“โอเคใช่ไหมครับพี่”

 

 

ชองอูยื่นโกโก้อุ่นๆ ให้พร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่คนทำงานด้วยกันมานานอย่างเขาสามารถอ่านความเหนื่อยล้าและความเครียดจากใบหน้าของเธอได้

 

 

“อืม นายเข้าไปก่อน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวเรียก”

 

 

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนวดไหล่ให้”

 

 

ยูมินไม่ปฏิเสธและรวบเส้นผมยาวมาข้างหน้าเพื่อให้ชองอูนวดได้สะดวก รู้สึกถึงฝ่ามือช่วยผ่อนคลายไหล่และคอที่ตึงจนเป็นก้อน เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนและจับมือที่กดบริเวณหลังคอให้เลื่อนขึ้นมาข้างหน้าเล็กน้อย

 

 

“ตรงนี้ นอนหลับๆ ตื่นๆ จนเมื่อยเลย”

 

 

“แต่ตอนนอนที่บ้านผมก็หลับสบายนี่นา”

 

 

เสียงที่ไม่ควรจะมานวดไหล่อยู่ในตอนนี้ ทำให้ยูมินลืมตาโพลงพร้อมสะบัดมือทิ้ง แต่ตอนที่อึยชานพูดถึงเรื่องบ้าน ทีมงานคนหนึ่งที่กำลังถ่ายรูปสถานที่ถ่ายทำอยู่ก็เก็บภาพของทั้งสองคนไว้เสียแล้ว

 

 

“ต้องทำเป็นรักกันนะครับ”

 

 

ร่างสูงโน้มตัวลงมากระซิบข้างหู พอเธอตั้งสติได้และหันมองรอบๆ จึงเห็นว่าทุกคนกำลังจับจ้องมาทางนี้ทำให้ยูมินเลี่ยงไม่ได้

 

 

“ตะ ตกใจหมดเลยคุณอึยชาน”

 

 

เกิดการกระตุกจนมุมปากยกขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ไหนว่าแสดงละครเก่งไง อึยชานพยายามไม่หัวเราะออกมาและเริ่มนวดไหล่คนตรงหน้าอีกครั้ง

 

 

“ฉันโอเคแล้วค่ะ โอเคแล้ว คุณอึยชานก็คงจะเหนื่อยเหมือนกัน”

 

 

“ความเหนื่อยของคุณยูมินต้องมาก่อนสิครับ”

 

 

เขาว่าพลางใช้ฝ่ามือเลือกนวดแต่ตรงที่ตึง ซึ่งมันสบายจนน่าเคืองใจ แม้ยูมินจะรู้สึกตะขิดตะขวง แต่ระหว่างฝากร่างกายไว้กับความสบาย พวกเขาก็โดนถ่ายรูปเพิ่มอีกสองสามรูป ภาพเบื้องหลังกองถ่ายละคร ตัวเอกของข่าวเดทอันละมุนละไม คงจะไม่พ้นอัพโหลดพร้อมหัวข้ออะไรแบบนี้แน่นอน

 

 

“ฉันโอเคแล้วจริงๆ คุณอึยชานพักเถอะ”

 

 

เมื่อยูมินพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยโทนเสียงที่ฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ อึยชานจึงหัวเราะเบาๆ

 

 

“ผมก็ปวดไหล่เหมือนกัน ช่วยนวดให้หน่อยได้ไหม”

 

 

“คะ? ไม่ได้… ได้ยังไงกัน ต้องได้อยู่แล้วสิคะ”

 

 

แม้จะฟังดูเหมือนกัดฟันพูด แต่แล้วไงล่ะ อึยชานยังคงอมยิ้มเหมือนเดิม ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีไออุ่นของยูมินอยู่อย่างสบายๆ แชะ เสียงชัตเตอร์กล้องดังขึ้นอีกครั้ง

 

 

“อึก”

 

 

“สบายใช่ไหมคุณอึยชาน”

 

 

“ครับ นวดได้…สบายมากเลยครับ”

 

 

ทุกครั้งที่ยูมินออกแรงกด กล้ามเนื้อตรงส่วนนั้นก็จะส่งเสียงลั่นขึ้นมา เขารับรู้ได้ถึงสายตาจากรอบข้างจึงพยายามทำเป็นไม่มีอะไร แต่คางสั่นงกๆ อัตโนมัตินั้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคนช่วยอึยชานที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดไว้ก็คือคนที่เขาไม่ชอบที่สุดอข่างชองอู

 

 

“พี่ ทำอย่างนั้นเดี๋ยวคุณอีอึยชานก็ตายกันพอดีครับ”

 

 

ไม่ควรจะทำตัวอวดเก่งตรงนี้ แต่อึยชานก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามควบคุมสีหน้าพร้อมกับจับมือยูมินที่กำลังจะเอาออกจากไหล่ไว้

 

 

“ไม่เป็นไร นวดต่อเถอะครับ”

 

 

อวดดีจริงๆ ยูมินหัวเราะในใจพร้อมเพิ่มแรงขึ้นอีกหน่อยและนวดไหล่กับหลังคอ โดยไม่สนใจเลยว่ากล้ามเนื้อยืดหยุ่นจะเกร็งด้วยความตึงเครียด การกระทำนั้นส่งผลให้ข่าวเลิกกันของยูมินกับอึยชานกลายเป็นข่าวโคมลอย ถูกเปลี่ยนเป็นข่าวที่ว่าแค่ทะเลาะกันแป๊บเดียวเท่านั้น

 

 

“คุณอึยชาน สแตนด์บายครับ!”

 

 

“ครับ”

 

 

ไม่เคยรู้สึกดีใจกับคำว่าสแตนด์บายเท่านี้มาก่อน อึยชานลุกขึ้นและหายตัวไปก่อนโคดี้จะมาจัดเสื้อผ้าให้ ส่วนยูมินก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ชองอูเฝ้าสังเกตทั้งสองคนมาตั้งแต่เมื่อสักครู่ย่อตัวนั่งลงข้างๆ พร้อมกับแหงนหน้ามองยูมิน

 

 

“พี่”

 

 

“ทำไม”

 

 

“ทำไมถึงเกลียดคุณอึยชานขนาดนั้นล่ะครับ”

 

 

“เขาทำมอเตอร์ไซค์ฉันพังยังไงล่ะ”

 

 

“จริงๆ แล้วความประมาทเป็นสามต่อเจ็ดนะครับ และตอนที่บอกให้ซื้อ เขาก็ยินดีซื้อให้อย่างเต็มใจ ค่าซ่อมก็ให้ แถมยังให้บัตรเครดิตอีก”

 

 

เขาพูดถูก ทำไมฉันถึงเกลียดอีอึยชานขนาดนั้นกันนะ เพราะทำให้มอเตอร์ไซค์เกิดอุบัติเหตุ เพราะมองแล้วยิ้มแปลกๆ ไม่ว่าจะนึกย้อนเท่าไหร่ก็คิดหาสาเหตุที่ใช้ไม่เจอสักอัน ยูมินยอมแพ้ในการหาเหตุผลและมองดูอึยชานมุ่งมั่นอยู่กับการแสดงสักพักหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับพูดพึมพำ

 

 

“รำคาญเหรอ”

 

 

“ครับ?”

 

 

“ไม่มีอะไร ไปเอาน้ำมาหน่อยสิ”

 

 

ไม่ได้เกลียด เพราะเธอไม่ได้นิสัยดีจนถึงขั้นสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนที่ตัวเองเกลียดได้

 

 

รำคาญ อยากแกล้ง อยากตี แต่ทำไมกันนะ ตั้งแต่เกิดมายูมินไม่เคยแกล้งใครหรือไม่ก็มีความคิดอยากแกล้งใครสักครั้งเลย แต่เมื่อกี้นี้ที่กดไหล่อึยชานจนช้ำก็เพราะอยากแกล้งเขาไม่ผิดแน่

 

 

“พี่ น้ำครับ”

 

 

ขวดน้ำที่โผล่พรวดมาพร้อมกับเสียงของชองอูทำให้คำว่า ‘ทำไม’ ที่โผล่ขึ้นมานับไม่ถ้วนปลิวหายไปสักพักหนึ่ง

 

 

“อืม”

 

 

ยูมินรับน้ำมาดื่มแล้ววางลง จากนั้นจึงหาวออกมาเบาๆ เหนื่อยจริงๆ เลย ไม่ว่าจะเปิดบทดูเท่าไหร่ก็มองตัวหนังสือไม่ค่อยชัดอยู่ดี

 

 

แสงแดดอบอุ่นค่อยๆ ละลายอากาศเย็นในฤดูใบไม้ร่วงทีละนิด แม้กระทั่งเสียงดังวุ่นวายรอบๆ ก็ยังเลือนราง ผ้าห่มที่ชองอูคลุมให้ก็นุ่มมากเสียจนรู้สึกเหมือนอยู่บนเตียง ดวงตาสูญเสียพลังจึงค่อยๆ หลุบลงด้านล่างทีละนิดแล้วปิดลง

 

 

“ต้องการอะไรจากข้า แล้วเจ้าให้อะไรข้าได้บ้าง”

 

 

ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนะ เสียงที่คุ้นหูดังเข้ามาถึงในความฝันราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องต่อบทต่อไป

 

 

หากหม่อมฉันแพ้ข้าจะให้พระองค์สั่งตามยามจำเป็นต้องใช้หม่อมฉันได้หนึ่งอย่างเพคะ

 

 

