ตอนที่ 140-1 ศึกใหญ่ระหว่างหานจื่อปะทะเฒ่าชั่วแซ่หลิว

จำนนรักชายาตัวร้าย

‘แต่ มันก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจแต่อย่างใด’ 

 

 

‘ปลาที่รอดชีวิตมาได้ในวันนั้นก็เผยตัวออกมาแล้วในวันนี้มิใช่หรือ! เหอะ ฆ่ามันเสียก็สิ้นเรื่อง! คราวก่อนเจ้าหนุ่มนี่มีโชคดีมีบิดาปกป้องเอาไว้ แต่ครั้งนี้มันจะไม่โชคดีเหมือนคราวที่แล้วแน่!’ 

 

 

หลิวอ๋าวหลานไม่เห็นหลิวเซิ้งอยู่ในสายตา 

 

 

‘แม้ว่าหลิวเซิ้งจะยังหนุ่มแน่น ทั้งสำเร็จถึงขั้นจักรพรรดิอาวุโส นับเป็นยอดคนจากบรรดาผู้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แล้วย่างไรเล่า?’ 

 

 

เพราะหลิวอ๋าวหลานเป็นถึงราชาอาวุโส 

 

 

แม้ว่าระดับขั้นจะห่างกันเพียงแค่ขั้นเดียว แต่กว่าที่จะสำเร็จขั้นจากระดับจักรพรรดิอาวุโสไปเป็นราชาอาวุโสได้ ต้องฝึกฝนหลายสิบปี มีผู้คนมากมายจนกระทั่งตายก็ยังหยุดอยู่เพียงแค่จักรพรรดิอาวุโสขั้นปลายเท่านั้นเอง 

 

 

ต่อให้หลิวเซิ้งเก่งกาจ แต่วันนี้ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเขาอยู่ดี 

 

 

อีกอย่าง เขาอายุยังน้อยก็สำเร็จถึงจักรพรรดิอาวุโสแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีพรสวรรค์ที่พิเศษกว่าคนทั่วไป วันหน้าเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากวันนี้ไม่กำจัดเสีย วันหน้าเจ้าหนุ่มนี่จะต้องกลายเป็นหนามยอกอกชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน 

 

 

“เจ้าหนุ่ม ฝีปากของเจ้าโอหังไม่เบา! เพียงแต่วันนี้ ข้ามาก็เพื่อคิดบัญชีกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น!” 

 

 

“เจ้ารีบไปเรียกมันออกมาเดี๋ยวนี้ หรือว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็นเต่าหดหัว จึงส่งพวกเจ้ามา หมายความว่าอย่างไรกัน?!” 

 

 

หลิวอ๋าวหลานไม่เพียงแต่ดูถูกหลิวเซิ้ง ทั้งยังไม่เห็นประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นอยู่ในสายตา แม้ว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจะกำจัดสกุลหนานกง ถูกผู้คนหยิบยกไปชื่นชมสรรเสริญในความเก่งกาจที่เป็นเลิศเหนือคนทั่วไปๆทั่ว แต่สำหรับหลิวอ๋าวหลานแล้ว มันต้องมีความลับที่มิอาจให้ใครรู้แอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน 

 

 

ไม่แน่นะว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้นี้ อาจจะใช้วิธีการต่ำช้าลอบโจมตีหนานกงซีรั่วก็เป็นได้! 

 

 

มิเช่นนั้น เด็กหนุ่มเมื่อวานซืนคนหนึ่งจะสามรถสังหารบรรพชนเฒ่าที่อายุมากกว่าสองร้อยได้อย่างไรกัน มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน! 

 

 

เพราะการตายของหลิวติง ทำให้หลิวอ๋าวหลานปักใจว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคือคนต่ำช้าน่าไม่อาย จึงไม่เคยนึกด้วยซ้ำว่าเขาจะสำเร็จถึงจอมเทพอาวุโสได้  

 

 

“น้ำหน้าอย่างเจ้า ก็คู่ควรให้นายท่านของข้าออกหน้าด้วยตัวเอง?” 

