บทที่ 201 แสดง
ภายในที่พักอาศัยของนักสู้
นักสู้ชาวมนุษย์ถูกขังอัดกันอยู่ภายในคุกห้องเดี่ยว กลิ่นเหม็นหืนถูกส่งออกมาจากภายใน
ซูเฉินมุ่นคิ้วแล้วมองเชลยมนุษย์เขม็ง
สายตาของพวกเขาทึมทื่อไร้ชีวิตชีวาและไร้ความหวัง
ซูเฉินถามเสียงเรียบ “พวกเขาอยู่เช่นนี้หรือ ?”
ป๋อเท่อที่ติดตามมาด้านหลังตอบ “อย่างไรพวกมันก็ต้องตายอยู่แล้ว อีกทั้งพวกมันยังเป็นมนุษย์ จะให้อยู่ในที่ดี ๆ ไปเพื่ออะไร ?”
คำตอบของเขาขาดทั้งความมีพิธีและมารยาท
ซึ่งก็ไม่แปลก
เขาเป็นคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสังเวียน ดังนั้นการหลบหนีไปของกิ้งก่าผวานับว่าเป็นความผิดของเขาโดยสมบูรณ์
แม้ซูเฉินจะได้รับคำชมจากอานู๋ปี่เพราะเรื่องนี้ ป๋อเท่อก็ยังถูกลงโทษอยู่ดี
เหตุผลเดียวที่ไม่ได้ถูกจับตัวไปตรงนั้นเพราะอานู๋ปี่อารมณ์ดีจึงมีเมตตา
เพราะฉะนั้นเหตุใด ป๋อเท่อจึงต้องพูดสุภาพกับซูเฉิน คนที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์น่าอับอายเช่นนี้ด้วย ?
มองกันในมุมนั้น ข้อเสนอแนะของเขิ่นอั้วนับว่าถูกต้อง แม้กลยุทธ์ของซูเฉินจะทำให้เลื่อนฐานะขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ล่วงเกินคนเถื่อนไปหลายคน
แต่ซูเฉินไม่สนใจสักนิด กลับตอบน้ำเสียงดูลึกลับ “มีแต่ทาสที่ยังมีกำลังวังชาและสุขภาพแข็งแรงดีที่จะสามารถทำการแสดงได้งดงามที่สุด…… ข้าจะเอามนุษย์พวกนี้ไปกับข้า เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ?”
ป๋อเท่อยักไหล่ “ไม่มีปัญหา พวกมันเป็นของท่านอยู่แล้ว ทั้ง 76 คนเลย ลงนามตรงนี้แล้วข้าจะปล่อยพวกมันไปให้ท่าน”
แม้จะเกลียดชังซูเฉิน แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้อีกฝ่าย เพราะอย่างไรซูเฉินในตอนนี้ก็เป็นหัวหน้า และยังเป็นคนใกล้ชิดของฝ่าบาท
เขาคงได้แต่รอจังหวะแก้แค้นอย่างอดทนเท่านั้น
เขาย่อมไม่รู้ว่าจะไม่มีวันนั้น
ซูเฉินลงนามอย่างรวดเร็วแล้วนำเฉลยทั้ง 76 คนออกไป
นักสู้ทั้งหลายมีเชือกพิเศษพันรอบคอ ก่อนจะถูกลำเลียงขึ้นรถมาแล้วนำตัวจะไป
ซูเฉินร้องขอให้รถม้านำพวกเขาไปส่งที่นอกเมือง
ป๋อเท่อจึงเอ่ยถาม “ท่านหลงถูคิดจะพาพวกเขาไปไหน ?”
ซูเฉินตอบ “ย่อมต้องเป็นจุดที่เหมาะสมกับการฝึก มีอะไร ? กลัวว่าข้าจะฉวยโอกาสปล่อยตัวพวกเขาไปหรือ ?”
