“ไม่ต้องห่วงครับบอส ผมสัญญาจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!” ฉู่ชางหลินตบหน้าอกให้สัญญา เขาไม่สนใจว่าบอสของเขาไม่ได้อยู่เห็นมันเสียหน่อย และรับปากไปก่อนแล้ว
“ฉันชอบทัศนคติของนาย ชางหลิน นี่เป็นเหตุผลที่นายเป็นหนึ่งในพนักงานที่ดีที่สุดของบ้านผีสิงของเรา และทำให้ฉันมอบหมายตำแหน่งอันสำคัญอย่างห้องน้ำให้นายดูแล ฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
“ขอแค่เขาเข้ามาในฉากนี้ ผมรับรองกับคุณว่าเขาจะเดินเข้ามาแต่ว่าคลานกลับออกไป”
“ผู้ชายคนนี้ให้ความสนใจกับรายละเอียดและยังอันตรายมาก ฉันจะตัดการสื่อสารกับนายหลังจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ตำแหน่งของนายถูกเปิดเผยออกไป แต่ว่าฉันจะคอยติดตามการเคลื่อนไหวของนายผ่านกล้อง”
“บอส ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” หลังจากฉู่ชางหลินสัญญาอีกครั้ง เขาก็นึกถึงบางอย่างได้ เขาลดเสียงลงถาม “บอส ฉากที่ใกล้กับผมที่สุดคือฉากผีปากกา เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเตี๋ยใช่ไหม?”
“เสี่ยวเตี๋ยไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วงคนอื่น ตั้งใจกับหน้าที่ของนายไป! เขากำลังมาแล้ว ฉันจะรอข่าวดีอยู่ในห้องกล้องวงจรปิด” ชายวัยกลางคนวางสายไปในไม่ช้า ในเวลาเดียวกัน ประตูห้องน้ำก็เปิดแง้มออก
…
“ทำไมห้องน้ำในบ้านผีสิงถึงไม่แยกเพศกันละนี่? นี่ไม่มืออาชีพเกินไปหน่อยแล้ว” เฉินเกอผลักประตูห้องน้ำของสถาบันฝันร้ายเปิด กลิ่นรุนแรงโจมตีเข้าจมูกเขาทันที “กลิ่นยาฆ่าเชื้อฉุนขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นที่นี่ถึงต้องฆ่าเชื้ออย่างหนักขนาดนี้หรือไง?”
เฉินเกอดึงสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋า พยายามหาคำตอบจากในนั้นแต่ก็ต้องผิดหวัง ไม่มีอะไรใช้การได้เลยจากบันทึกเกี่ยวกับห้องน้ำ มันแค่พูดถึงคร่าว ๆ ว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในห้องส้วมห้องที่สี่
“ตามในบันทึก พนักงานน่าจะซ่อนอยู่ในห้องส้วมห้องที่สี่ ตอนที่ผู้เข้าชมเดินผ่าน พนักงานก็จะกระโจนออกมาอย่างกะทันหัน แต่ว่านั่นไม่ใช่จะลดความน่าสะพรึงลงหรือไง?”
ตอนที่เฉินเกออ่านบันทึกครั้งแรก เขาก็คิดวิธีแก้ไขได้อย่างง่ายดาย หากพนักงานซ่อนตัวอยู่ในห้องที่สี่ เขาก็จะยืนอยู่ในห้องที่สามและสังเกตสถานการณืในห้องที่สี่ก่อนค่อยตัดสินใจ แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องน้ำที่อยู่ปลายทางเดิน เฉินเกอก็เปลี่ยนใจ กลิ่นยาฆ่าเชื้อนั้นฉุนมากเกินไปจริง ๆ
มันต้องมีเหตุผลให้ห้องน้ำได้รับการจัดการเช่นนี้ มันซ่อนอะไรเอาไว้ใช่ไหม? ใช้กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อปิดซ่อนกลิ่นของบางอย่างเอาไว้…
“สิ่งที่ทั้งน่ากลัวและเหม็น?” เฉินเกอพยายามคิดหาคำตอบตอนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ บนพื้นมีรอยแตกหลายรอย และยังมีคำน่ากลัว ๆ ถูกเขียนชุ่ย ๆ เอาไว้ที่บนผนัง บางครั้งก็มีกิ้งก่าคลานไปตามกำแพงและเพดานเกิดเสียงดังแกรกกราก
ไม่มีหน้าต่าง และตะเกียงตั้งโต๊ะเก่า ๆ ก็เปล่งแสงสีแดงอยู่ที่ตรงมุม ใต้ตะเกียงนั้นเป็นกล่องสีดำใบเล็ก ๆ
“นั่นอะไรน่ะ?”
ปกติแล้ว ของเช่นนี้ไม่ควรถูกพบอยู่ในห้องน้ำ เฉินเกอเดินผ่านห้องน้ำห้องแรกแล้วไปหยุดอยู่ตรงตะเกียง เขาเอื้อมมือออกไปเปิดกล่องสีดำเล็ก ๆ และในนั้นมีกระดาษโน้ตที่อ่านได้ว่า– แกชอบที่พวกเราเล่นตลกกับแกเล่นไหม?
ใต้กระดาษโน้ตนั้นเป็นรูปหมู่ใบหนึ่ง เด็กกลุ่มหนึ่งมองกล้องอย่างกระวนกระวาย และมีแค่เด็กที่ตรงริมสุดที่ฉีกชิ้นเหมือนเป็นบ้า ที่ด้านหลังรูป เฉินเกอยังเจอประโยคอื่นเขียนไว้– มันก็แค่เล่นตลกนิดหน่อยเท่านั้นน่าเพื่อน
“เล่นตลก งั้นเหรอ?” บันทึกนั้นมีเงื่อนงำให้เล็กน้อย เฉินเกอไม่รู้ว่าฉากนี้ใช้ธีมอะไร เขาหยิบกล่องประหลาดนั่นขึ้นมาและยัดมันลงไปในกระเป๋า– เขามีความรู้สึกว่าเขาต้องใช้มันหลังจากนี้
การกระทำของเฉินเกอนั้นถูกจับตามองอย่างเงียบ ๆ โดยสายตาที่ในความมืดคู่หนึ่ง คนผู้นั้นไม่เข้าใจเหตุผลของการกระทำนั่น ในห้องน้ำที่มีกลิ่นหึ่งและยังดูเหมือนเป็นที่เกิดเหตุฆาตกรรม ทำไมถึงมีคนที่ยัดของอะไรสักอย่างเข้าไปในกระเป๋าตัวเองอีก?
เฉินเกอสะพายกระเป๋าด้วยแขนข้างเดียว เขาตรวจดูตะเกียงตั้งโต๊ะอีกครั้ง เขากดปุ่มเปิดและปิดอยู่หลายรอบและผละออกมาหลังจากแน่ใจแล้วว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติ
“ห้องน้ำมีอ่างล้างมือและห้องส้วมหกห้อง ไม่มีของอย่างอื่นในนี้ และยังเห็นได้ชัดเจนว่าตะเกียงก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ดังนั้น คนก็น่าจะซ่อนอยู่ในห้องส้วม” เฉินเกอนั้นมีประสบการณ์คล้ายอย่างนี้มาก่อนที่โรงเรียนมัธยมมู่หยาง เขาไม่ได้รู้สึกกลัว แต่ว่าหัวใจของเขาก็ยังไม่สบายใจกับความเดจาวูนี้
เขาเปิดประตูห้องส้วมห้องแรก มันมีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อฉุนกึก เฉินเกอบีบจมูกแล้วตรวจดูในห้องส้วมอย่างอดทน
เขาพบข้อความกร่นด่าร้องทุกข์เขียนเอาไว้บนผนังห้องส้วม
“เขาทำเสื้อผ้าฉันเปียกอีกแล้ววันนี้ ฉันเกลียดเสี่ยวหลิน!”
“เสี่ยวหลินดึงเก้าอี้ออกตอนที่ฉันกำลังนั่งลงไปและมันก็ทำให้ฉันก้นกระแทกพื้น”
“เสี่ยวหลินเอากบมาใส่ไว้ในลิ้นชักของฉัน! ฉันแทบอ้วกแน่ะ!”
อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ก็แค่เล่นตลก แต่ทั้งหมดล้วนพูดถึงเสี่ยวหลิน เด็กคนนี้น่าจะเป็นเด็กขี้แกล้งของห้อง และเพื่อนในห้องหลายคนก็ตกเป็นเหยื่อ
“แต่ดูเหมือนไม่มีอะไรที่น่ากลัวจริง ๆ” เฉินเกอกวาดตามอง ข้อความในห้องส้วมนั้นดูไร้เดียงสาไปเลยเมื่อเทียบกับข้อความที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่หอผู้ป่วยสาม
เขาเปิดประตูห้องส้วมห้องที่สอง ยังคงมีข้อความทิ้งไว้แต่ไม่เหมือนที่ในห้องแรก เด็ก ๆ ดูเหมือนจะโกรธเกรี้ยวมากขึ้น และเริ่มมีพวกเขาบางส่วนเกือบได้รับอันตราย
จากนั้นเฉินเกอก็เปิดประตูห้องส้วมห้องที่สาม ข้อความบางส่วนนั้นพูดถึงการเล่นตลกเพื่อแก้แค้นเสี่ยวหลิน พวกเขาสร้างเรื่องสยองขวัญเกี่ยวกับห้องส้วมห้องที่สี่ในห้องน้ำและ ‘บังเอิญ’ บอกมันให้เสี่ยวหลินได้ยิน จากนั้นทุกคนก็ออกความคิดต่าง ๆ ที่จะใช้ในห้องน้ำแก้แค้นเสี่ยวหลินเป็นครั้งสุดท้าย
ผ่านทางข้อความกระจัดกระจายบนกำแพง เฉินเกอก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ข้อความอย่างเดียวนั้นไม่ได้น่ากลัวนัก แต่เมื่อรวมกับบันทึกครั้งที่สามในสมุดบันทึก มันก็ค่อนข้างน่าขนลุก
“เสี่ยวหลินหนีออกจากห้องส้วมห้องที่สี่ได้ในที่สุดใช่ไหม?” เฉินเกอหยุดอยู่ตรงหน้าห้องส้วมห้องที่สี่ ห้องนี้นั้นถูกพูดถึงเป็นพิเศษในสมุดบันทึก ดังนั้นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดน่าจะอยู่ในนี้ บางทีตอนที่เขาเปิดประตู เรื่องตลกของเด็ก ๆ ก็อาจจะเกิดขึ้น หรือบางที ตอนที่ประตูเปิดออก เสี่ยวหลินก็จะกลับมา
แต่ว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนที่เฉินเกอเปิดประตูห้องส้วมห้องที่สี่ และเขาก็ต้องประหลาดใจ ในนั้นมีกระจกบานหนึ่งวางเอาไว้
“เด็ก ๆ พวกนี้ค่อนข้างสร้างสรรค์ดีทีเดียว” เฉินเกอมองกระจกที่ถูกติดเอาไว้ที่ด้านหลังห้องน้ำ ยิ่งเขามอง เขาก็ยิ่งพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เงาของเขาไม่ปรากฏที่บนกระจก “น่าสนใจ พวกเขาติดรูปเอาไว้ที่บนกระจกงั้นเหรอ?”
เฉินเกอเอื้อมมือไปจับกระจก ตอนที่ปลายนิ้วของเขากำลังจะแตะถูกผิวกระจก จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ดังมาจากด้านบนร่างของเขา และจากนั้นหลังคอของเขาก็รู้สึกคันยะยิบ เขาก้มหน้าลงมองกระจก– ไม่มีอะไรในนั้น ความคันยิบที่หลังคอของเขามากขึ้นเหมือนมีแมลงหล่นลงไปแล้วไต่อยู่ในนั้น