เนื้อหาข่าวค่อนข้างยาวและละเอียดพอสมควร รูปภาพก็ถูกจัดเรียงตามลำดับเวลาตั้งแต่เจอผู้จัดการส่วนตัวที่ร้านกาแฟ จากนั้นก็ต่อร้านอาหารญี่ปุ่นและกลับขึ้นรถอีกครั้ง จนกระทั่งถึงตอนเดินอยู๋ในโรงจอดรถบ้านอึยชาน เป็นสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยูมินพินิจพิจารณาสิ่งเหล่านั้นสักพัก ก่อนจะปิดโทรศัพท์ที่มีข้อความหลั่งไหลเข้ามาอย่างน่ารำคาณและยกช้อนขึ้นอีกครั้ง

 

 

“ซุปอร่อยดีนะคะ”

 

 

“ยังกินข้าวลงอีกเหรอครับ”

 

 

“ค่ะ”

 

 

ยูมินดูไม่คิดอะไรเลยจริงๆ ขณะมองเธอกินข้าวต่อ อึยชานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทีละนิด ถึงจะเป็นข่าวฉาวเดียวกัน แต่ปฏิกิริยาของผู้คนต่อนักแสดงชายกับนักแสดงหญิงกลับต่างกันคนละขั้ว ยิ่งเป็นข่าวของนักแสดงหญิงหน้าใหม่เพิ่งเข้าวงการได้ไม่นาน กับท็อปสตาร์ที่มีภาพลักษณ์เย็นชาและดูเนี้ยบยิ่งแล้วใหญ่ นั่นคือส่วนที่เขากังวล

 

 

แต่ดูจากการนิ่งเฉยแบบนี้ แสดงว่าคงจะมีแบคอัพดีสินะ คิดเช่นนั้นพร้อมกับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องอื่น

 

 

“เอาอีกไหมครับ”

 

 

“ไม่ค่ะ ฉันกินไปเยอะแล้ว”

 

 

ยูมินกับอึยชานจัดการอาหารจนเกลี้ยงเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ต่อมายูมินก็มานั่งลงบนโซฟาและทำให้จิตใจสงบลงสักพัก ระหว่างนั้นอึยชานก็เก็บโต๊ะกินข้าวและล้างจาน

 

 

เสียงจานชามกระทบกันและเสียงน้ำดังขึ้นอย่างสงบสุขภายในบ้านอันเงียบสงัด แสงอาทิตย์ยามสายลอดผ่านเข้ามายังห้องนั่งเล่นอย่างอบอุ่น มีเพียงแค่โทรศัพท์ของอึยชานที่อยู่ในโหมดปิดเสียงเท่านั้นที่ส่องแสงวูบวาบไม่หยุดหย่อนและรับข้อความที่กระหน่ำเข้ามาเพียงลำพัง

 

 

“ไม่นอนต่ออีกสักหน่อยเหรอครับ”

 

 

หลังจากล้างจานเสร็จ อึยชานก็เอ่ยถามพลางเช็ดมืออย่างลวกๆ กับเสื้อ

 

 

“ค่ะ ฉันอยากอาบน้ำสักหน่อยมากกว่า”

 

 

อาบน้ำ อึยชานเดินผ่านโซฟาที่ยูมินนั่งเข้าไปยังห้องแต่งตัวอย่างว่องไว เขามีใบหน้าที่ปกติจนกระทั่งถึงเมื่อกี้นี้ ความร้อนที่พุ่งพล่านขึ้นมาเพราะคำว่าอาบน้ำไม่ยอมสงบลงง่ายๆ ยูมินมองดูเขาที่ออกมาพร้อมกับเสื้อยืดตัวใหม่ที่ยังไม่แกะป้ายออกหลังจากผ่านไปสักพัก แล้วระเบิดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

“หัวเราะทำไมครับ”

 

 

“เปล่า เอามาให้ฉันสิคะ ตรงนั้นคือห้องน้ำใช่ไหม”

 

 

“ห้องที่ออกมาเมื่อกี้มีห้องน้ำครับ อาบที่นั่นก็ได้ครับ”

 

 

