ตอนที่ 748 เชิญท่านลงโอ่ง

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 748 เชิญท่านลงโอ่ง

“เหล่าเกิน เหล่าเกิน… ! ”

เยี่ยนซีเหวินตะโกนออกมาเสียงดังจนทำให้ถานเหล่าเกินได้สติกลับคืนมา

“ใต้เท้าเยี่ยน ข้าน้อยกำลังไปขอรับ ! ”

“ถานเหล่าเกินคือผู้รับผิดชอบการต่อเรือรบลำนี้ เยี่ยงไรเสียข้าก็มิมีความรู้ในเรื่องนี้ ประเดี๋ยวเจ้าสนทนากับเขาเองก็แล้วกัน”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในอู่ต่อเรือจึงได้เห็นเรือลำใหญ่โตปรากฏสู่สายตา

หยูเวิ่นเต้าอ้าปากค้างด้วยอารามตกตะลึงงัน แม้ว่าเรือที่ล่องผ่านไปมาบนแม่น้ำแยงซีจะมีมากมายและมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันออกไป แต่ทว่าเขามิเคยเห็นเรือลำใดใหญ่โตมโหฬารถึงเพียงนี้มาก่อน !

ด้านฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกยินดีมากยิ่งนัก เนื่องจากโครงสร้างของเรือลำนี้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว อย่างมากคงใช้เวลาอีกราวครึ่งปีก็น่าจะทดลองเเล่นในแม่น้ำได้แล้ว

ดังนั้นคาดว่าต้องเริ่มลงมือรับสมัครทหารเรือและเรื่องนี้คงต้องไหว้วานให้บิดาอ้วนเป็นผู้รับผิดชอบ

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ถานเหล่าเกินก็วิ่งมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของทุกคน จากนั้นก็ยกมือขึ้นคารวะเยี่ยนซีเหวิน ใบหน้าดำคล้ำและเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นฉายรอยยิ้มออกมาพลางเอ่ยถามว่า “ใต้เท้ามีอันใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ ? ”

เยี่ยนซีเหวินชี้ไปยังฟู่เสี่ยวกวน “เขา…คือฟู่เสี่ยวกวน ! ”

ถานเหล่าเกินชะงักด้วยความตกตะลึง ใบหน้าพลันแข็งทื่อ เมื่อได้สติกลับมาริมฝีปากจึงขยับเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกมาว่า “องค์ชาย… ? ! ”

เขาคุกเข่าลงไปที่พื้น จากนั้นใบหน้าเหี่ยวย่นก็อาบไปด้วยน้ำตา

ฟู่เสี่ยวกวนรีบพยุงเขาขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “เหล่าเกิน ขอบคุณมาก ! ”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ…กระหม่อมมิลำบากเลยแม้แต่น้อย องค์ชาย องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ที่ชั้นหนึ่งของอู่เว้ยห้าวกำลังจะได้รับการตกแต่งแล้ว มัน เอ่อ มัน…องค์ชายเชิญทอดพระเนตรว่ามีจุดใดมิชอบหรือไม่ กระหม่อมจะได้รีบทำการแก้ไขพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“เหล่าเกิน มานั่งก่อนเถิด”

ฟู่เสี่ยวกวนพยุงแขนของถานเหล่าเกินมานั่งพักผ่อนในอู่ต่อเรือ เขาจ้องมองไปยังเรือลำมหึมาด้วยท่าทางดุดัน จากนั้นก็ยกยิ้มขึ้นและเอ่ยว่า “หากจะเอ่ยถึงเรื่องสร้างเรือ เจ้าต่างหากจึงจะเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง ในวันนี้ข้าเพียงเดินทางผ่านมาเลยแวะมาดูสักหน่อยว่ามีสิ่งใดลำบากบ้างหรือไม่ ? ทุกคนที่นี่กินดีอยู่ดีหรือไม่ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้สนทนาเรื่องของเรือแม้แต่น้อย เขาสนทนาเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันเท่านั้น

หยูเวิ่นเต้านั่งฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างตั้งใจ ราวกับเข้าใจถึงเหตุผลที่กระทำเช่นนี้ดี

ถานเหล่าเกินยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ขอบพระทัยองค์ชายที่เมตตา ใต้เท้าเยี่ยนดูแลพวกเราเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมและคนอื่น ๆ ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขและการที่กระหม่อมได้รับมอบหมายจากพระองค์ให้มาสร้างเรือลำนี้ก็นับว่าเป็นบุญของกระหม่อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”

เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “อีกอย่างหนึ่ง เรือลำนี้พระองค์ทรงออกแบบเอง หลังจากที่พวกกระหม่อมได้ดูกระดาษแผ่นนั้นแล้วล้วนตกตะลึงงันกันทั้งสิ้น…ความสามารถของพระองค์นั้น พวกกระหม่อมนับถือและยอมแพ้จากใจจริง เรือสามเสากระโดงเช่นนี้มิเคยมีมาก่อน มันย่อมนำมาซึ่งการพัฒนาด้านการต่อเรือไปอีกขั้น ดังนั้นการที่สามารถสร้างเรือลำนี้ขึ้นมาได้ ก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างหาที่สุดมิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“จากการทำงานในตอนนี้คาดว่าเรือจะได้ลงแม่น้ำเมื่อใด ? ”

“เดือนห้าของปีหน้าพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี… ! เช่นนั้นเดือนห้าของปีหน้า ข้าจะรอฟังข่าวดีจากพวกเจ้า ! ”

“กระหม่อมจะส่งข่าวดีไปให้องค์ชายอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ! ”

จากนั้นทั้งสองคนถึงได้เริ่มสนทนาเรื่องของเรือ ถานเหล่าเกินนำกระดาษแปลนเรือออกมาและชี้แจงให้ฟู่เสี่ยวกวนฟังอย่างละเอียด โดยหลักแล้วจะเอ่ยถึงด้านที่ควรปรับปรุงตามประสบการณ์ของตนเสียมากกว่า ฟู่เสี่ยวกวนฟังอย่างตั้งใจและพยักหน้าเพื่อแสดงความเห็นชอบออกมา

เรื่องของการสร้างเรือ เยี่ยงไรเสียฟู่เสี่ยวกวนก็มิใช่ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นจึงมิกล้าไปชี้แนะอันใดเขามากมายนัก เพียงแค่เสนอความต้องการออกมาสองประการ ซึ่งนั่นก็คือ

“ปืนใหญ่บนเรือทั้งสองข้างจะต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานเรื่องประสิทธิภาพ ยิ่งมากยิ่งดี ! ”

“อู่เว้ยห้าวเป็นเพียงเรือทดสอบ พวกเจ้าต้องสั่งสมประสบการณ์ให้มาก เมื่อสร้างเรือรบลำที่สองขึ้นมา พวกเราจะใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลัก โครงสร้างเรือต้องถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น…เรื่องของความมั่นคงเเละความเร็ว พวกเจ้าต้องทำการทดลองเอาไว้ล่วงหน้า…”

……

……

กระทั่งช่วงท้ายของยามเซิน ท้องนภาเริ่มมืดครึ้ม ฟู่เสี่ยวกวนและคณะจึงเดินทางออกมาจากอู่ต่อเรือและกลับไปยังเขตเหยาอีกครา

แน่นอนว่าเยี่ยนซีเหวินจัดให้พวกเขาพำนักในโรงเตี๊ยมดีที่สุดในเขตเหยา และนับว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับฟู่เสี่ยวกวนกับหยูเวิ่นเต้าอย่างเป็นทางการ

ในห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม หยูเวิ่นเต้าเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เรือรบยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ นำมาใช้ในแม่น้ำแยงซีจะไร้ประโยชน์เกินไปหรือไม่ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนฉีกยิ้มกว้าง “นี่คือพื้นฐานในการสร้างเท่านั้น…เจ้าลองคิดดูเถิดว่าหากเรือรบนี้ถูกสร้างขึ้นมาจริง ๆ เช่นนั้นเรือของชาวบ้านและเรือที่ใช้ในด้านการค้าก็จะสามารถพัฒนาขึ้นมาได้อีก อู่เว้ยห้าวเป็นเพียงการรวบรวมวิธีสร้างเรือใหม่ ๆ ขึ้นมาก็เท่านั้น”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้อธิบายวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการสร้างเรือขึ้นมาว่า… เพื่อสร้างกองทัพเรืออันยิ่งใหญ่เพื่อออกสู่ทะเลอันไกลโพ้น เนื่องจากถ้าเอ่ยออกไปคาดว่าคงมิมีผู้ใดเชื่อ

หยูเวิ่นเต้าครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “หลังจากที่เจ้ากลับไปยังราชวงศ์อู๋แล้ว สองราชวงศ์ของเราห่างกันเพียงแม่น้ำกั้น หากเรือนี้มีความเร็วมากกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถบรรจุของได้มากกว่าเดิม คาดว่าจะเกิดประโยชน์แก่ราชวงศ์ทั้งสองอย่างล้นหลามเป็นแน่”

