“แล้วนายก็ให้เธอหมดซองเลย?” 

 

 

คราวนี้คนใจเย็นอยู่เสมอก็ทำได้แค่เพียงสับสน เพราะถูกยูฮาแย่งเงินที่ควรใช้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไป 

 

 

“ผมไม่ได้ให้ครับ เธอหยิบไปเองเลย” 

 

 

“นายก็ควรจะบังมันไว้สิ โอ๊ย ให้ตายเถอะ ซอยูฮา” 

 

 

แสดงว่าส่งคนมาตามจริงๆ แต่ถึงอย่างไรมันก็เกินไปกับการไม่ให้เงินใช้แม้แต่วอนเดียว เธอคิดว่าจะฟาดชองอูสักหน่อย แต่รู้สึกไม่อยากจะเชื่อจนลืมความตั้งใจเสียสนิท ยูมินปล่อยชองอูแล้วล้มตัวนอนบนเตียง 

 

 

“คือว่า” 

 

 

“มีอะไร” 

 

 

“กลับเถอะครับ ผมว่าถึงจะอดทนไปเธอก็คงจะไม่ให้พี่ขี่มอเตอร์ไซค์อีกแล้ว เธอไม่ใช่คนที่นิสัยดีขนาดนั้นนี่ครับ” 

 

 

“ชองอู” 

 

 

ยูมินลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องชองอู ไม่ใช่ทั้งสีหน้าโกรธหรือจ้องมองราวกับจะจับกิน แต่สายตาทอดมองอย่างสงบนิ่งกลับน่ากลัวยิ่งกว่า 

 

 

“ทำ ทำไมเหรอครับ” 

 

 

“ลองด่ายูฮาอีกทีสิ” 

 

 

เมื่อกี้ตัวเองยังด่าอยู่เลย ชองอูอ้าปากเล็กน้อยเพราะรู้สึกไม่ยุติธรรมแต่ก็ไม่กล้าเปิดปากพูด ทว่าเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นพอดีภายในห้องเงียบสงัดร เปรียบเสมือนตัวช่วยชีวิตของชองอู คนทำนู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ 

 

 

“อะไรอีกเนี่ย” 

 

 

อีอึยชาน ยังจะโทรมาให้เสียอารมณ์อีก ยูมินกดปุ่มวางสายโดยไม่ลังเลแล้วลุกขึ้นยืน 

 

 

“ไปซ้อมมวยกันเถอะ” 

 

 

“ไม่รับสายเหรอครับ” 

 

 

“ไม่ต้องรับก็ได้” 

 

 

ติ๊ง มีข้อความหนึ่งข้อความถูกส่งมาแทนสายโทรศัพท์ที่ถูกตัด 

 

 

[คุณยังไม่ได้ให้บัตรเครดิตผม แล้วก็ยังไม่ได้เอาบัตรประชาชนคืนไปด้วย] 

 

 

เรื่องเยอะจริงๆ ยูมินหันหน้าไปทางคนทำหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงมุมนู้น 

 

 

“ไม่ได้เอาบัตรประชาชนคืนเหรอ” 

 

 

“ไม่มีเวลาเลยครับ” 

 

 

“ไปอีกรอบ… เออ ไม่ต้องแล้ว” 

 

 

ยูมินกำลังจะให้ชองอูไปแทนเหมือนอย่างเคย แต่จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้จึงหยุดพูดและกดปุ่มโทรออก เขากำลังรออยู่หรือเปล่านะ เพราะอึยชานรับโทรศัพท์ทันทีที่เสียงต่อสายดังขึ้น 

 

 

[ครับ] 

 

 

“ฉันจะคืนบัตรเครดิตให้ค่ะ กรุณาเอาบัตรประชาชนมาด้วย แล้วคุณทานข้าวแล้วหรือยังคะ” 

 

 

[ยังครับ ยังไม่ได้ทาน] 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นช่วยซื้อข้าวมาด้วยค่ะ แล้วก็มาที่หน้าโรงแรมหลังจากนี้หนึ่งชั่วโมง” 

 

 

ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายโทรไป แต่เธอก็ไม่ได้มีน้ำใจจะรอฟังคำตอบแม้แต่น้อย เมื่อยูมินวางสาย หลังจากพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดจบ ชองอูก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย 

 

 

“บอกไปแบบนั้นแล้วคุณอีอึยชานจะมาเหรอครับ” 

 

 

“ไม่มาก็ไม่ต้องมา” 

 

 

ยูมินคิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่มาก็ไม่ต้องมา และตอนนั้นก็มีข้อความสั้นๆ ส่งมาจากอึยชานอีกครั้ง 

 

 

[อีกสามสิบนาทีเจอกันคครับ] 

 

 

“อีกสามสิบนาทีเจอกัน” 

 

 

ไม่มีศักดิ์ศรีด้วยหรือยังไง ชองอูพึมพำเบาๆ เหมือนอย่างเคย แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงชายหนุ่มเมื่อครู่ขึ้นมา เสื้อไหมพรมเหมือนกับไม่ตั้งใจ กางเกงเข้ากันเป็นอย่างดี และกลิ่นน้ำหอมจางๆ รวมถึงสีหน้าแข็งทื่อทันทีที่เห็นหน้าเขา ข้อความเมื่อกี้ก็คือเครื่องยืนยันชัดเจนสำหรับการคาดเดาอันคลุมเครือ ชองอูรีบเมมเบอร์อึยชานลงโทรศัพท์ตัวเองระหว่างที่ยูมินเข้าไปแปรงฟัน 

 

 

ว่ากันว่าผู้หญิงจะเปลี่ยนไปเมื่อมีความรัก ซึ่งมันอาจจะรวมผู้หญิงนิสัยโมโหง่ายเอาแต่ใจตัวเองด้วยก็ได้ แถมการมีข่าวกับคนอย่างอีอึยชานก็เป็นเรื่องดีต่อฝั่งยูมินอีกเช่นกัน 

 

 

ชองอูรู้สึกทึ่งกับแผนการอันสมบูรณ์แบบของตัวเอง จากนั้นก็รบเร้าให้ยูมินออกไปในสภาพที่ดูเรียบร้อยขึ้นมาหน่อย 

 

 

 

 

 

“กลับรถ ไปโรงแรมคุณซอยูมิน” 

 

 

ตอนนี้เริ่มเคยชินกับการโทรมาพูดแต่สิ่งที่ตัวเองพูดและวางสายแล้ว อึยชานเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าพร้อมกับเตะเบาะหน้าดังตุ้บ 

 

 

“กำลังฝึกเชื่อฟังตามคำสั่งอยู่เหรอครับ” 

 

 

“บอกให้กลับรถก็กลับดิ” 

 

 

หลังจากได้รับสัญญาณให้กลับรถ จาฮอนจึงหักพวงมาลัยแล้วเหลือบมองอึยชานผ่านทางกระจกหลังแวบหนึ่ง สีหน้าดูผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่และมุมปากยกยิ้มเล็กน้อยกำลังบ่งบอกว่าเขาอารมณ์ดีขึ้น เป็นถึงขนาดนั้นแล้วยังจะบอกว่าไม่ได้สนใจอีกเหรอ จาฮอนหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วหันมองด้านหน้าอีกครั้ง แต่แล้วก็นึกถึงผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันเมื่อสักครู่ขึ้นมา 

 

 

‘เป็นพี่น้องกันค่ะ ฉันเป็นพี่สาว’ 

 

 

ยูมินไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก บริษัทต้นสังกัดและประธานของเธอก็เช่นกัน แม้จะดูแลนักแสดงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากมาย แต่มีน้อยคนนักที่ได้เห็นตัวจริง ยกเว้นจะรู้เพียงแค่ว่าประธานคือผู้หญิงที่ยังสาวอยู่ 

 

 

อยากเจออีกจัง แต่ยังไงล่ะ ฉันคือผู้จัดการส่วนตัว ส่วนคุณยูฮาเป็นถึงท่านประธานบริษัท ดวงตาของจาฮอนจมอยู่ในความกังวล ก่อนจะหันมองกระจกหลังเป็นประกายวิบวับ วิธีที่จะทำให้ได้พบยูฮาอีกครั้งนั่งมองหน้าต่างอยู่ข้างหลังเขานั่นเอง 

 

 

“ทำไมมองอย่างนั้น” 