 

 

หลิวเซิ้งยิ้มเยาะ พัดหยกในมือคลี่ออก แล้วพุ่งเข้าโจมตีหลิวอ๋าวหลานทันที 

 

 

เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงมือ หลิวอ๋าวหลานจึงไม่เกรงใจไม่เกรงใจอีกต่อไป ฆ่าหลิวเซิ้งเสียก่อน ค่อยบีบให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นออกมาก็ยังไม่สาย 

 

 

“เจ้าในฐานะที่เป็นลูกหลานสกุลหลิว แต่กลับคำนับใครที่ไหนไม่รู้มาเป็นนายของตนเอง น่าขายหน้าจริงๆ!” 

 

 

เพียงแค่ได้ยินหลิวเซิ้งเรียกขานประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็น ‘นายท่าน’ หลิวอ๋าวหลานก็เริ่มพึมพำด่าทอขึ้นมา 

 

 

“โชคดีที่ข้าสังหารพ่อแม่ของเจ้าไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น มิฉะนั้นหากพวกเขารู้ว่าเจ้าไม่เอาไหนเช่นนี้ คงจะต้องโมโหเจ้าจนกระอักตายเป็นแน่! เจ้าควรจะขอบคุณข้าด้วยซ้ำไป!” 

 

 

เห็นว่าหลิวอ๋าวหลานยังคงไม่มีความละอาย หลิวเซิ้งก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คนทั้งสองเริ่มต่อสู้กันกลางอากาศ 

 

 

หลิวเซิ้งคือจักรพรรดิอาวุโส นั่นทำให้เสิ่นถูเลี่ยตกตะลึงไปไม่น้อย ข้างกายของซย่าโหวฉิงเทียนมีแต่เสือหมอบ มังกรซ่อน ซ่อนตัวเอาไว้ทั้งนั้นนี่นา! 

 

 

ด้านหนึ่งก็ตกตะลึงในขณะเดียวกันเสิ่นถูเลี่ยก็เสิ่นเป็นกังวลยิ่งนัก เพราะหลิวอ๋าวหลานคือราชาอาวุโส ซึ่งวรยุทธ์สูงกว่าหลิวเซิ้งมากนัก เมื่อแข็งมาเจอแข็ง จึงไม่แน่ว่าหลิวเซิ้งจะเอาชนะได้ 

 

 

ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนไม่ได้อยู่ในเมืองเฮ่อ ณ ขณะนี้ ส่วนบรรดาช่างก่อสร้างทั้งหลายต่างพากันกระจายตัวหลบหนี ไปซ่อนตัวอยู่บริเวณโดยรอบ 

 

 

มีเพียงหานจื่อเท่านั้นที่กระโจนออกไปยืนเคียงข้างเสิ่นถูเลี่ยพร้อมกับเงยหน้ามองฟ้า 

 

 

‘เสี่ยวหลิวหลิว หลอกพาตาเฒ่านั่นลงมาเร็วเข้า!’ 

 

 

‘ข้าจะกัดมันให้ตาย!’ 

 

 

หานจื่อรอคอยตั้งเป็นนาน ในที่สุดก็มีคนมาท้าทายถึงหน้าบ้าน แล้วจะไม่ให้มันฮึกเหิมได้อย่างไรกัน! 

 

 

ก่อนหน้านี้ซย่าโหวฉิงเทียนทิ้งมันไว้ที่เมืองเฮ่อ ทำให้มันอึดอัดยิ่งนัก วันนี้จะต้องขยับเขยื้อนออกกำลังให้มากสักหน่อย 

 

 

“เสี่ยวหลิวหลิว ลงมาเร็ว แล้วให้ข้าผู้เป็นของล้ำค่าแห่งเมืองนี้เจอกับเจ้าเฒ่านี้เสียหน่อย!” 