“อืม… เจ้าเอ่ยได้ถูกต้องแล้ว ดังนั้นราชวงศ์อู๋กำลังจะก่อตั้งขนส่งทางเรือระดับแคว้นขึ้นเป็นแห่งแรก เมื่อกลับไปยังเมืองจินหลิงเจ้าเองก็ลองทูลกับฝ่าบาทหรืออาจจะส่งคนมาศึกษาดูงานก็ย่อมได้… แม้คนงานที่นี่จะเป็นคนของราชวงศ์อู๋ แต่ข้ายังมิเดินทางไปจากราชวงศ์หยูตอนนี้หรอก”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ตั้งใจเก็บเรื่องเรือสามเสากระโดงลำแรกไว้เป็นความลับ เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้เป็นเพียงเรือทดลองและโครงสร้างยังเป็นไม้และเหล็กผสมกัน อีกทั้งสัดส่วนของเหล็กก็น้อยมากอีกด้วย

เรือเช่นนี้หากนำไปรบกลางทะเลก็คงทนแรงกระสุนได้มิถึง 2 กระบอกเป็นแน่ ส่วนก้าวต่อไปเขาต้องการสร้างเรือที่มีเหล็กห่อหุ้มเอาไว้ แล้วอีกก้าวต่อ ๆ ไป…ก็ต้องดูว่าที่เมืองกวนหยุนสามารถพัฒนาเครื่องจักรไอน้ำได้ดีเพียงใด

หยูเวิ่นเต้ารินสุราให้แก่ฟู่เสี่ยวกวนหนึ่งจอก “เอาล่ะ จากที่เจ้าเอ่ยมานี้ พวกเรามาดื่มกันสักจอก ! ”

เมื่อสุราไหลลงสู่กระเพาะ เยี่ยนซีเหวินก็มิปล่อยฟู่เสี่ยวกวนไปโดยง่าย เขามิกลัวการดื่มสุรา แต่กลัวว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเมาไปเสียก่อน

เขาเอ่ยถามถึงเรื่องแผนการในว่อเฟิงเต้า อีกทั้งเรื่องหุ้นของธนาคารซื่อทงเพราะรู้สึกเป็นกังวลเรื่องนี้ขึ้นมาเล็กน้อย

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ปิดบังข้อมูล ดังนั้นเขาจึงเล่าแผนงานในว่อเฟิงเต้าออกมา แต่มิได้อธิบายเรื่องความเสี่ยงของหุ้นแต่อย่างใด

เนื่องจากเมื่อคราที่เขาเขียนจดหมายไปหาเยียนหานยวี่องค์ชายหกแห่งแคว้นอี๋ เขาได้อธิบายถึงวิธีการขายหุ้น และยังเอ่ยว่ามันจะส่งผลดีต่อเยียนหานยวี่เป็นอย่างมากอีกด้วย !

เมื่อเยียนหานยวี่ถูกเยียนเหลียงเจ๋อส่งตัวไปยังเขตฉางทานที่ยากไร้ เจ้าหมอนี่ก็เอาแต่คิดเรื่องเงินจนแทบคลั่งและได้ส่งเว่ยซวี่มายังเมืองจินหลิงเพื่อซื้อหุ้นไว้จำนวน 1 ล้านหุ้น

ดังนั้นเขาจึงเขียนจดหมายให้แก่เยียนหานยวี่ เนื้อหาในจดหมายกล่าวประมาณว่า สนับสนุนให้เยียนหานยวี่ก่อตั้งธนาคารขึ้นมาที่เขตฉางทานและให้จัดทำหุ้นขึ้นมา

เรื่องนี้เขาให้สายลับในแคว้นอี๋ปล่อยข่าวออกไป ดังนั้นเยียนเหลียงเจ๋อจึงรับรู้ข้อความในจดหมายนั้นด้วย

เยียนเหลียงเจ๋อรู้ดีถึงการพัฒนาของว่อเฟิงเต้าในปัจจุบัน เมื่อการพัฒนาไปได้สวยเช่นนี้จึงบังเกิดความอิจฉาขึ้นมา และแน่นอนเขาคิดว่าการที่ว่อเฟิงเต้าพัฒนาได้ย่อมเป็นเพราะหุ้นคือพื้นฐานหลัก เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้ได้เงินรวดเร็วอีกทั้งยังดูเหมือนมิมีความเสี่ยงใด ๆ อีกด้วย ดังนั้นเขาจึงตั้งใจศึกษาทำตาม

เยียนเหลียงเจ๋อยากจนมากยิ่งนัก เขาย่อมมิมีเวลามากพอที่จะไปค้นคว้าหาความรู้

เป็นไปได้ว่าเขาจะเสี่ยงทำตามแผนนี้ ต่อให้ยังมิมีความพร้อม แต่ทว่าฟู่เสี่ยวกวนก็จะบีบบังคับให้จงได้ !

จะต้องเพิ่มความวุ่นวายด้านเศรษฐกิจให้แก่แคว้นอี๋

จนกระทั่ง…ล่มสลาย !

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นหนึ่งในสงครามอันยิ่งใหญ่ที่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว !