มุมปากของอึยชานที่ไม่ค่อยจะยิ้มนักเว้นเสียแต่ในที่สาธารณะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อึยชานกำลังแต่งตัวและจัดผมอยู่ จาฮอนก็เก็บเสื้อผ้าต่างๆ ที่เขาโยนทิ้งไว้อย่างคร่าวๆ พร้อมเอ่ยถามเหมือนถามเรื่องปกติ  

 

 

“พี่ พี่ชอบซอยูมินตรงไหนเหรอครับ” 

 

 

อึยชานทาแวกซ์บนปลายนิ้วและกำลังจะเอามาป้ายผมต้องหยุดชะงัก แววตาสะท้อนในกระจกเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย 

 

 

“อะไรนะ” 

 

 

“ผมถามว่าพี่ชอบเธอตรงไหน จากที่เห็นคราวก่อน นิสัยไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ” 

 

 

“ทำไมฉันต้องชอบซอยูมินด้วย” 

 

 

“ผมกำลังถามอยู่นี่ไง ว่าทำไมถึงชอบ” 

 

 

“ไม่ ฉันไม่ได้ชอบ นี่นายรู้ตัวไหมเนี่ยว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่” 

 

 

“ตอนนี้พี่กำลังจะไปเจอผู้หญิงก็เลยจัดเต็มทั้งแฟชั่นโชว์ ทั้งแฮร์โชว์ ที่พี่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้ดูดีต่อหน้าคุณซอยูมินไม่ใช่เหรอครับ” 

 

 

“ใช่ซะที่ไหน ก็แค่เป็นศักดิ์ศรีในฐานะแฟชั่นนิสตาต่างหาก” 

 

 

อึยชานขมวดคิ้วอย่างแรงพร้อมกับเช็ดแวกซ์บนนิ้วมือด้วยทิชชู่ แต่ความจริงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองทำตัวผิดแปลกจากปกติ เมื่อเวลานัดกับยูมินใกล้มาถึงก็ทำได้แค่เพียงวิตกกังวล ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมและไม่อยากแม้แต่จะยอมรับ 

 

 

“รู้ไหมว่าคราวก่อนผู้หญิงคนนั้นมองฉันแล้วพูดว่าอะไร” 

 

 

เขาอยากเสริมเหตุผลทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น จะต้องหาข้ออ้างว่าทำไมตัวเองเป็นแบบนี้ ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน 

 

 

ชอบงั้นเหรอ ฉันเนี่ยนะ ฉันคืออีอึยชาน ผู้ชายที่มีผู้หญิงมากมายมาต่อแถวตั้งแต่สะพานฮันนัมจนถึงยางฮวา ใครชอบใครนะ อีอึยชานชอบผู้หญิงแปลกที่ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วทำท่าทางผาดโผนน่ะเหรอ 

 

 

“แล้วเธอว่าไงล่ะครับ” 

 

 

“ที่รุนแรงคือหนวดเคราของคุณต่างหาก เธอว่าอย่างนี้ ก็ฉันยุ่งจนไม่มีเวลาโกนหนวด แล้วหนวดนี่มันก็โอเคไม่ใช่หรือไง มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” 

 

 

ที่รุนแรงคือหนวดเคราของคุณต่างหากค่ะ น้ำเสียงเย็นชาเป็นเอกลักษณ์วนเวียนอยู่ในหูของเขา ในขณะเดียวกันก็จัดผมข้างหนึ่งที่เด้งด้วย อึยชานก็รีบปาดแวกซ์ที่ผมอีกครั้ง ส่วนจาฮอนก็แขวนชุดเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า 

 

 

“พี่ถึงได้ถามว่าตัวเองหนวดเยอะเกินไปเหรอ ตอนเจอผมใช่ไหมครับ” 

 

 

“อืม หลังจากได้ยินอะไรแบบนั้น ครั้งนี้ก็เลยต้องไปแบบเป็นผู้เป็นคนหน่อย มันเป็นมารยาทไง” 

 

 

เป็นผู้เป็นคน คำนั้นคือหลักฐานของความกังวลใจที่มีมากจนเกินไป มารยาทเนี่ยนะ เขามีมารยาทตั้งแต่เมื่อไหร่กัน 

 

 

จาฮอนถอนหายใจหน้ากองเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปทั่วและไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงจะพูดออกไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนอกจากจะไม่เข้าหูอึยชานแล้ว แถมเขายังได้เสื้อเชิ้ตที่ถูกใจมาแล้วด้วย 

 

 

“ไม่มีตรงไหนแปลกใช่ไหม” 

 

 

ระหว่างจาฮอนกำลังจัดกองเสื้อผ้าอยู่ อึยชานก็ออกห่างจากกระจกหลังจากฉีดน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ตรงต้นคอ 

 

 

“ครับ โอเคเลยครับ” 

 

 