 

 

หลิวเซิ้งไม่ได้สนใจหานจื่อแต่อย่างใด ตอนนี้เข้าพุ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการต่อสู้กับหลิวอ๋าวหลาน ด้วยใจที่มุ่งมั่นจะแก้แค้นให้กับคนในครอบครัว 

 

 

“เจ้าหนุ่ม มีฝีมือไม่เลว!” 

 

 

ขณะที่หลิวอhาวหลานประมือกับหลิวเซิ้งนั้นทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย 

 

 

พรสวรรค์ของหลิวเซิ้งสามารถเทียบเคียงได้กับเสิ่นถูเลี่ยผู้ซึ่งได้รับสมญานามว่ายอดคนผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์อันดับหนึ่งของอู๋เลยโยวเลยทีเดียว 

 

 

หากว่าในตอนนั้นตนเองมิได้สังหารน้องชายและครอบครัวของเขาทั้งบ้าน หลิวเซิ้งก็คงจะได้เติบโตอยู่ในสกุลหลิว ด้วยพรสวรรค์ของเขา งานชุมนุมที่จื่อจิงในครั้งนี้ เขาจะต้องได้เป็นที่เชิดหน้าชูตา เป็นดาวดวงใหม่ที่นำความภาคภูมิใจมาสู่วงศ์ตระกูลอย่างแน่นอน 

 

 

น่าเสียดายเหลือเกิน! 

 

 

ความเสียใจในการกระทำของตนเองเกิดขึ้นเพียงวูบหนึ่งในใจของหลิวอ้าวหลานเท่านั้น หลังจากนั้น เขากลับรู้สึกว่าตนเองโชคดี 

 

 

เพราะหากว่าหลิวเซิ้งยังอยู่ในสกุลหลิว พร้อมกับพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ บรรพชนเฒ่าต้องเลือกเขาให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลรุ่นต่อไปอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นละก็ ตำแหน่งผู้นำตระกูลก็จะหลุดลอยไปจากมือหลานชายของเขาต่อหน้าต่อตานะสิ! 

 

 

ดังนั้นเขาถึงได้บอกว่า เรื่องราวทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ มีโทษย่อมต้องมีประโยชน์ 

 

 

ยิ่งคิดได้เช่นนั้น หลิวอ้าวหลานก็ยิ่งรู้สึกว่าจะต้องฆ่าหลิวเซิ้งให้จงได้ เขาจะไม่ให้หลิวเซิ้งกลับสู่สกุลหลิวเป็นอันขาด และจะไม่ให้เขาไปปราฎตัวต่อหน้าบรรพชนเฒ่าได้! 

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น หลิวอ๋าวหลานจึงใช้วิชาไม้ตายของตนเองทันที 

 

 

“หลิวเซิ้ง ระวัง” 

 

 

เสิ่นถูเลี่ยเพิ่งจะร้องเตือน บ่าซ้ายของหลิวเซิ้งก็ถูดาบแทงเข้าให้ ร่างของเขากวัดแกว่ง 

 

 

มองดูบ่าของหลิวเซิ้งที่อาบไปด้วยเลือด หลิวอ๋าวหลานก็แสยะยิ้มร้าย 

 

 

“เจ้านอกคอก ไปตายเสียเถอะ!” หลิวอ๋าวหลานกล่าวจบ ก็ชักกระบี่ในมือจ้วงแทงไปที่คอหอยของหลิวเซิ้งทันที 

 

 

ลำแสงจากกระบี่ของหลิวอ๋าวหลานเป็นสีกรมท่า มันสะท้อนแสงระยิบระยับ เห็นได้ชัดว่าอาบยาพิษเอาไว้บนกระบี่ 

 

 