เขามีมุมที่น่ารักกว่าที่คิด ติ่งหูที่กลายเป็นสีแดงกับดวงตาล่อกแล่กไร้ที่ไปในร่างยักษ์ๆ นั่น ยูมินเอาชุดที่อึยชานส่งให้เข้าห้องน้ำพร้อมหัวเราะออกมาอีกหนึ่งครั้ง

 

 

 

 

จาฮอนไม่รู้เลยว่าควรต้องดีใจหรือมีปวดหัวกับสถานการณ์นี้ดี เขาคิดว่าหากยูมินกับอึยชานมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน เขาก็จะได้เจอยูฮาอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอกันเร็วแบบนี้และด้วยวิธีแบบนี้

 

 

“คิดว่าเธอไปนอนบ้านชองอูซะอีก”

 

 

กึก กึก เสียงเคาะที่วางแขนเป็นจังหวะสม่ำเสมอกับเสียงคล้ายกระซิบของยูฮาผสานเข้าด้วยกัน จนทำให้ทั้งออฟฟิศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ชองอูที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ดูเหมือนว่าเขาจะถูกตำหนิไปแล้วรอบหนึ่งก่อนจาฮอนจะมาถึง

 

 

“ขอโทษครับ เป็นความสะเพร่าของผมเอง”

 

 

“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้เรียกคุณจาฮอนมาเพื่อโทษว่าเป็นความผิดของคุณ ดื่มอะไรดีคะ กาแฟไหม”

 

 

“ท่านประธานให้ดื่มอะไร ผมก็ชอบหมดแหละครับ”

 

 

เสียงเคาะหยุดชะงักไป ปากของชองอูก็อ้าค้าง จาฮอนถึงรู้ตัวว่าเผลอพูดความคิดในใจออกมาโดยไม่กลั่นกรองเสียก่อน แต่เสียงหัวเราะของยูฮาก็ทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดอย่างไหลลื่น

 

 

“ฮ่าๆ ว่าจะสั่งชองอูสักหน่อย แต่ดูเหมือนฉันต้องไปชงเองแล้วลิ รอก่อนนะคะ”

 

 

กลิ่นเมล็ดกาแฟลอยออกมาจากห้องชงกาแฟที่ยูฮาเข้าไปสะกิดข้างในหน้าอกของจาฮอนเบาๆ แม้จะอยู่ในสถานการณ์อันตึงเครียดที่เกิดข่าวฉาวขึ้นก่อนเริ่มถ่ายทำละครเรื่องใหม่ สักพักหญิงสาวก็ออกมาจากห้องชงกาแฟพร้อมกับวิธีแก้ปัญหา

 

 

“คงต้องยอมรับไปนะคะ เพราะถูกถ่ายตอนเข้าบ้านด้วย ถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันคงจะถูกด่าหนักกว่าเดิมแน่นอน งั้นเอาเป็นกำลังคบกันอยู่ก็แล้วกันค่ะ”

 

 

สิ่งที่ยูฮาพูดออกมาอย่างสบายๆ ถูกส่งต่อไปยังต้นสังกัดของอึยชาน ก่อนจะกลายเป็นคำแถลงการณ์และถูกส่งต่อไปยังสื่อมวลชนต่างๆ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงหัวข้อข่าวที่ว่า ‘ข่าวพิเศษ บรรยากาศสีชมพูของอีอึยชานกับซอยูมิน’ ก็ถูกเปลี่ยนเป็น ‘อีอึยชาน ซอยูมิน คอนเฟิร์มการคบหาดูใจกัน ช่วยเอ็นดูกันด้วยนะ’ ในชั่วพริบตา

 

 

“นี่มันอะไรกันเนี่ย”

 

 

หากบอกว่าคบกันก็ควรจะต้องรู้สึกไม่แฟร์ไม่ใช่เหรอ แต่พอเห็นต้นสังกัดออกมายอมรับความสัมพันธ์ที่ไม่มีจริง เขาก็ได้แต่หัวเราะแห้งแทนคำพูด อึยชานจ้องโทรศัพท์พักหนึ่งก่อนจะโทรหาจาฮอนเป็นคนแรกสุด

 

 

[ครับพี่]

 

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

 

 

[ข่าวเดทน่ะเหรอครับ ผมว่าจะติดต่อไปหาอยู่พอดีเลย]

 

 

“ไหนๆ ก็ติดต่อกันแล้ว งั้นบอกมา ใครให้ยอมรับ”

 

 

[ต้นสังกัดของทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันครับ เนื่องจากถูกถ่ายรูปด้วยจึงตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกครับ เพราะฉะนั้นแค่แกล้งเป็นคู่รักกัน แล้วค่อยแยกกันหลังจากถ่ายละครเสร็จก็ได้ครับ ตอนแรกคิดว่าจะแย่ แต่พอยอมรับ บรรยากาศก็กลับกลายเป็นโอเคขึ้นมาเลยนะครับ]

 

 

“แล้วความเห็นฉันล่ะ”

 

 

[ตอนยอมกลับบ้านพร้อมกับคุณยูมิน นั่นแหละครับความเห็นของพี่ ตอนเช้าๆ ก็ลองแสดงความรักกันดูสิครับ]

 

 

ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ได้รู้สึกไม่ชอบในสิ่งที่จาฮอนพูดก่อนวางสาย พูดกันตามตรง เขารู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ อึยชานนั่งเรียบเรียงความคิดบนโซฟาสักพักก็นึกขึ้นได้ว่ายูมินอาบน้ำนานเกินไปแล้ว

 

 

ถึงผู้หญิงจะอาบน้ำนานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่นี่มันก็ผ่านไปตั้งหนึ่งชั่วโมง โทรศัพท์มือถือยังคงอยู่บนโต๊ะกินข้าวเหมือนเดิม ก๊อก ก๊อก เขาลองเคาะประตูห้องอย่างระมัดระวัง แต่ไม่มีคำตอบหรือเสียงใดๆ ออกมาจากด้านใน

 

 

“คุณยูมิน”

 

 

ไม่ว่าจะเรียกกี่ครั้ง สิ่งที่ได้กลับมาก็มีแค่ความเงียบ ลูกบิดประตูที่ลองหมุนด้วยความสงสัยก็ไม่ได้ล็อคอยู่ ภายในห้องที่เต็มไปด้วยความมืดราวกับสีหมึกจางๆ แม้ตอนกลางวัน มีเพียงแค่แสงแดดเส้นหนึ่งที่เล็ดลอดเข้ามาระหว่างมู่ลี่ทาบทับอยู่บนผ้าห่มที่นูนขึ้น อึยชานตรงเข้าไปใกล้ปลายผมที่กระจัดกระจายอย่างเงียบๆ

 

 

หน้าตาตอนหลับเป็นแบบนี้สินะ ตอนตื่นนอนเธอดูเย็นชามากจนไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปชวนคุย แต่ยูมินที่หลับอยู่กลับดูอ่อนโยนและสบายใจเป็นอย่างมาก จนคนที่มองดูอยู่อยากจะนอนลงข้างๆ เลยทีเดียว

 

 

ดูอีกสักพักค่อยออกไปแล้วกัน อึยชานนั่งลงข้างๆ เตียงและมองดูใบหน้าของยูมินที่กำลังหลับใหลพร้อมกับเงี่ยหูฟังเสียงลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอ

 

 

กลิ่นแชมพูที่อึยชานใช้ลอยออกมาจากเส้นผมที่เปียกชื้น กลิ่นน้ำยาอาบน้ำที่อึยชานใช้ก็ลอยออกมาจากมือที่ถูกวางไว้อย่างสวยงามนอกผ้าห่ม แม้จะเป็นกลิ่นที่ได้กลิ่นเป็นประจำ แต่มันกลับมีอะไรบางอย่างต่างออกไปเมื่อยูมินใช้

 

 

หัวใจพองโตขึ้นราวกับจะระเบิด ความเร็วที่อึยชานก้มตัวลงไปนั้นช้ามากเมื่อเทียบกับความเร็วที่ลดลง อย่างเชื่องช้า อย่างระมัดระวัง ริมฝีปากเข้าไปใกล้กับริมฝีปากในความเร็วเดียวกัน

