มีเฉินเกอพูดนำ เด็กสาวก็พูดตาม พวกเขากำปากกาไว้ด้วยกัน และเด็กสาวก็งึมงำอยู่ในใจ ทำไมฉันถึงมาทำอะไรแบบนี้กัน?
แต่ว่า มีบางอย่างเกี่ยวกับชายตรงหน้าเธอที่ทำให้เธอขัดความต้องการของเขาได้ยาก
ปากกาลูกลื่นพัง ๆ นั้นถูกถือไว้เหนือกระดาษ หลังจากทั้งสองคนพูดคาถาจบ พวกเขาก็หยุดแล้วมองกระดาษอยู่เงียบ ๆ ในห้องเก็บของนั้นเงียบมาก และไม่มีใครพูดอะไร พวกเขาได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองกำลังเต้น
ผู้ชายคนนี้กำลังทำอะไร? เขาคงไม่คิดว่าจะสามารถอัญเชิญผีปากกามาได้จริง ๆ หรอกใช่ไหม?
สายตาของเด็กสาวสอดส่ายไปมาขณะที่ชำเลืองมองไปทางเฉินเกอ เพราะเหตุผลอะไรสักอย่าง มีดสั้นที่เธอดึงออกมาจากใต้โต๊ะนั้นวางอยู่ข้างชายคนนั้น “เอ่อ…”
เด็กสาวต้องการบอกชายคนนี้ว่าเกมจบลงแล้ว แต่ว่าเฉินเกอห้ามเธอไว้ด้วยเสียงชู่ “เงียบ เธอกำลังมา”
หลังจากเฉินเกอพูดอย่างนั้น ปากกาที่พวกเขากุมเอาไว้ก็เริ่มขยับเล็กน้อย และมันก็ขยับไปวาดวงกลมเอาไว้ที่บนกระดาษขาว เด็กสาวสามารถรู้สึกได้ถึงพลังจากปากกา เธอไม่ได้ใช้แรงเลยสักนิด แต่ว่าปากกากลับเริ่มขยับเอง
*เขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!*เด็กสาวมองเฉินเกอ พยายามหาร่องรอยจากสีหน้าของเขา แล้วเธอก็ต้องผิดหวัง เฉินเกอนั้นเพ่งสมาธิเต็มที่อยู่กับปากกาที่พวกเธอกุมเอาไว้ และเธอก็มองไม่เห็นอะไรผิดปกติบนใบหน้าของเขาได้เลย
ปากกาที่สถาบันฝันร้ายนั้นขยับได้ด้วยตัวเองเพราะว่าปากกาและโต๊ะนั้นล้วนเป็นของสั่งทำ พวกมันสามารถควบคุมได้ เรียกได้ว่าเป็นมายากล ตราบใดที่พวกเขารู้ทฤษฎีเบื้องหลังไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ โดยไม่รู้ตัว เด็กสาวเชื่อว่าเฉินเกอก็กำลังทำอย่างเดียวกัน เธอต้องการเปิดโปงเฉินเกอ แต่ถึงแม้จะจับสังเกตเขาอยู่นาน เธอก็ยังไม่พบช่องโหว่อะไรเลย
ปากกาที่บนกระดาษยังขยับต่อ ทุกขีดนั้นหนักแน่นและมั่นใจ ในที่สุดก็ปรากฏชื่อหนึ่งขึ้นบนกระดาษขาว– ฉู่ชางหลิน
“ฉู่ชางหลิน? งั้นนี่ก็เป็นชื่อของคนรักของเธอ” เฉินเกอเงยหน้ามองเด็กสาว “ไม่ง่ายเลยที่จะเจอความรักในโลกนี้ ดีกับเขา อย่าทำให้ชายผู้ซื่อสัตย์ต้องผิดหวัง”
ตอนที่เธอเห็นชื่อนั้นบนกระดาษ ใบหน้าของเด็กสาวก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ตอนแรกก็เป็นความตกใจ จากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นสยองขวัญ!
เธอรู้จักฉู่ชางหลิน ผู้ชายคนนั้นก็เป็นพนักงานที่สถาบันฝันร้ายเหมือนกันและเขาก็มักจะคอยดูแลเธอ! เขายังเคยสารภาพความรู้สึกของเขากับเธอครั้งหนึ่งแต่ว่าเธอปฏิเสธเขาไป นี่น่าจะเป็นความลับระหว่างเธอกับฉู่ชางหลินเท่านั้น แล้วผู้ชายคนนี้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
คลื่นซัดสาดในหัวใจของเธอ และแขนของเด็กสาวก็สั่น ปลายนิ้วของเธอแตะอยู่กับปลายนิ้วของเฉินเกอ และความเย็นเยือกนั่นก็ทำให้ความตื่นตระหนกของเธอเพิ่มทวีเป็นหลายเท่าตัว ผู้ชายตรงหน้าเธอนั้นกำลังยิ้มอย่างอบอุ่น แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องลดต่ำลงเรื่อย ๆ กัน?
ร่างกายของเธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และเด็กสาวก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมตัวเอง บอสบอกว่าผู้เข้าชมคนนี้นั้นแปลกมาก เขาชำนาญในเกมจิตวิทยาและยังตั้งใจมาที่นี่เพื่อก่อเรื่องให้กับสถาบันฝันร้าย เขาน่าจะสืบเรื่องพนักงานทุกคนที่นี่ก่อนที่จะมาถึง และด้วยการแสดงออกทางสีหน้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉัน เขาก็คงบอกได้ว่าฉู่ชางหลินนั้นมีความเกี่ยวข้องกับฉัน
เด็กสาวรู้ว่าโอกาสคงไม่สูงนัก แต่ว่าทั้งหมดที่เธอทำได้ก็คือปลอบตัวเอง นั่นเป็นวิธีเดียวที่เธอจะรักษาสติของตัวเองเอาไว้ได้ เธอกัดริมฝีปากตัวเอง เด็กสาวไม่คิดที่จะยอมแพ้โดยง่าย เธอตัดสินใจใช้วิธีการของเธอเองในการเปิดโปงผู้ชายคนนี้
ผู้ชายคนนี้เดาชื่อของคนที่ชอบฉันออกมาได้แล้วไงล่ะ? เขาจะเดาชื่อของคนที่ฉันอาจจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลือด้วยได้ยังไง!
เด็กสาวมีความลับหนึ่งซ่อนอยู่ในหัวใจ– ชื่อของคนที่เธอชอบจริง ๆ เธอไม่เคยบอกใครมาก่อนเลย
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เด็กสาวก็ถามเบา ๆ “ฉันถามคำถามอื่นกับผีปากกาได้ไหม?”
“ผีปากกาสามารถทำนายได้เพียงแค่วันละครั้งเท่านั้น ถ้าเธอบังคับมัน ผลลัพธ์อาจจะไม่แม่นยำแล้ว”
“แค่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ตกลงนะ?” ก่อนที่เฉินเกอจะทันได้พูดอะไร เด็กสาวก็กำปากกาแล้วถามคำถามของเธอ “ผีปากกา ผีปากกา คุณบอกชื่อของคนที่จะเป็นคู่ชีวิตของฉันในอนาคตได้ไหม?”
คำถามนี้คุ้นหูเฉินเกอสุด ๆ เขารู้สึกได้เลยว่าปากกาสั่น และเทปใสที่พันเอาไว้ก็ดูเหมือนจะฉีกขาดออกไปตอนไหนก็ได้ ปากกาทั้งด้ามเหมือนกำลังจะระเบิดออก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจชักนำให้เธอถามคำถามนี้ เธออยากจะถามมันออกไปด้วยตัวเธอเองนะ” หลังจากพูดอย่างนั้น เฉินเกอก็รีบปล่อยมือ ปากกาที่เดิมมีสองคนกุมเอาไว้ เด็กสาวไม่ได้เป็นคนออกแรงบังคับปากกาเลย ดังนั้นเธอจึงสันนิษฐานว่าเป็นเฉินเกอที่ขยับปากกาไปมา
แต่ตอนนี้ที่เฉินเกอดึงมือของตัวเองออกไปแล้ว ปากกากลับยังตั้งตรงอยู่บนกระดาษ ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างขึ้นช้า ๆ และจากนั้นก็เกิดเรื่องน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมขึ้น!
ปากกาเริ่มขยับ เด็กสาวบอกได้เลยว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด! ไม่ใช่เธอที่ขยับมัน!
เกิดอะไรขึ้นกัน? แม่เหล็กที่ใต้โต๊ะทำงานผิดไปงั้นเหรอ? แต่ว่านี่เป็นปากกาลูกลื่นพลาสติก– มันไม่ได้ทำจากโลหะ!!
ปากกาขยับต่อไป และมันก็เป็นฝ่ายเขียนประโยคหนึ่งให้เด็กสาวที่บนกระดาษ– เธอตายแน่!
มันเป็นประโยคง่าย ๆ แต่ว่าน่ากลัว เด็กสาวต้องการดึงมือตัวเองออก แต่เธอก็พบว่ามือของเธอนั้นราวกับจะติดอยู่กับปากกาแล้ว และแขนของเธอก็ถูกรั้งไปไม่ว่าเธอจะยินดีหรือไม่ ปากกาขยับเร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนกระทั่งกระดาษทั้งแผ่นเต็มไปด้วย เธอตายแน่!
“เดี๋ยว ช่วยด้วย! เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ความหวาดกลัวในหัวใจของเธอก่อตัวชัดเจน และความมีเหตุมีผลที่ยังเหลืออยู่ก็จมหายไป– เด็กสาวถูกความมืดมิดไร้สิ้นสุดกลืนกิน เธอมองเฉินเกอในความมืดอย่างกระวนกระวาย แต่ว่า พอเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นบางอย่างที่เธอคงจะลืมไม่ลงไปตลอดชีวิต
มีคนยืนอยู่บนไหล่ของเธอ!
ที่เธอใส่อยู่นั้นเป็นชุดนักเรียนสกปรก และตอนนี้ เธอก็กำลังใช้ปากกาลูกลื่นขีดเขียนไปอย่างบ้าคลั่งเหมือนกำลังระบายความรู้สึกหวาดกลัวสุดชีวิต
…
เสียงกรีดร้องแหลมดังมาจากห้องเก็บของ และตามมาด้วยเสียงของหนัก ๆ ตกพื้น เฉินเกอวางโหลแก้วกลับที่เดิมและเดินออกมาจากชั้นเก็บของอันที่สอง เขามองเด็กสาวที่นอนอยู่บนพื้น ตอนนี้ คอนแท็คเลนส์สีแดงนั้นหลุดออกจากดวงตาของเธอแล้ว เขาส่ายหน้าเบา ๆ “ทำไมเธอถึงต้องทำให้เธอคนนั้นโกรธด้วยฮึ?”
เก็บปากกาที่เหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขึ้นมา เฉินเกอมองไปยังปากกาหมึกซึมที่บนโต๊ะ ผีปากกาดูเหมือนจะไม่สนใจปากกาหมึกซึมนั่นเลยสักนิด
“ใจเย็นนะ เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอก” เฉินเกอปลอบผีปากกาและเดินออกจากห้องเก็บของ
“เคลียร์ไปอีกหนึ่งฉาก ฉันควรจะไปที่ไหนต่อ?” เฉินเกอดึงสมุดบันทึกออกมาแล้วเปิดไปที่การบันทึกครั้งที่สาม คราวนี้ เกิดอุบัติเหตุขึ้นในห้องน้ำ– มีวิญญาณพยาบาทอยู่ในห้องที่สี่ และมันก็มักจะปรากฏตัวออกมาตอนเที่ยงคืน
“เกี่ยวกับห้องน้ำงั้นเรอ? ห้องน้ำร้าง ๆ ค่อนข้างน่ากลัว อย่างไรซะ พลังหยินที่นั่นก็หนาหนักที่สุดแล้ว” เฉินเกอดูแผนที่ เขาอยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำ แค่เลี้ยวตรงมุมเท่านั้นเอง
“ในเมื่อฉันก็อยู่ตรงนี้แล้ว หวังว่า ฉันจะประหลาดใจอีกครั้งคราวนี้” เฉินเกอพูดและเดินไปยังจุดหมายต่อไปของตัวเอง
…
ในห้องน้ำที่สุดทางเดินชั้นสาม เงาดำ ๆ เงาหนึ่งซ่อนอยู่ในห้องที่สี่ เขากำลังไถหน้าจอโทรศัพท์สีหน้าเบื่อหน่ายตอนที่ได้รับโทรศัพท์
“บอส คุณหาผมเหรอ?”
“ฉู่ชางหลิน ตอนนี้ ผู้เข้าชมพิเศษกำลังจะเข้าไปในฉากของแก แกต้องหาวิธีช่วยฉันหลอกเขาให้กลัวสุด ๆ ไปเลยนะ!”