อึยชานจึงเก็บแขนไปด้วยความขัดเขิน สองคนที่นั่งหน้าเก็บซ่อนความรู้สึกที่อยากจะลงไปก้มกราบขอบคุณคนขี่จักรยานคนนั้นไว้ภายใต้มุมปากที่ยกขึ้น ภายนอกก็ยังคงพูดคุยเรื่องไร้สาระกันต่อไปเพื่อลดความอึดอัดใจระหว่างอึยชานกับยูมิน 

 

 

“อ้อๆ ตรงนี้เลยครับ คุณจาฮอน” 

 

 

ชองอูนำทางด้วยตัวเองชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นหรูหราในซอย จาฮอนรู้สึกประทับใจในตัวชองอูอย่างสุดซึ้งกับการหาสถานที่สมบูรณ์แบบได้ถูกเวลา ส่งกุญแจรถให้พนักงานจอดรถแล้วลงจากรถ 

 

 

ภายในร้านอาหารญี่ปุ่นนี้ ทุกโต๊ะล้วนเป็นห้องส่วนตัวทั้งหมด คนพูดน้อยอยู่แล้วไม่ได้พูดอะไรกันเลยเหมือนถูกปิดปากไว้จริงๆ เพราะอึยชานไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ส่วนยูมินก็ไม่อยากพูด แต่จอาฮอนรู้ดีว่าอะไรที่จำเป็นในสถานการณ์แบบนี้ 

 

 

“ขอเป็นคอร์สซีทั้งหมดเลยครับ แล้วก็สาเกหนึ่งขวดด้วย” 

 

 

“สั่งเหล้ามาทำไม” 

 

 

อึยชานที่ปิดปากเงียบมาตลอดจนถึงตอนนี้ตำหนิขึ้นมาเบาๆ  

 

 

“พี่ไม่ต้องกินครับ ผมจะกิน” 

 

 

“แล้วเรื่องขับรถ” 

 

 

“ค่าจ้างคนขับแทนก็ได้ หักจากเงินเดือนเลยครับ” 

 

 

“พี่ก็ดื่มสักแก้วสิครับ ดื่มในเวลาแบบนี้แหละ ปริมาณเหล้าที่ดื่มได้จะได้เพิ่มขึ้นมาหน่อย” 

 

 

ชองอูเองจู่ๆ ก็กระตือรือร้นดูมีพิรุธแต่ก็พูดถูก จาฮอนถือว่าการนิ่งเงียบของยูมินเป็นการเห็นด้วย หลังจากนั้นจึงรินสาเกที่ถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกันกับกับแกล้มให้เธอก่อนเป็นคนแรก 

 

 

“แก้วแรก ก็ต้องชนแก้วกันด้วยสิครับ” 

 

 

หลังจากเติมแก้วของทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ จาฮอนก็ยื่นแก้วไปตรงกลางก่อน ยูมินก็เอาแก้วไปชนด้วยเช่นกันแต่ไม่ดื่ม 

 

 

“ดื่มเหล้าไม่ได้เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องดื่มก็ได้” 

 

 

เสียงของอึยชานที่ทำหน้าเครียดฟังดูอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ยูมินเหลือบมองเขาหนึ่งที ก่อนจะดื่มเหล้าในแก้วที่ถือค้างรวดเดียว 

 

 

“วันนี้พี่สาวของพวกเราดื่มเก่งจริงๆ เลย รับอีกแก้วนะครับพี่” 

 

 

ชองอูยิ้มแย้มพร้อมกับถือขวดเหล้าขึ้นมา ในจังหวะที่ยูมินกำลังจะยื่นแก้วไปรับนั้นเอง อึยชานก็รับขวดเหล้ามาจากมือชองอู ความจริงแล้วเรียกว่าแย่งไปน่าจะเหมาะกว่า 

 

 

“เดี๋ยวผมรินให้เองครับ” 

 

 

“ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลยค่ะ” 

 

 

ยูมินเอาแก้วกลับไปพร้อมกับปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่แขนอึยชานยาวกว่าที่คิด เขาไล่ตามแก้วจนถึงที่สุดและรินเหล้าสำเร็จ ก่อนจะยื่นขวดเหล้าให้ยูมินโดยทำเป็นไม่เห็นแก้วเปล่าของชองอูที่วางอยู่ข้างๆ กัน 