 

 

“เฮือก”

 

 

ก่อนที่ริมฝีปากจะแตะกัน จู่ๆ อึยชานก็ตั้งสติได้ เขากลืนลมหายใจเข้าไปพร้อมกับถอยไปด้านหลัง เมื่อกี้นี้เรากำลังจะทำอะไรกับผู้หญิงที่กำลังหลับกันเนี่ย แต่ขาของเขากลับติดอยู่กับเก้าอี้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แม้จนกระทั่งยูมินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

 

 

“ตะ ตื่นแล้วเหรอครับ คือว่า ผมเห็นว่าเงียบไป…”

 

 

“อ๋อ ฉันเหนื่อยก็เลยงีบสักหน่อยน่ะค่ะ”

 

 

หาวว ยูมินหาวอย่างสบายใจแล้วนั่งพิงกับเตียงด้วยความอ่อนเพลีย

 

 

“ข่าวฉาวถูกจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหมนะ เป็นยังไงบ้างคะ”

 

 

“ต้นสังกัดจัดการกันเองแล้ว แต่ว่า…”

 

 

หลังจากลังเล สุดท้ายอึยชานก็ยอมแพ้ที่จะบอกเธอด้วยตัวเอง เขาลุกขึ้นแล้วกลับมาพร้อมกับโทรศัพท์ บนหน้าจอที่ยื่นให้มีหัวข้อข่าวว่า ‘อีอึยชาน ซอยูมิน คอนเฟิร์มการคบหาดูใจกัน ช่วยเอ็นดูกันด้วยนะ’ ปรากฏหราอยู่ ตาดำของยูมินที่สงบนิ่งจึงเบิกโพลงขึ้นและทำได้แค่เพียงพูดทวนท้ายประโยค

 

 

“คุณบอกว่าจัดการกันเอง…. เหรอคะ”

 

 

“ก็อย่างที่คุณเห็น”

 

 

ที่ยูมินยังสบายใจอยู่ได้แม้จะมีข่าวฉาวก็เพราะมียูฮาอยู่ข้างหลัง การที่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์คราวที่แล้วสักฉบับเดียวก็เพราะความสามารถของเธอคนนั้นด้วย แต่ทำไมเรื่องถึงได้ใหญ่ขึ้นขนาดนี้ ยูมินกะพริบตาปริบๆ ด้วยความสับสนและหัวเราะแห้งออกมาเหมือนกับหลังจากที่อึยชานได้อ่านข่าว ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้เขา

 

 

“เพราะงั้น ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องเป็นคู่รักกันนะครับ”

 

 

ไม่รู้ทำไมเสียงของอึยชานที่กล่าวเช่นนั้นถึงได้ฟังดูตื่นเต้นกว่าปกติ คิดไปเองหรือเปล่านะ ยูมินลงมาจากเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะกินข้าวขึ้นมา สายที่เธอโทรไปหาทันทีที่เปิดเครื่องแน่นอนว่าต้องเป็นยูฮา

 

 

[โทรมาสักทีนะ]

 

 

“พี่”

 

 

[ตามนั้น แค่คบๆ ไปนั่นแหละ แล้วก็ระวังเป็นพิเศษด้วยเวลามีกล้อง เพราะถ้ามีข่าวลือว่าเข้าๆ ออกๆ บ้านเขาบ่อยๆ ทั้งที่ไม่ได้คบกัน หนทางในการเป็นนักแสดงหญิงในอนาคตของเธอจบเห่แน่]

 

 

ยูมินได้พูดเพียงคำเดียว นั่นคือคำว่า พี่ จากในบทสนทนาทางโทรศัพท์สั้นๆ แต่เพราะว่ายูฮาพูดถูกต้องทุกคำ เธอจึงไม่สามารถเถียงได้เลย อึยชานเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ เมื่อเห็นเธอมีสีหน้าตึงเครียดหลังจากวางสาย

 

 

“อากาศดีนะครับ ออกไปดื่มกาแฟกันสักแก้วไหมคุณยูมิน”

 

 

“ช่างเถอะค่ะ ขอแค่น้ำก็พอ”