หลิวเซิ้งเองก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของหลิวอ๋าวหลาน เดิมทีเขาคิดที่จะปิดบังตัวตนเอาไว้ต่อไป รอให้ถึงเวลาที่ตนเองแข็งแกร่งเพียงพอที่จะกลับคืนสู่สกุลหลิวเพื่อแก้แค้นอย่างสง่างามได้ ใครจะคาดคิดเล่าว่าหลิวอ๋าวหลานจะมาหาถึงที่ในเวลานี้ 

 

 

บัดนี้ บ่าซ้ายของเขาที่ถูกกระบี่ของหลิวอ๋าวหลานแทงเข้าให้นั้นเริ่มจะเจ็บปวดจนชามากขึ้นทีละน้อย พิษจะต้องกำลังเข้าสู่กระแสเลือดอย่างแน่นอน 

 

 

และเพราะว่าถูกพิษ ดวงตาของหลิวเซิ้งจึงเริ่มค่อยๆพร่าเลือน 

 

 

แต่ทว่า เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ! 

 

 

“พริ้งๆ!” พัดหยกในมือคืออาวุธของหลิวเซิ้ง วินาทีที่กระบี่ของหลิวอ้าวหลานจ้วงแทงเข้ามาอีกครั้งนั่นเอง หลิวเซิ้งก็ยื่นมือซ้ายออกไปจับกระบี่ของหลิวอ้าวหลานเอาไว้ด้วยมือเปล่า 

 

 

“ฉัวะ!” เลือดค่อยไหลออกมาจากช่องนิ้วมือของหลิวเซิ้ง 

 

 

หลิวอ้าวนึกไม่ถึงว่าหลิวเซิ้งจะใช้มือเปล่าจับกระบี่ของเขาเอาไว้ นี่ 

 

 

‘มันหมายความว่าอย่างไรกัน?’ 

 

 

วินาทีนั้นเอง หลิวเซิ้งก็ใช้คลี่พัดหยกด้วยมือขวาแล้วฟาดเข้าที่ใบหน้าของหลิวอ้าวหลานอย่างแรง 

 

 

“ฉึกๆๆ——”เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากพัดหยก เสียงนั้นคือเสียงของเข็มเงินที่มีขนาดเล็กราวกับหยาดฝนพุ่งเข้าสู่ใบหน้าของหลิวอ้าวหลานทันที 

 

 

“บัดซบ!” 

 

 

หลิวอ้าวหลานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาปล่อยมือจากหลิวเซิ้งทันที แล้วถอยร่นไปด้านหลัง 

 

 

“หลิวเซิ้ง!” เมื่อเห็นหลิวเซิ้งร่างกายซวนเซ เสิ่นถูเลี่ยจึงรีบก้าวเท้าไปด้านหน้า รับเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะล้มลงบนพื้น 

 

 

“กระบี่อาบยาพิษ!” ดวงตาทั้งสองข้างของหลิวเซิ้งมืดบอด เขารู้สึกได้ว่า พิษกำลังแล่นเข้าสู่ชีพจรของเขา 

 

 

“ฮ่าๆ!” หลิวเซิ้งในสภาพอ่อนแรงสะบักสะบอมปรากฏแก่สายตาหลิวอ้าวหลาน ทำให้เขาถึงเขาหัวเราะร่า 

 

 

“กระบี่ของข้าอาบพิษ ‘กวนอิมยิ้ม’ ของตัวขวาเอาไว้ วันนี้เจ้าถูกพิษ ‘กวนอิมยิ้ม’ เข้าไป ต่อให้เทวดามาอยู่ตรงหน้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!” 

 

 

“หลิวเซิ้ง หลิวเซิ้งเป็นอย่างไรบ้าง?” รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของหลิวเซิ้ง เสิ่นถูเลี่ยจึงรีบประคองหลิวเซิ้งไปนั่งพิงกำแพงเอาไว้ 

 

 

หากว่าอวี้เฟยเยียนอยู่ที่นี่ก็คงจะดี ทุกอย่างคงจะง่ายดาย