ถึงจะรู้ แต่บทพูดนั้นกลับไม่ออกมาราวกับติดอยู่ในหน้าอก

 

 

สิ่งที่ยูมินเห็นเป็นอย่างแรกสุดหลังจากลืมตาขึ้นช้าๆ คือแสงแดดเส้นบางๆ มือของใครบางคนกำลังบังแดดส่องมาให้อยู่ และสิ่งที่กำลังนอนพิงอยู่แทนหมอนก็ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของมือนั้น

 

 

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นจะเป็นอะไรได้ยามข้าจำเป็น”

 

 

เกิดการสั่นไหวเบาๆ ขึ้นที่ข้างหู อึยชานใช้มือข้างหนึ่งบังแสงแดดที่แยงใบหน้าของเธอ และใช้มืออีกข้างพลิกบทละครพร้อมกับอ่านบทต่อไปเหมือนกับไม่รู้ว่ายูมินตื่นแล้ว

 

 

คงจะเจ็บไหล่น่าดู แต่เสียงดีจัง สองความคิดขัดแย้งวนเวียนไปพร้อมๆ กัน แต่แล้วเปลือกตาก็ลดลงมาอย่างหนักอึ้งอีกครั้ง

 

 

 

 

“คุณยูมิน”

 

 

วันนี้อึยชานก็ไม่พลาดที่จะมารออยู่หน้าห้องแต่งตัวและเข้ามาขวางข้างหน้า หลังจากได้รับสายตาที่เมื่อก่อนเห็นแล้วเป็นต้องสะดุ้งหลายครั้งจึงเริ่มคุ้นชินมากขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะท่องบทพูดที่ซ้อมมาหลายรอบอย่างใจเย็น

 

 

“กลับด้วยกันไหมครับ หรือไม่ก็ทานข้าวเย็นด้วยกันไหมครับ”

 

 

“ฉันจะกลับคนเดียวและกินข้าวคนเดียวค่ะ ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะคะ”

 

 

ฝุ่นดินแห้งๆ หมุนวนหนึ่งรอบตรงที่ยูมินตอบอย่างเด็ดขาดแล้วเดินหายไป อึยชานเหลือบสายตาอันเย็นชาไปทางด้านหลังเล็กน้อย ซึ่งตรงนั้นมีจาฮอนที่เตรียมตัวหนีกำลังยืนยิ้มอยู่อย่างอึดอัดใจ

 

 

“ไหนบอกว่าเลือกแน่ๆ ไง”

 

 

“แปลกจัง ปกติต้องเลือกนะ”

 

 

วันต่อมา สัปดาห์ต่อมาและอีกสัปดาห์ต่อมา อึยชานก็ยังคงไปหาอย่างไม่ย้อท่อและถูกทิ้งกลับมา จนจาฮอนซึ่งคอยดูอยู่ถึงกับต้องตบมือให้ ข่าวเลิกกันที่ค่อยๆ หายไปสักพักก็เริ่มกลับมาใหม่อีก รวมไปถึงข่าวลือที่ว่าอึยชานกำลังพยายามรั้งยูมินที่บอกเลิกไว้อีกด้วย

 

 

เธอมีเสน่ห์อะไรกัน อีอึยชานคนดังถึงจะหลงหัวปักหัวปำถึงขนาดนั้น ตอนนี้สายตาของผู้คนมากมายต่างเต็มไปด้วยความสนอกสนใจและคอยจับตาดูพวกเขาแทนที่จะรู้สึกหมั่นไส้

 

 

“คุณยูมิน”

 

 

ยูมินขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากลงมาจากรถตู้ อึยชานมักจะมารออยู่หน้าห้องแต่งตัวก่อนเลิกงานเสมอ แต่ในวันนี้เขากลับมารอที่ลานจอดรถตั้งแต่เริ่มงาน

 

 

“คะ?”

 

 

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ครับ”

 

 

“ฉันนอนเร็วน่ะค่ะ”

 

 

“เลิกงานไปแค่สิบนาที”

 

 

ยูมินไม่ตอบอะไรอีกและเดินผ่านเขาไป กลิ่นแชมพูที่เคยใช้ที่บ้านอึยชานลอยไปตามลม

 

 

“สุดยอดไปเลยนะครับทั้งคู่”

 

 

ชองอูที่ถือของตามมาด้านหลังเอ่ยชมอย่างจริงใจ สุดยอดทั้งยูมินที่ไม่รับโทรศัพท์เลยสักสาย แต่อึยชานสุดยอดกว่าที่รุกใส่โดยยอมละทิ้งศักดิ์ศรีไป แน่นอนว่าถึงจะชมแบบนั้น แต่ก็ยังโดนชกเอวไปหนึ่งที

 

 

“ต้องไปสแตนด์บายแล้ว ไปหาอะไรมาให้ดื่มหลังจากเสร็จด้วย”

 

 

“ครับพี่”