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อึยชานก็ดูมีออร่าของการเป็นนักแสดงผิดกับเมื่อไม่กี่วันก่อน ร่างสูงเพรียวและไหล่กว้างปรากฏเด่นชัดแม้อยู่ภายใต้เสื้อไหมพรมหลวมๆ ดวงตาที่มีเสน่ห์ดูลึกลงไปอีกเพราะแพขนตาหนา อึยชานมองดูตัวเองที่สะท้อนในกระจกเต็มตัวเป็นครั้งสุดท้ายและรู้สึกพึงพอใจ ก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาโยนให้จาฮอน 

 

 

“ไปกันเถอะ” 

 

 

ไม่ว่าจะตอนถอนเงินที่ธนาคารหรือตอนมาร้านกาแฟที่นัดกันไว้ อึยชานก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยตลอดเวลา มันเป็นสีหน้าสดใสที่จาฮอนไม่ได้เห็นมานาน แต่สุดท้ายสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งตึงและเย็นชากว่าปกติทันทีที่เห็นผู้ชายคนที่มารอก่อนแล้ว 

 

 

“สวัสดีครับ คราวที่แล้วยุ่งมากก็เลยไม่ได้ทักทายกันอย่างเหมาะสมเลยครับ ผมยูชองอู ผู้จัดการส่วนตัวของคุณซอยูมินครับ” 

 

 

ชองอูยิ้มกว้างพร้อมกับทักทายอย่างอัธยาศัยดี แต่ข้างๆ เขากลับไม่มีใครอยู่เลย แถมกาแฟบนโต๊ะก็มีแค่แก้วเดียว ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเธอให้ผู้จัดการส่วนตัวมาแค่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ อึยชานเป็นฝ่ายนั่งลงก่อนหลังจากจับมือกันเสร็จด้วยใบหน้าแข็งตึง 

 

 

“อีอึยชานครับ ส่วนนี่คือผู้จัดการส่วนตัวของผม อีจาฮอน” 

 

 

“ยินดีที่ได้พบครับ งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อกาแฟมาให้นะพี่” 

 

 

จาฮอนรับรู้ได้ถึงบรรยากาศอันน่าอึดอัดจึงรีบหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วหายตัวไป อึยชานมองปราดชองอูด้วยสายตากราดยิงจากทางด้านหลัง หน้าตาของเขาที่ถ้าหากผ่านมือของผู้เชี่ยวชาญก็น่าจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ใช้ได้ได้เลยทีเดียวก็ยิ่งรบกวนจิตใจมากขึ้นไปอีก ไม่ชอบหน้าตานั่นเลย เขาหาเรื่องจับผิดไร้สาระในใจพร้อมกับเปิดกระเป๋าที่โยนไว้ข้างๆ  

 

 

“ค่าบัตรเครดิตที่คุณยูมินใช้เมื่อสุดสัปดาห์ ผมจ่ายให้เองครับ แต่ว่าเจ้าตัวไม่มาเหรอครับ” 

 

 

โอ้โห ใจกว้างจริงๆ เลยแฮะ ชองอูตบมือในใจ 

 

 

“พี่เขาไม่ค่อยสบายน่ะครับ” 

 

 

ฉันไม่อยากเห็นหน้าแล้ว นายไปจัดการเอาเองแล้วกัน ถึงยูมินจะพูดอย่างนั้น แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดตามความจริงนี่นา 

 

 

“หรือว่ามีอาการตามมาหลังเกิดอุบัติเหตุ?” 

 

 

“ก็แค่ ช่วงนี้หนักไปหน่อยน่ะครับ” 

 

 

ก็คงจะต้องหนักแหละ อึยชานคิดถึงข้อความของโรงแรมที่ถูกส่งมาทุกวันพร้อมกับหยิบซองที่มีเงินสดบรรจุอยู่ออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้อย่างอารมณ์เสีย 

 

 

“นี่ครับ ยี่สิบล้านวอน” 

 

 

“ขอบคุณค่ะ” 

 

 

ภายในชั่วพริบตาซองก็หายขึ้นด้านบนไม่ใช่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับเสียงไม่คุ้นหู เมื่อหันมองก็เห็นผู้หญิงผมยาวในชุดสูทยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาชองอูเบิกโตขึ้นเป็นสองเท่าแล้วลุกขึ้นพร้อมกับตะโกนออกมา ก่อนที่อึยชานจะได้เอ่ยปากถาม 

 

 

“ทะ ท่านประธาน!” 

 

 

“ฉันคิดไว้แล้ว คุณชองอู ไปเขียนหนังสือขอโทษมาด้วยนะคะ” 

 

 

“ครับ แต่ผมแค่ทำตามที่พี่ยูมินสั่งเองนะครับ” 

 

 

ชองอูรู้สึกไม่ยุติธรรมจริงๆ และพยายามโต้แย้งอย่างเต็มที่ แต่ใบหน้าของคนต้อนเขาเข้ามุมกลับไม่มีความเห็นใจใดๆ  

 

 

“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าช่วยเรื่องเงิน ถ้าโดนจับได้อีกครั้งเดียวล่ะก็ ไม่จบแค่ที่หนังสือขอโทษแน่ๆ ค่ะ” 

 

 

