ตอนที่ 2734 โลกใหม่เริ่มขึ้น

จักรวรรดิไต้ฝุ่น เมืองไต้ฝุ่น :

แสงแดดยามเช้าได้สาดส่องลงมายังสถานที่พักกิลของศาลาลับ อย่างไรก็ตามมันไม่มีใครในสถานที่พักกิลที่อยู่ในอารมณ์ที่จะเพลิดเพลินไปกับแสงแดดยามเช้านี้ ในขณะที่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองหกตำแหน่งพึ่งจะจบลง เหล่ารุ่นเยาว์และขุมพลังจำนวนมากซึ่งได้เปิดเผยตัวเองออกมาในระหว่างการแข่งขันนี้ก็ได้ตกเป็นเป้าหมายของศาลาลับ และในการจะคัดแยกข้อมูล ขายข้อมูล รวมไปถึงจัดอันดับรายชื่อผู้เชี่ยวชาญของ God domain สำหรับศาลาลับครั้งต่อไปนั้น มันจึงกลายเป็นงานที่ลำบากและยุ่งยากมากขึ้นมาก

สมาชิกของศาลาลับทุกคนในสถานที่พักกิลของศาลาลับในเมืองไต้ฝุ่น ต่างก็รีบส่งข้อมูลไปยังสาขาอื่น หรือจัดระเบียบข้อมูลที่ได้รับมาจากสาขาอื่น และทุกคนก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาจะมาให้กระทำสิ่งอื่นเลย

“ลุงหยวน ความแข็งแกร่งที่สภาสิบแปดปีกแสดงออกมาในครั้งนี้มันน่าอัศจรรย์มากๆ หนึ่งจักรพรรดิดาบขั้นสี่ และหนึ่งผู้ที่คาดว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ที่มีสกิลทำลายล้างแบบ AOE ขนาดใหญ่ …. แถมตอนนี้สภาสิบแปดปีกยังเป็นกิลที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงคราม ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆจะต้องเริ่มหวาดกลัวสภาสิบแปดปีกขึ้นมาบ้างแน่นอน” เพอเพิ้ลเจดอุทาน ขณะที่เธออ่านรายงานเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกในมือของเธอ

สภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่พวกเขาเฝ้าดูการเติบโตขึ้นมาตั้งแต่แรกจนมาถึงสถานะปัจจุบันเลยก็ว่าได้

ในตอนแรกสภาสิบแปดปีกเป็นกิลขนาดเล็กที่ไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นกิลชั้นสามได้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามกิลก็ค่อยๆเติบโตกลายเป็นกิลขนาดใหญ่ที่สามารถท้าทายได้แม้กระทั่งกิลชั้นสูง และหลังจากผ่านการต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่า ในตอนนี้กิลก็ได้ขึ้นมายืนอยู่บนเวทีนานาชาติของ God domain แล้ว โดยกิลสามารถจะช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับตำแหน่งสำรองตำแหน่งที่หกไปได้ ซึ่งนี่มันทำให้มหาอำนาจต่างๆตกตะลึงมากๆ

เมื่อมาถึงจุดนี้แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังจะต้องยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่ควรระวัง
สิ่งเดียวที่สภาสิบแปดปีกขาดไปในตอนนี้คือรากฐานที่แข็งแกร่งเพียงพอ กิลไม่ได้มีกำลังพลและอาณาเขตมากเท่ากับมหาอำนาจ “แม้ว่าที่คุณพูดมามันจะถูก แต่คุณก็ไม่ควรลืมนะว่าสภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่พึ่งพาคนแค่ไม่กี่คนในการมาถึงตรงนี้ ซึ่งกิลกำลังเดินไต่อยู่บนเชือกเส้นเดียว และความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจนำไปสู่หายนะได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่กิลกลายเป็นจุดสนใจของมหาอำนาจต่างๆใน God domain แล้ว” หยวนเทียนซินพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพลางส่ายหัว “เควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นมันมีความท้าทายมากๆ เธอก็น่าจะรู้เรื่องนี้นะ กระนั้นสภาสิบแปดปีกกับมีผู้เล่นสองคนที่สามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นาว่ามันหมายถึงอะไร ?”

“ลุงหยวน … ลุงหมายถึงสภาสิบแปดปีกมีวิธีการที่จะช่วยให้ผู้เล่นทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้เสร็จสิ้นอย่างง่ายดายงั้นหรอ ?” เพอเพิ้ลเจดตกใจเล็กน้อย

จากการรวบรวมข้อมูลของศาลาลับ ส่วนที่ยากที่สุดในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จก็คือ การค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ และแม้แต่ศาลาลับก็ยังไม่พบดินแดนมรดกขั้นสี่เลยแม้แต่แห่งเดียว

หากสภาสิบแปดปีกพบวิธีที่จะสามารถใช้ค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ได้ นี่มันจะนับเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ !!!

“นี่มันเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เรายังไม่ได้มีหลักฐานใดๆในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้จริงๆต่ำมาก เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าจะพูดยังไง God domain ก็จัดว่าเป็นเกมที่ค่อนข้างยุติธรรม ถ้าดินแดนมรดกขั้นสี่สามารถค้นหาได้อย่างง่ายดาย ขั้นสี่จะไม่นับว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่แท้จริงใน God domain แน่นอน” หยวนเทียนซินกล่าวพลางส่ายหัว “ถึงกระนั้นความเป็นไปได้นี้ก็ถือเป็นแรงดึงดูดที่ร้ายแรงมากๆสำหรับมหาอำนาจต่างๆ จากข้อมูลที่เราได้รับมาตอนนี้ มันมีมหาอำนาจมากกว่าสิบกลุ่มที่เตรียมจะกดดันและปราบปรามสภาสิบแปดปีก นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกยังมีศัตรูมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทีมนักผจญภัยวอร์บลัดบนเกาะดราก้อนฮาร์ท มหาอำนาจจำนวนมากในโลกแห่งความมืด สตาร์ลิ้งในจักรวรรดิรัตติกาล และมือแห่งนักบุญในฐานที่มั่นหลักของพวกเขาอย่างอาณาจักรสตาร์มูนอีก”

“โดยเฉพาะสตาร์ลิ้งซึ่งเป็นศัตรูเก่าของสภาสิบแปดปีกที่ได้เริ่มปฎิบัติการลับจำนวนหนึ่งแล้วเมื่อไม่นานมานี้ และดูจากรูปการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าสตาร์ลิ้งจะวางแผนที่จะทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่มากๆ และหากมหาอำนาจเหล่านี้ผนึกกำลังกัน แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีจักรพรรดิดาบ กับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่คอยปกป้องดินแดนของตน แต่กิลก็จะยังคงมีปัญหาในการเอาชีวิตรอดแน่นอน”

ใบหน้าของเพอเพิ้ลเจดแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของหยวนเทียนซิน

ที่หยวนเทียนซินพูดมานั้นถูกทั้งหมดเลย ขณะที่สภาสิบแปดปีก กิลที่ต้องรับมือกับเรื่องนี้ก็เป็นเพียงกิลกึ่งมหาอำนาจเท่านั้นยังไม่ใช่มหาอำนาจที่แท้จริง และพูดกันตามตรงหากทุกเรื่องเป็นไปตามที่หยวนเทียนซินพูดมา แล้วสภาสิบแปดปีกยังสามารถจะรอดไปได้ มันก็จะนับว่าเป็นปาฎิหาริย์อย่างมากเลย

แน่นอนว่าซือเฟิง และพวกผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกอาจไม่กลัวมหาอำนาจต่างๆในฐานะปัจเจกบุคคล แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปสำหรับสมาชิกกิลจำนวนมากของพวกเขา ซึ่งหากมหาอำนาจต่างๆพุ่งเป้ามาที่สมาชิกกิลจำนวนมากของพวกเขา และสภาสิบไม่สามารถหาทางรับมือได้อย่างเหมาะสม มันก็จะกลายเป็นฝันร้ายของพวกเขาแน่นอน

“นี่มันแค่สถานการณ์ในทวีปด้านตะวันออกนะ ยังไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ในทวีปด้านตะวันตกที่สภาสิบแปดปีกก็ไม่ได้มีความปลอดภัยมากนักเช่นกัน ฉันได้ยินมาว่ามหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกหลายกลุ่มเริ่มกลับมาแสดงความสนใจป้อมปราการแสงดาวแล้ว” หยวนเทียนซินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้เห็นใบหน้าของเพอเพิ้ลเจด “แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สภาสิบแปดปีกก็เดินไต่อยู่บนเส้นเชือกมาตลอดอยู่แล้วนี่นา …. สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปสำหรับกิลๆนี้มันจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้ากิลของพวกเขาอย่างแบล๊คเฟรม”

“ถ้าแบล๊คเฟรมตัดสินใจผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว สภาสิบแปดปีกจะถึงจุดจบแน่นอน !!!”

เมื่อหยวนเทียนซินพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารสภาสิบแปดปีกอยู่บ้าง เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเรื่องนี้มันมีไมโทโลจี้อยู่เบื้องหลังแน่นอน ไม่งั้นมันจะไม่มีมหาอำนาจจำนวนมากขนาดนี้ที่คิดจะดำเนินการกับสภาสิบแปดปีก ไมโทโลจี้นั้นเป็นตัวตนที่น่ากลัวทั้งในโลกแห่งเกมและความจริง ซึ่งไมโทโลจี้ก็เป็นตัวตนที่แม้แต่ศาลาลับก็ยังต้องหวาดกลัว

ขณะที่หยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดกำลังพูดคุยกัน เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังมาจากด้านนอกประตูออฟฟิศ

ช่วงเวลาต่อมา แรนเจอร์เลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ ขั้นสาม ก็รีบเดินเข้ามาในออฟฟิศ ซึ่งมันทำให้หยวนเทียนซินขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นท่าทีตื่นตระหนกของแรนเจอร์ผู้นี้ “มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมคุณต้องเร่งรีบขนาดนี้ ?” หยวนเทียนซินถามด้วยน้ำเสียงต่ำ

“มันไม่ดีเลยผู้อาวุโสหยวน !!! มีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น !!!” แรนเจอร์ขั้นสามรายงานอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก “เมื่อไม่นานมานี้ สาขาต่างๆได้แจ้งมาว่าพบ NPC จำนวนมากปรากฎตัวขึ้นบนท้องถนนในเมืองต่างๆ !!!”

“มี NPC จำนวนมากปรากฎตัวขึ้นแล้วยังไงล่ะ ? มันมีอะไรน่าประหลาดใจกัน ?” หยวนเทียนซินตอบโต้อย่างไม่ไยดี

ใน God domain เมืองที่ถูกพัฒนาขึ้นก็จะมีจำนวน NPC เข้ามาเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว นี่มันนับเป็นเหตุการณ์ปกติ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นและ NPC ยังได้อาศัยอยู่ในสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และปฎิสัมพันธ์กันระหว่างทั้งสองฝ่ายมันก็มีน้อยมากๆ

“แต่จำนวนที่เพิ่มขึ้นที่ฉันหมายถึงคือมันมากเกินไป มากแบบมากมายมหาศาลเลย” แรนเจอร์ขั้นสามกล่าวยืนยันอย่างกังวล

“จำนวนเท่าไหร่กัน ?” หยวนเทียนซินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มขึ้น เมื่อเห็นท่าทีของแรนเจอร์

“มันไม่สามารถนับได้เลย และฉันก็คิดว่าคุณควรไปดูด้วยตัวเอง ผู้อาวุโสหยวน เรื่องนี้มันทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้เล่นในเมืองเลย !!!” แรนเจอร์ขั้นสามกล่าว พลางชี้ไปที่หน้าต่างใกล้ๆ ….

“โกลาหล ?” หยวนเทียนซินอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสงสัยมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกว่าแรนเจอร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้โกหก ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างทันที

เมื่อได้มองผ่านหน้าต่างออกไป ดวงตาของหยวนเทียนซินก็แข็งค้างด้วยความตกตะลึง

“ลุงหยวน ?”

เพอเพิ้ลเจดนั้นเต็มไปด้วยความงงงวยมากเช่นกัน เมื่อเห็นท่าทีล่าสุดของหยวนเทียนซิน จากนั้นเธอก็ได้รีบเดินไปที่หน้าต่างเพื่อดูเช่นกัน

NPC นั้นได้มารวมตัวกันเป็นจำนวนมากที่ถนนสายหลักนอกสถานที่พักกิล โดยพวกเขาบางคนก็จับกลุ่มและพูดคุยหัวเราะกัน และแม้แต่ผู้ที่มีเลเวลต่ำที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยเก้าสิบสี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นโดยเฉลี่ยแล้วนักผจญภัย NPC เหล่านี้ยังอยู่ในขั้นสาม และแม้แต่พวกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่ในขั้นสอง และนอกเหนือจากจะมีจำนวนนักผจญภัย NPC เหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว จำนวนพลเรือน NPC บนถนนก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน เพอเพิ้ลเจดยังสามารถสังเกตเห็นเด็กๆที่เป็น NPC วิ่งเล่นไปมา และต่อสู้กันด้วยดาบไม้ได้อย่างชัดเจน โดย NPC เหล่านี้คิดเป็นแปดสิบเปอเซ็นต์ของผู้ที่อยู่บนถนนสายหลักเลย