 

 

อึยชานสังเกตเห็นสายตานั้นจึงขมวดคิ้ว 

 

 

“วันนี้พี่หล่อเป็นพิเศษเลยนะครับ” 

 

 

จาฮอนเอ่ยปากชมและอมยิ้มอย่างไม่เป็นตัวเองจนน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง แต่เพาะว่าเขาค่อนข้างถูกใจคำชมว่าหล่อเป็นพิเศษเลยไม่ได้พูดอะไร 

 

 

“จะถึงแล้วใช่ไหม” 

 

 

“ครับ เลี้ยวตรงนั้นก็ถึงแล้ว” 

 

 

วันนี้หล่อเป็นพิเศษงั้นเหรอ อึยชานเปิดกล้องหน้าและสำรวจใบหน้าตัวเอง ลูบคางเกลี้ยงเกลาหนึ่งที ยูมิน หญิงสาวผู้เจอยากเจอเย็นดูสวยกว่าตอนเจอกันครั้งแรกนิดหน่อย ถึงจะโค้งศีรษะให้ด้วยสีหน้าเย็นชาก็ตาม 

 

 

“สวัสดีครับ” 

 

 

“ค่ะ สวัสดีค่ะ” 

 

 

มันเป็นการพบกันของคนสองคนที่ไม่เป็นมิตร แต่ก็ต้องขอบคุณผู้จัดการส่วนตัวทั้งสองที่มีความคล่องแคล่วจึงสามารถหยุดยั้งหายนะที่จบแค่คำว่าสวัสดีไว้ได้ 

 

 

“ตอนนี้เป็นคนรู้จักกันแล้ว แต่ก็ยังเกร็งๆ อยู่สินะ พวกคุณเอารถยนต์มาใช่ไหมครับ คือจะให้พวกเราเอารถตู้ออกมาก็ยังไงอยู่ ขอนั่งรถไปด้วยได้ไหมครับ” 

 

 

ชองอูสร้างบรรยากาศด้วยคำพูดอัธยาศัยดีเป็นพิเศษพร้อมดันยูมินไปข้างหน้าเล็กน้อย แน่นอนว่าจาฮอนเองก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปเช่นกัน 

 

 

“แน่นอนสิครับ คุณชองอูใช่ไหมครับ เดี๋ยวคุณชองอูนั่งข้างๆ ผม แล้วคุณยูมินนั่งข้างหลังกับพี่ก็ได้ครับ มีร้านดีๆ บ้างไหมเอ่ย” 

 

 

“อาหารญี่ปุ่นโอเคไหมครับ ผมรู้จักร้านดีๆ ที่เงียบสงบอยู่” 

 

 

“โอ้ ได้อยู่แล้วครับ พี่ผมชอบอาหารญี่ปุ่นครับ” 

 

 

ผู้จัดการส่วนตัวทั้งสองคนคิดเห็นตรงกัน รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าต่างฝ่ายต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน เนื่องจากมีแนวร่วม ความมั่นใจจึงท่วมท้นโดยอัตโนมัติ อึยชานกับยูมินนั่งข้างกันอยู่เบาะหลังท่ามกลางบรรยากาศเป็นธรรมชาติราวกับสายน้ำไหล แล้วมุ่งตรงไปยัง ‘ร้านดีๆ ที่เงียบสงบ’ ของชองอู 

 

 

“วันนี้รถไม่ติดแปลกๆ นะครับเนี่ย ว่าไหมครับคุณชองอู” 

 

 

“คุณจาฮอนขับรถเก่งนะครับ โอ๊ะ ข้างหน้า!” 

 

 

จาฮอนเหยียบเบรกอย่างกะทันหันโดยอัตโนมัติพร้อมเสียงตกใจของชองอู ตอนนั้นตัวของยูมินจึงถูกกั้นไว้ในอ้อมแขนแกร่ง และก็คงอยู่อย่างนั้นกระทั่งคนขี่จักรยานที่พุ่งออกมาจากซอยโค้งหัวให้งกๆ และหายลับตา 

 

 

“เป็นอะไรไหมครับ คุณซอยูมิน” 

 

 

“ถ้าไม่มีแขนนี่ก็โอเคดีค่ะ”