน้ามึนและไม่สามารถมองเห็นเงานนั่นได้เลย ด้วยความเร็วขนาดนี้แม้แต่ซูจิ้งก็ยังต้องยอมแพ้แน่นอน

 

เงานั่นได้มองหาจุดบอดของซูจิ้งและได้ยิงสายฟ้าใส่จากข้างหลัง คราวนี้ดูเหมือนว่าซูจิ้งจะไม่ทันรู้ตัว

เขาไม่ขยับแม้แต่น้อย แน่นอนว่าค้วยความเร็วของกระแสไฟฟ้าจะมีใครหลบได้กัน

ในตอนนั้นชายหน้าปรุและชายท่าทางอ่อนแรงก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาบ่งบอกว่ายินดีกับชัยชนะที่ได้รับอย่างแน่นอนแล้ว

 

หลังจากที่เงาประหลาดนั่นได้ช็อตซูจิ้งจากด้านหลังโดยไม่ทั้นตั้งตัว เขาได้ร่วงลงไปจนร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง จนกลายเห็นหลุมขนาดใหญ่ที่เป็นรูปร่างของมนุษย์

ซูจิ้งในตอนนี้เองก็พยายามจะลุกขึ้นเหมือนกันแต่ร่างกายของเขารู้สึกหนักอึ้งประหนึ่งดังโดนกดทับโดยภูเขาทั้งลูก หนักชนิดที่ว่าขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว