หฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย อึยชานรับรู้ถึงความเงียบเย็นยะเยือกหลังเอ่ยปากไม่กี่วินาที ซึ่งสิ่งที่ทำลายความเงียบคือเสียงของจาฮอนที่จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“พะ พี่เมาแล้วแน่ๆ ขอโทษด้วยนะครับ คุณชองอู รีบไปดูแลคุณยูมินเถอะครับ”
“อะ อ๋อ ครับผม พี่กลับกันเถอะครับ เดี๋ยวผมให้นอนบ้านผม”
“ช่างเถอะ”
ยูมินสะบัดมือชองอูออก แล้วจ้องมองอึยชานพร้อมพูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอรบกวนพักบ้านคุณนะคะ”
ความคืบหน้าที่คาดไม่ถึงทำเอาทุกคนชะงัก ซึ่งคนตั้งสติได้เป็นคนแรกสุดคือจาฮอนอีก
“โอ๊ะ เอาอย่างนั้นเหรอครับ คุณชองอู พวกเรากลับกันเถอะครับ!”
ปัญหาแก้ได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ ชองอูกับจาฮอนถือซะว่ามันคือโอกาสและเดินจับมือกันออกไปอย่างสนิทสนมราวกับเป็นเนื้อคู่กันขณะอึยชานกำลังมึนงงกับการถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง ยูมินก็เปิดประตูออกพร้อมกับพูดขึ้น
“ฉันเหนื่อยแล้ว รีบไปกันเถอะค่ะ”
ว่าจะถามยืนยันว่าพูดจริงๆ เหรอ แต่ดูเหมือเธอจะเอาจริง
จ่ายเงินและเรียกคนขับรถแทนก็แล้ว เข้าไปนั่งเบาะหลังมุ่งหน้ากลับบ้านก็แล้ว เปิดประตูบ้านเดินเข้าพร้อมยูมินก็แล้ว แต่อึยชานก็ยังไม่เชื่อสถานการณ์นี้
ทำไมเธอถึงบอกว่าจะนอนที่นี่นะ แล้วทำไมผู้จัดการส่วนตัวนั่นถึงได้ปล่อยง่ายๆ ล่ะ ไม่สิ ทำไมฉันต้องโมโหขนาดนั้นต่างหาก แต่แล้วเสียงของยูมินก็แทรกเข้ามาในความคิดมากมายในหัว
“ตอนนี้คุณออกไปได้แล้วค่ะ”
“ครับ?”
“ก็คุณบอกให้ฉันนอนที่นี่ ถ้าอย่างนั้นคุณอึยชานก็ต้องออกไปสิคะ”
นี่ฉันคาดหวังอะไรอยู่กันแน่ อึยชานถอนหายใจอย่างขมขื่น แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความโล่งอกจากซอกหนึ่งของหัวใจได้ โล่งอกเพราะตอนนี้ยูมินไม่ได้อยู่กับผู้จัดการส่วนตัวนั่น แต่อยู่ตรงหน้าเขา อยู่ในบ้านเขา
“คุณยูมินเข้าไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะดื่มเบียร์สักกระป๋องแล้วจะไปนอนโรงแรม”
ว่าพลางชี้ไปที่ประตูห้อง แต่หญิงสาวกลับนั่งลงบนโซฟาแทน
“บอกให้เข้าไปนอนไงครับ”
“แต่คุณอาจจะไม่ออกไปจริงก็ได้นี่นา ฉันจะเข้านอนหลังจากแน่ใจแล้วค่ะ”
ดูเหมือนว่ายูมินจะไม่นอนจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงรอบคอบกว่าที่คิด อึยชานไม่ห้ามอะไรอีกและใส่เบียร์สองสามกระป๋องลงในถังน้ำแข็งก้อน แล้วเอาออกไปที่ห้องรับแขก
“ดื่มไหมครับ”
เขาเอ่ยถามพลางวางเบียร์ไว้บนโต๊ะ แต่ยูมินไม่ตอบ สิ่งแรกที่เข้าสู่สายตาหลังหันกลับไปมองด้วยความสงสัยก็คือแพขนตายาวที่หลุบลงอย่างเงียบๆ อึยชานขยับเข้าหาราวกับลุ่มหลง และในจังหวะที่กำลังจ้องมองขนตาใกล้ๆ นั้นเอง เจ้าตัวก็ลืมตาขึ้นพร้อมยกมือบีบคอเขา
“ทำอะไร”
น้ำเสียงข่มขู่มีความสั่นไหวเบาๆ แต่อึยชานกลับยกมือขึ้นแทนการสะบัดเธอออก เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าลมหายใจติดขัดของตัวเองคือการเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ อย่างน้อยอึยชานก็รู้สึกอย่างนั้นในตอนนี้ ขณะที่มือใหญ่กำลังเช็ดน้ำตาอย่างเก้ๆ กังๆ ยูมินก็คลายแรงลงแต่ใช่ว่าจะปล่อย
“ร้องไห้ทำไมครับ”
ยูมินเองก็ไม่สามารถหาคำตอบสำหรับคำถามนั้นได้เช่นกัน ทำไมกันนะ หรือว่าจะดื่มเยอะไป ความคิดกับความรู้สึกแยกออกไปคนละทิศคนละทางประหนึ่งน้ำกับน้ำมัน เธอไม่อาจละความสนใจจากชีพจรของอึยชานที่เต้นแรงอยู่ตรงปลายนิ้ว ทั้งยังไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้เช่นกัน
“หละ เหล้า”
คำแก้ตัวหลุดออกมาจากริมฝีปากที่เปิดออกอย่างตะกุกตะกัก
“สงสัยจะดื่มเหล้าเยอะเกิน ฉันต้องนอนแล้ว ขอตัวก่อน”
อึยชานไม่สามารถคว้าตัวคนหนีเข้าห้องนอนได้ เพราะต้องอดทนกับความเจ็บปวดตรงลำคอเมื่อครู่ ความเจ็บปวดเหมือนตอนเจอยูมินครั้งแรก
ที่นี่ที่ไหน หน้าต่างที่มีแสงแดดลอดเข้ามาดูแปลกตาไป ยูมินค่อยๆ ลุกขึ้นกุมหัวก่อนจะเอนตัวลงนอนอีกครั้งเพราะอาการเมาค้างที่ซัดสาดเข้ามาราวกับคลื่น แม้จะไม่ได้ดื่มเยอะขนาดนั้น แต่เธอกลับจำอะไรไม่ได้สักอย่างเหมือนภาพตัด
“อื้อ”
รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด ท้องไส้ก็ปั่นป่วน ยูมินส่งเสียงโอดครวญเบาๆ ก่อนจะหยุดชะงักพร้อมกับเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก ก๊อกๆ เสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูคือเสียงของใครบางคนที่เธอไม่ค่อยยินดีนัก
“ตื่นแล้วใช่ไหมครับ”
“คุณอีอึยชาน”
ทำไมคนคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ ยูมินค่อยๆ นึกย้อนความทรงจำที่ถูกตัดขาดพลางกวาดตามองรอบๆ ไม่ใช่โรงแรม ไม่ใช่ห้องตัวเอง และไม่ใช่ห้องชองอูด้วย
สิ่งที่สะดุดตาท่ามกลางการตกแต่งอันเรียบง่ายคือเสื้อยืดที่พาดไว้ตรงปลายเตียง ดูจากขนาดและทรงแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นของผู้ชายแน่นอน ห้องผู้ชาย อีอึยชาน และจู่ๆ ความทรงจำที่ขาดหายก็โผล่ขึ้นมาผสมกับความสับสนก่อนจะสงบลงอีกครั้ง
“คุณยูมินจะนอนต่อไหมครับ”
เสียงอึยชานที่ดังขึ้นมาอีกครั้งคือเครื่องยืนยันสำหรับความทรงจำอันเลือนราง บ้าไปแล้ว เธอคลำรอบๆ เตียงเพื่อโทรเรียกชองอูตามความเคยชิน แต่กลับไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์ ยูมินจึงลงจากเตียงไปเปิดประตูห้องด้วยฝีเท้าที่ไม่เต็มใจสุดๆ
“ดื่มสิครับ”
สิ่งที่อึยชานยื่นให้อย่างปุบปับคือเครื่องดื่มแก้เมาค้าง นี่เขาเคาะประตูแต่เช้าเพื่อเอานี่มาให้เนี่ยนะ ยูมินรับมันมาโดยไม่มีการขอบคุณใดๆ ก่อนจะส่งขวดเปล่าคืนให้อึยชานหลังจากดื่มเสร็จ
“โอเคไหมครับ ดูเหมือนว่าจะเมาหนักเลย อ๋อ นี่ครับโทรศัพท์”
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีใจขนาดนี้เมื่อได้โทรศัพท์ แต่มือของยูมินที่กำลังปลดล็อคและโทรหาชองอูกลับกดปุ่มล็อคอีกครั้ง เนื่องจากคำพูดต่อมาของอึยชาน
“คุณชองอูโทรมาน่ะครับ เขาบอกว่าจะมารับที่นี่ ให้รอก่อนครับ”
“…ค่ะ”
“ออกมาสิครับ ผมทำซุปแก้เมาค้างไว้ให้”
ซุปถั่วงอกใสๆ ข้าวสวยขาวๆ กิมจิและเครื่องเคียง มื้ออาหารที่เรียบง่ายตรงกับสไตล์ของยูมินอย่างไม่คาดคิด แม้กระทั่งความจืดเล็กน้อยของซุปถั่วงอกที่ชิมไปคำหนึ่งก็เช่นกัน
“จะทานแล้วนะคะ”
ตอนเตรียมอาหารก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะพูด อึยชานจึงรีบซ่อนมุมปากที่ยกขึ้นไว้หลังแก้วน้ำเหมือนกับไม่อยากให้เห็น แต่บรรยากาศที่ดูสงบสุขก็คงอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะโทรศัพท์สายหนึ่งที่โทรหายูมินโดยไม่ทันตั้งตัว
“ยูฮา”
มีเรื่องอะไรกันนะ ถึงจะรู้สึกลางไม่ดีแต่จะไม่รับก็ไม่ได้อีก ยูมินจึงกดปุ่มรับสายด้วยความกังวลหลังจากจิบน้ำไปหนึ่งอึก
“มีอะไร”
[อยู่ไหน]
“อะไรแต่เช้า”
[อยู่บ้านคุณอีอึยชานใช่ไหม]
“ชองอูบอกงั้นเหรอ”
[เปล่า ข่าวน่ะ]
เธอพูดเรื่องอะไรกัน ระหว่างยูมินพูดไม่ออก โทรศัพท์ของอึยชานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ส่งเสียงดังเช่นกัน
“มีอะไร”
[พี่! ข่าวฉาว! โอ๊ย!]
“อะไรนะ”
[ดูข่าวสิครับ มันขึ้นเป็นข่าวหลักเลย ตอนนี้ผมกำลังไปที่บริษัท พี่อยู่ที่บ้านนิ่งๆ อย่าออกไปไหนนะครับ คุณยูมินก็อย่าเพิ่งออกไปเหมือนกัน คุณชองอูน่าจะไม่ไปที่นั่นแล้วล่ะครับ!]
อึยชานวางสายอย่างใจเย็นแล้วเช็ดข่าวกับโซเชียลมีเดีย หลังจากฟังยูฮาบ่นพักหนึ่ง ยูมินเองก็เปิดเว็บบราวเซอร์เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องค้นหาเลยด้วยซ้ำ เพราะคำค้นหาอันดับหนึ่งคืออีอึยชาน ส่วนรูปบนหน้าหลักหราก็มองออกชัดเจนว่าเป็นใครแม้จะเบลอหน้าอยู่ก็ตาม