หญิงสาวข่มขู่ชองอูอย่างนิ่งๆ แต่การทักทายอึยชานกลับสุภาพอ่อนน้อมไร้ที่ติ 

 

 

“ขอโทษที่ทักทายช้านะคะ ฉันซอยูฮา เป็นประธานบริษัทต้นสังกัดของคุณยูมินค่ะ” 

 

 

ทำไมพอเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นทีไรจะต้องมีแต่เรื่องน่าสับสนทุกที อึยชานซ่อนความงงงวยภายใต้ใบหน้าแข็งทื่อพร้อมรับนามบัตรที่เธอยื่นมาให้ 

 

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมอีอึยชาน” 

 

 

ซอยูฮา ซอยูมิน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากจ้องนามบัตรอย่างละเอียด แล้วมองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง พอเห็นอย่างนี้แล้ว หน้าตาก็เหมือนกันมากทีเดียว 

 

 

“ขอโทษนะครับ แต่ว่าทั้งสองคน…” 

 

 

“ค่ะ เป็นพี่น้องกัน ฉันเป็นพี่สาว” 

 

 

จาฮอนเดินกลับเข้ามาจากข้างหลังพร้อมกับกาแฟสองแก้ว สถานการณ์เหนือความคาดหมายทำให้คนมาใหม่มีสีหน้าตกใจนิดหน่อยเช่นกัน 

 

 

“ก่อนอื่นเรามานั่งคุยกันเถอะครับ นายเองก็นั่งตรงนี้” 

 

 

ยูฮาพยักหน้าให้เบาๆ แล้วนั่งลงข้างๆ ชองอู จาฮอนยืนจ้องยูฮานิ่งโดยไม่กะพริบตา 

 

 

“มัวทำอะไรอยู่” 

 

 

อึยชานตีขาจาฮอนที่มัวแต่ยืนเหม่อ หลังจากนั่งลงอย่างมึนงงเหมือนเพิ่งกลับมาโลกแห่งความเป็นจริง จาฮอนก็ยังละสายตาจากยูฮาไม่ได้เลย ก่อนจะยื่นกาแฟของตัวเองให้เธอ 

 

 

“คุณดื่มอเมริกาโน่ไหมครับ” 

 

 

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” 

 

 

ยูฮาไม่ปฏิเสธและรับกาแฟนั้นมาจิบหนึ่งอึก จากนั้นพลิกซองเอกสารไปมา 

 

 

“เตรียมมาอย่างดีเลยนะ แต่ว่าคุณอึยชาน มอเตอร์ไซค์คันนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของฉันค่ะ” 

 

 

“ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ของคุณยูมินหรอกเหรอครับ” 

 

 

“ค่ะ เพราะซื้อมาด้วยชื่อฉัน ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นฉันก็ต้องเป็นคนจัดการเอง แต่ไม่นึกเลยว่ายัยนั่นจะพยายามแอบจัดการเองด้วยวิธีแบบนี้ เพราะฉะนั้นเงินนี่ ฉันจะเก็บไว้เองค่ะ” 

 

 

ยูฮาเก็บซองเงินด้วยความมั่นใจและส่งหนังสือสัญญากับเอกสารให้อึยชาน 

 

 

“ท่านประธาน แต่ถึงยังไงก็น่าจะต้องให้เงินใช้จ่ายบ้าง… ไม่มีอะไรครับ” 

 

 

ชองอูเสนอแนะอย่างใจกล้า แต่แล้วก็เป๋ไปเพราะสายตาของยูฮา ภาพนั้นทำให้อึยชานรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก และในทางกลับกันก็ทำให้รู้สึกตัวเองน่าสมเพชเช่นกัน 

 

 

“ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ ท่านประธานก็น่าจะต้องเซ็นชื่อเหมือนกันนะครับ” 

 

 

หลังจากตรวจสอบหนังสือสัญญาที่มีเนื้อหาว่าจะไม่ถามเรื่องความรับผิดชอบอีก ใบเสร็จ ลายเซ็นตัวเองและหนังสือรับรองทนายความอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว อึยชานก็วางกองเอกสารลง 

 

 

“ใช่ค่ะ เป็นคนละเอียดดีนะคะ” 

 

 

ยูฮาตอบกลับทันที แล้วหยิบปากกาหมึกซึมออกมา ลายเซ็นที่ถูกเขียนเพิ่มบนเอกสารนั้นเรียบง่ายและชัดเจน 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ หากมีอะไรช่วยติดต่อหาฉันได้เลยนะคะ อ๋อ ขอบคุณสำหรับกาแฟด้วยค่ะ” 

 

 

ยูฮาพูดปิดท้าย ส่ายแก้วกาแฟให้ดูพร้อมส่งยิ้มให้จาฮอน อึยชานคิดว่าถ้าเงี่ยหูฟังอีกสักนิดก็คงจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของจาฮอนแน่ๆ เพราะตอนนี้อีกฝ่ายมีสีหน้าที่ใครมองก็รู้เลยว่ากำลังตกหลุมรัก 

 

 

 

 

 

* * *