ป๋อเท่อตอบ “ย่อมไม่ใช่ จริง ๆ แล้ว…… ข้าปล่อยให้ท่านทำเช่นนั้นดีกว่า”
ซูเฉินหัวเราะ “ก็ถูก โชคไม่ดีที่ข้าคงต้องทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว”
ป๋อเท่อตอบเสียงเยาะ “ทำให้ข้าผิดหวังก็ไม่ใช่ปัญหา อย่าทำให้ฝ่าบาทผิดหวังก็แล้วกัน”
ซูเฉินจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาล้ำลึกแล้วไม่พูดอะไรอีก บังคับรถม้าจากไป
รถมาค่อย ๆ ออกจากสนามต่อสู้ ดำเนินไปตามถนนหลักของปราการกู่หลาน เมื่อออกจากเมืองมาแล้วก็มุ่งผ่านป่า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่เขาลูกเล็กลูกหนึ่ง
ซูเฉินหยุดขบวนที่ตรงนั้น “พวกเจ้าทั้งหมดอยู่ที่นี่ ส่วนนักรบชาวมนุษย์ทั้งหลายขึ้นเขาไปกับข้า”
“ท่านหลงถู !” ทหารคนเถื่อนเอ่ยเสียงร้อนรน
“อะไร ? เป็นห่วง ?” ซูเฉินมองทหารคนเถื่อน “คิดหรือว่าคนพวกนี้หลุดจากตรวนมือแล้วจะสังหารข้าได้ ?!”
ระหว่างที่พูดเขาก็ยื่นมือออกไปซัดเข้ากับศิลาที่อยู่ไม่ไกล
ตู้ม !
ศิลาขนาดใหญ่ถูกซัดจนกลายเป็นผุยผง
การซัดศิลาให้แตกให้แตกไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่การทำให้มันเป็นผุยผงเช่นนั้นไม่ใช่ใช้แรงอย่างเดียวแล้วจะทำได้ ผู้ซัดยังต้องมีความสามารถในการคุมพลังต้นกำเนิดอันไร้ที่ติ ผู้เชี่ยวชาญด่านกลั่นโลหิตชาวมนุษย์อาจสามารถทำได้ แต่สำหรับคนเถื่อนจะทำได้ก็ต้องผ่านการเจิมน้ำมนต์อย่างน้อย 3 ครั้ง หรือก็คือเทียบเท่ากับคนด่านสู่พิสดารนั่นเอง
ประเมินกำลังของเฉลยทั้ง 76 คนแล้ว คงจะทำอะไรเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ทหารคนเถื่อนตอบเสียงเคารพ “ขอรับ !”
ซูเฉินจึงพาเชลยมนุษย์ทั้งหมดขึ้นเขาไป
เมื่อเดินมาถึงยอดเขาซูเฉินจึงหยุดฝีเท้า ก่อนจะตวัดสายตาเย็นมามอง
เขายังนิ่งเงียบ แรงกดดันทำให้ทหารชาวมนุษย์เริ่มกระวนกระวายขึ้นเรื่อย ๆ
สุดท้ายทหารคนหนึ่งก็เอ่ยทำลายความเงียบ “เจ้าคนเถื่อน อยากฆ่าก็ฆ่าเสีย พวกข้าไม่กลัวหรอก !”
ซูเฉินตอบเสียงเย็น “ข้าพามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อฆ่า แต่มาทรมาน ตอนนี้คุกเข่าลง สบถด่าพวกมนุษย์ แล้วยกย่องเผ่าคนเถื่อนเสีย”
“อย่าแม้แต่จะคิด !”
“ฝันไปเถอะ !”
“เจ้าอาจจะฆ่าทหารเยี่ยงพวกข้าได้ แต่หยามไม่ได้หรอก !”