 

 

“ไม่รินให้ผมสักแก้วเหรอครับ” 

 

 

“ค่ะ ไม่ค่ะ” 

 

 

ชองอูคว้าขวดเหล้าที่ยูมินวางลงพร้อมกับปฏิเสธอย่างเด็ดขาดมาแทนก่อนจะยื่นไปทางอึยชาน เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะรินเหล้าให้อย่างแน่นอน แต่อึยชานกลับเอาเหล้าจากมือเขาไปทั้งขวดและรินด้วยตัวเอง เขาไม่ชอบชองอูหรือเปล่านะ เด็กชะมัด ยูมินผสมความเกลียดลงไปในเหล้าแล้วกระดกรวดเดียว 

 

 

“ดูเหมือนว่าจะดื่มเร็วไปแล้วนะครับ” 

 

 

อึยชานบ่นพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ยูมินไม่ชอบใจสิ่งนั้นอีกเช่นกัน ถึงจะไม่ใช่คนที่ดื่มเหล้าเก่งขนาดนั้น แต่ก็ยังอยากดื่มอีก เพราะรู้สึกว่าเหล้าทำให้ซอกหนึ่งในหัวใจที่เจ็บแสบหายไป 

 

 

“ดื่มช้าๆ สิครับพี่” 

 

 

ชองอูยื่นน้ำเย็นให้ยูมิน และในจังหวะที่ยูมินกำลังจะรับมันมาดื่ม อึยชานก็ยืดแขนออกมาและฉวยเอาน้ำไปดื่มเองในชั่วพริบตา ปั่ก เสียงแก้วเปล่ากระทบกับโต๊ะส่งเสียงดังเป็นพิเศษ 

 

 

“คุณอีอึยชาน” 

 

 

ยูมินไม่อยู่เฉยกับพฤติกรรมที่ไร้มายาทอย่างชัดเจนอีกต่อไป ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าขนลุก ผู้จัดการส่วนตัวทั้งสองคงไม่กล้าพูดอะไรออกมา และต่างคนต่างได้แต่เหลือบมองนักแสดงของตัวเอง 

 

 

“คุณซอยูมิน วันนี้ก็ไปโรงแรมอีกใช่ไหมครับ” 

 

 

“ไม่ใช่เรื่องของคุณค่ะ” 

 

 

“นั่นมันบัตรเครดิตผม ถ้าไม่ใช่เรื่องของผมแล้วเรื่องของ… อ่า ให้ตายเถอะ” 

 

 

อึยชานขมวดคิ้วและขยี้หลังหัวแทนที่จะพูดให้จบประโยค เพราะพูดเองยังรู้เลยว่ามันทั้งเด็กและน่าอายขนาดไหน ทว่าสายตาของยูมินที่ไม่รู้ความรู้สึกภายในใจของเขากลับมองเขาเหมือนกับคนบ้า หรือไม่ก็พวกโรคจิต 

 

 

“เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยมาคืนให้ไงคะ บัตรเครดิตของคุณน่ะ” 

 

 

ยูมินหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าแล้ววางบนโต๊ะ ชองอูตกใจจึงเอามือตัวเองไปวางทับบนฝ่ามือของเธอ 

 

 

“พี่ แล้วค่าโรงแรมวันนี้ล่ะครับ!” 

 

 

“ฉันจะไปนอนบ้านนาย” 

 

 

ส่วนนายก็ไปนอนที่บริษัท เธอละท้ายประโยคออก ซึ่งไม่ได้จงใจเพราะมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วจึงไม่อยากพูดให้ยืดยาว 

 

 

“ไม่ได้นะครับ ถ้าท่านประธานจับได้ล่ะก็” 

 

 

“ก็เลยจะบอกว่าไม่เหรอ” 

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น โอ๊ย พี่อะ” 

 

 

เหอะ อึยชานที่กำลังมองดูอยู่หัวเราะออกมาพร้อมกับถือขวดเหล้าขึ้นมากระดกอึกๆ เขาดื่มเร็วจน ขนาดจาฮอนรีบเข้ามาแย่งขวดเหล้าไปด้วยความตกอกตกใจ แต่ปริมาณก็ลดไปค่อนข้างเยอะแล้ว 

 

 

“ก็บอกว่าไม่ได้ไงครับ” 

 

 

“คุณอึยชานช่วยออกไปด้วยค่ะ” 

 

 

“งั้นก็ให้บัตรเครดิตผมคืนมาสิครับ” 

 

 

สุดท้ายยูมินก็สะบัดชองอูที่พยายามห้ามแล้วส่งบัตรเครดิตให้ แต่สิ่งที่อึยชานจับไม่ใช่บัตรเครดิต แต่เป็นมือของเธอ คนมือเย็นเป็นพิเศษสัมผัสได้ถึงความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายของเขา 

 

 

 “ถ้าไม่ปล่อยฉันจะไม่ทำตัวสุภาพแล้วนะคะ คุณอีอึยชาน” 

 

 

“แบบนั้นผมเห็นมาพอแล้วล่ะครับ” 

 

 

ดีมาก ทำได้ดีมาก อีอึยชาน ผู้จัดการส่วนตัวทั้งสองคนมองตากันและกัน พร้อมกับให้กำลังใจแบบไร้เสียง 

 

 

“ไม่รู้นะว่าคุณพูดถึงอะไร แต่…” 

 

 

ใจจริงแล้วอยากจะซัดให้คว่ำเดี๋ยวนั้น แต่เนื่องจากใกล้จะถ่ายทำแล้วจึงไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะเข้าไปพัวพันกับความรุนแรง อึยชานขัดยูมินที่กำลังพูดด้วยความสุภาพที่สุด 

 

 

“ถึงจะอยู่ในวงเหล้า แต่การคุยกันว่าจะไปนอนบ้านของพวกคุณหรือไม่ต่อหน้าคนอื่น มันเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่งไม่ใช่เหรอครับ” 

 

 

“แล้วฉันจะเลือกที่นอนของตัวเองไม่ได้เหรอคะ” 

 

 

“พี่ ทำไมพี่ถึงมานอนบ้านของผมตามใจตัวเอง…” 

 

 

ชองอูแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างใจกล้า แต่แล้วก็ต้องหงอไปเพราะสายตาของยูมินที่หันหน้ามา ตอนนี้อึยชานทิ้งความคิดที่ตั้งใจจะเก็บซ่อนความไม่พอใจไปแล้ว และออกแรงที่มือเพิ่มขึ้นอีก 

 

 

“มองผมสิครับ คุยกับผมอยู่แล้วมองไปทางไหนน่ะ” 

 

 

หากพระองค์ทรงประสงค์ หม่อมฉันก็จะทำเช่นนั้นเพคะ ไม่รู้ว่าทำไมบทพูดนั้นถึงได้โผล่ขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่จับไม่ได้ในตอนที่อ่านบท ไม่ว่าจะพยายามจับความรู้สึกนั้นมากเท่าไหร่ก็ตาม ยูมินจงใจเบือนหน้าและใช้มือข้างที่เป็นอิสระคลำหาข้อมืออึยชานก่อนจะบีบมัน 

 

 

“โอ๊ย” 

 

 

น่าจะเจ็บพอสมควร อึยชายส่งเสียงโอดครวญเบาๆ แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือ ทำไมกัน ทำไมฉันถึงเป็นอย่างนี้อีกแล้ว ความสับสนปรากฏบนใบหน้าของยูมินที่มักจะคงความเย็นชาไว้ตลอดเวลา 

 

 

“เข้าใจแล้ว เพราะงั้นปล่อยเถอะค่ะ ฉันเจ็บ” 

 

 

คำว่าเจ็บทำให้อึยชานสะดุ้งพร้อมกับคลายแรง เขารู้สึกเมาเหล้าที่ยกดื่มทั้งขวดมากขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ก็อาจจะเมาอย่างอื่น 

 

 

“อย่าไปโรงแรม อย่าไปบ้านคุณชองอูด้วยครับ” 

 

 

หัวของเขาเริ่มมึนขึ้นมาทีละนิด ปากก็ขยับตามใจชอบผิดกับความตั้งใจ 

 

 

“ฉันบอกไปแล้วไงคะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คุณอีอึยชานต้องมาสนใจ” 

 

 

“งั้นก็สนใจสักหน่อยเถอะ” 

 

 

“ไม่ล่ะค่ะ ชองอูไปกันเถอะ” 

 

 

“พี่จะไปบ้านผมจริงๆ เหรอครับ” 

 

 

“ไม่ บ้านผม”