ทหารทั้งหมดเริ่มร้องตะโกนด้วยความโกรธ
“งั้นเหรอ ? เช่นนั้นข้าจะเริ่มสังหารคน แล้วดูว่าจะยังใจแข็งเช่นนี้อยู่หรือไม่ !” ซูเฉินพลันออกท่าโจมตี ซัดหนึ่งฝ่ามือเข้าที่อกทหารคนหนึ่ง
คนผู้นั้นพ่นเลือดออกมา สั่นอยู่สองสามครั้งแล้วลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ไม่หายใจอีก
“หากคุกเข่าจะรอดชีวิต ไม่เช่นนั้นก็มีแต่ความตาย !” ซูเฉินตะโกนเสียงเหี้ยม
“ฝันไปเถอะ !” ทหารทั้งหมดตะโกนขึ้นพร้อมกัน
เงาร่างซูเฉินกะพริบแล้วซัดหลายฝ่ามือออกมา ทำให้พวกทหารที่ตะโกนเสียงดังที่สุดหลายคนล้มลงไปพร้อมเสียง ‘ตึง’
ซูเฉินเอ่ยเสียงทะมึน “คุกเข่าลง ! หากยอมทรยศอาณาจักรและเผ่าพันธุ์ก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะปล่อยเป็นอิสระอีกด้วย จะได้ใช้ชีวิตในฐานะทาสต่อไป”
สุดท้ายก็มีคนที่ไม่อาจอดทนต่อความหวาดกลัวได้อีกต่อไป
ทหารนายหนึ่งคุกเข่าลง “อย่าสังหารฆ่าเลย ! ข้ายอมสวามิภักดิ์ต่อท่าน ! คนเถื่อนช่างแข็งแกร่ง พวกมนุษย์หน้าไม่อาย !”
“ไอ้เวร !”
“อย่าไปก้มหัวให้มันสิ !”
“ลุกขึ้นมา ! อย่าทำให้ศักดิ์ศรีของพวกเราชาวมนุษย์ต้องแปดเปื้อน !”
ทหารโดยรอบก่นด่าเขาไม่หยุด มีสามคนพยายามพยุงเขาขึ้นมา แต่ซูเฉินก็ซัดฝ่ามือออกไปสกัดไว้
ทหารอีก 2 คนคุกเข่าลง
ทหารคนอื่น ๆ จึงถอยออกไป เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธ ทอดทิ้งเพื่อนทหารที่ทรยศพวกเขาไว้
ทั้งหมดล้วนจ้องซูเฉินราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาต
ไม่ยอมแพ้ แม้จะต้องตาย
“ยังน้อยเกินไป” ซูเฉินสายหน้าไม่พอใจ “ดูถ้าข้าจะได้ทาสเพียง 3 คนเท่านั้นหรือ ? เช่นนั้นแล้ว……”
เขาซัดฝ่ามือออกมานับไม่ถ้วน ทหารคนแล้วคนเล่าถูกฝ่ามือแล้วก็ล้มลง
“เดี๋ยวก่อน ! ข้ายอมจำนนแล้วเช่นกัน !” ทหารผู้หนึ่งตะโกนลั่นแล้วคุกเข่าลง
“แม่ทัพเล่อ !”
“แม่ทัพเล่อ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้ !”
ทหารทั้งหมดตะโกนขึ้นด้วยความเศร้าโศก
ทหารที่กำลังคุกเข่าลงแล้วคลานเข้าไปหาซูเฉินยังไม่ลุกขึ้นยืน “ใต้เท้า ข้ายอมทำตามคำสั่งทุกอย่าง ขอแค่……”
ซูเฉินเอ่ย “ขอแค่อะไร ?”
แม่ทัพเล่อ เอ่ยเสียงเบาจนไม่อาจได้ยิน
ซูเฉินจึงก้มลงฟัง ทันใดนั้นแม่ทัพเล่อพลันลุกขึ้นแล้วคำราม “ขอแค่แกตายไปไงเล่า !”
สองมือกำรอบคอซูเฉินไว้ก่อนคลื่นพลังรุนแรงจะพุ่งออกจากร่าง กระทั่งซูเฉินยังชะงักไปชั่วครู่ เขาถูกผลักตกหน้าผาไป และตอนนี้กำลังร่วงลงมาที่พื้นด้านล่างทั้งคู่
“ท่านแม่ทัพ !”
ทหารมนุษย์ทั้งหลายร้องเสียงดังแล้วเหินร่างตามลงไป
แต่ภาพที่ทำให้ชะงักและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังกลับปรากฏขึ้นต่อหน้า
ไอ้คนเถื่อนบัดซบนั่นกลับบินขึ้นไปได้แล้วคว้าตัวแม่ทัพเล่อไว้
มันบินได้ด้วย !
สำหรับคนเถื่อน การบินเช่นนั้นนับว่ายากกว่ามนุษย์ จะสามารถทำได้หลังจากได้รับการเจิมน้ำมนต์ 5 ครั้งแล้วเท่านั้น
แล้วคนเถื่อนผู้นี้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร ?
ทุกคนจึงได้ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
พริบตาต่อมา ทหารนายหนึ่งก็ร้องขึ้น “จะปล่อยให้มันบินขึ้นไปไม่ได้ !”
เขาเหินร่างพุ่งเข้าหาซูเฉิน
“ใช่แล้ว สู้เต็มกำลังดีกว่า !” ทหารพากันตะโกนแล้วดีดตัวลงจากยอดเขาคนแล้วคนเล่า ร่วงลงใส่ซูเฉินราวกับดาวตก
“ให้ตาย พวกเจ้ากำลังคิดจะทำอะไรเนี่ย !” ซูเฉินสบถด่า ทหารทั้งหลายกำลังร่วงลงมาจากท้องฟ้า ซูเฉินวาดแขน ทันใดนั้นหนวดอากาศก็ปรากฏขึ้น ด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ สร้างหนวดอากาศขึ้นมา 10 เส้นพร้อมกันไม่ใช่เรื่องยาก
หนวดอากาศเหล่านี้เริ่มรับตัวเหล่าทหารที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า
แต่ก็ยังมีคนอื่นร่วงลงมาเรื่อย ๆ ซูเฉินเห็นว่าไม่สามารถคว้าไว้ได้ทั้งหมด
ซูเฉินจึงได้แต่จนใจใช้วิชาเคลื่อนกายไปยังยอดเขา แล้วโยนทหารทั้งหมดที่จะไปได้ทิ้ง จากนั้นตะคอกเสียงดัง “อยู่ตรงนี้ !”
ทหารทั้งหมดชะงักงันไปทันที
พริบตาเดี๋ยวร่างเขาก็หายไปอีก ปรากฏขึ้นอีกทีที่ตีนเขา
ในตอนนั้นยังมีทหารที่เหลือยังคงร่วงลงมาจากท้องฟ้า
ซูเฉินปรากฏตัวขึ้นเบื้องล่างพวกเขาพอดี หนวดอากาศไหวไปมาอย่างกับหนวดปลาหมึก รัดร่างของทหารที่กำลังร่วงลงมาแล้วโยนพวกเขากลับขึ้นไป
ก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่คิ้ว “เวรเอ๊ย ดีนะที่เปลี่ยนวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายเป็นวิชาธรรมชาติแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงตายกันทั้งหมดแล้ว ! ต่อไปจะเล่นเช่นนี้อีกต้องระวังเสียแล้ว”
พูดจบเขาก็ทำท่าขยับแขน ทำให้ทหารทั้งหมดรู้สึกว่าจิตตนสั่นสะท้านก่อนที่จะสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
แม่ทัพเล่อจ้องซูเฉินสีหน้าโกรธ “ไอ้คนเถื่อนบัดซบ ข้าจะ……”
“เอาล่ะ ๆ แม่ทัพเล่อเฟิง ข้าผิดเองเข้าใจหรือไม่ ?” ซูเฉินเอ่ยขัด
แม่ทัพเล่อแข็งค้าง “รู้จักข้าหรือ ? น้ำเสียงเจ้า…… ทำไมถึงฟังดูคุ้น ๆ? แล้วเจ้ารู้จักภาษามนุษย์ได้อย่างไร ?”
พริบตาต่อมาก็บังเกิดภาพน่าตกตะลึง
ซูเฉินจึงกลับร่างเดิม
“ผู้บัญชาการซู !?” พวกทหารร้องลั่น
บางคนเคยเห็นซูเฉินมาก่อน บางคนก็ยังไม่เคย แต่ไม่ว่าจะเคยเห็นหรือไม่ต่างก็เคยได้ยินชื่อเขากันมาแล้วทั้งนั้น ด้วยมีชื่อเสียงจากการเป็นคนที่ช่วยกองทัพกำลังสวรรค์เอาไว้
เมื่อรู้ว่าเป็นเขา ทุกคนจึงเริ่มตื่นเต้นยินดีทันที
“ท่าน…… อยู่ที่นี่ได้อย่างไร ? ไม่หรอก ต้องเป็นตัวปลอมแน่ !” แม่ทัพเล่อเอ่ยเสียงสะท้าน
ซูเฉินถอนใจ “เคยได้ยินว่ามีคนเถื่อนที่ไหนใช้วิชาแปลงกายได้บ้างเล่า ? ข้าเคยช่วยเจ้าไว้ครั้งหนึ่งเมื่อตอนการต่อสู้ที่ภูเขาม่วงไม่ใช่หรือ ? ตอนนี้กลับตอบแทนข้าด้วยการผลักข้าลงจากเขาหรือไร ?”
ฉาเล่อเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง “เป็นท่านจริง ๆ! ผู้บัญชาการซู ! ผู้บัญชาการซูมาช่วยเราแล้ว !”
ทุกคนร้องลั่นขึ้นมา
“ชู่ ! เงียบ ๆ” ซูเฉินยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก “ด้านล่างยังมีพวกคนเถื่อน”
“ไม่คิดเลยว่าผู้บัญชาการจะอยู่ที่นี่ ทำไมถึง……” ทหารบางคนเริ่มตั้งคำถามด้วยไม่อาจเข้าใจ
ซูเฉินตอบ “สงสัยงั้นหรือ ? เห็นเป็นมนุษย์แล้วยอมเผยร่างที่แท้จริงข้าก็คงจะโง่มากใช่ไหมเล่า ? ก่อนอื่นข้าก็ต้องทดสอบก่อนว่าเชื่อใจใครได้บ้างอย่างไรล่ะ”
พูดจบก็โบกแขนเสื้อ ทหารที่ถูกเขา ‘สังหาร’ ไปก่อนหน้าลุกขึ้นมาอีกครั้ง ยังคงหายใจได้ปกติ
ด้วยความสามารถของเขา การหลอกตาคนอื่นจึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
ทุกคนตกตะลึงไป
เช่นนั้นคือการทดสอบนี่เอง
สิ่งที่ซูเฉินต้องการจริง ๆ คือทหารที่มีความกล้าหาญและไม่กลัวตายอย่างแท้จริง
ทุกคนจึงหันไปมองทหารที่กำลังคุกเข่าอยู่ทั้ง 3 คนโดยพร้อมกัน
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นคนที่ไม่ผ่านการทดสอบ
ทหารทั้งสามมีสีหน้าหนักหน่วง “ผู้บัญชาการ พวกข้า……”
“ข้ารู้” ซูเฉินพยักหน้า “ข้าเข้าใจความรู้สึกสิ้นหวังดี จะไม่โทษพวกเจ้า ใครที่ฝืนทนเหตุการณ์มาได้ขนาดนี้นับว่าเป็นลูกผู้ชายแล้ว แม้จะไม่อาจทนได้ข้าก็เข้าใจ แต่ก็หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจการกระทำของข้าได้”
ทหารสามคนมองกันแล้วคุกเข่า “พวกเราน้อมรับบทลงโทษจากผู้บัญชาการ เพียงแต่หวังว่าผู้บัญชาการจะไม่ทำให้พวกเราตายเปล่า”
ซูเฉินพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง เลือดของพวกเจ้าไม่สูญเปล่าแน่”
เขาเงื้อมือขึ้นแล้วประทับฝ่ามือลงไป
ครั้งนี้ไม่ใช่การแสดง !!