‘แต่ มันก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจแต่อย่างใด’
‘ปลาที่รอดชีวิตมาได้ในวันนั้นก็เผยตัวออกมาแล้วในวันนี้มิใช่หรือ! เหอะ ฆ่ามันเสียก็สิ้นเรื่อง! คราวก่อนเจ้าหนุ่มนี่มีโชคดีมีบิดาปกป้องเอาไว้ แต่ครั้งนี้มันจะไม่โชคดีเหมือนคราวที่แล้วแน่!’
หลิวอ๋าวหลานไม่เห็นหลิวเซิ้งอยู่ในสายตา
‘แม้ว่าหลิวเซิ้งจะยังหนุ่มแน่น ทั้งสำเร็จถึงขั้นจักรพรรดิอาวุโส นับเป็นยอดคนจากบรรดาผู้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แล้วย่างไรเล่า?’
เพราะหลิวอ๋าวหลานเป็นถึงราชาอาวุโส
แม้ว่าระดับขั้นจะห่างกันเพียงแค่ขั้นเดียว แต่กว่าที่จะสำเร็จขั้นจากระดับจักรพรรดิอาวุโสไปเป็นราชาอาวุโสได้ ต้องฝึกฝนหลายสิบปี มีผู้คนมากมายจนกระทั่งตายก็ยังหยุดอยู่เพียงแค่จักรพรรดิอาวุโสขั้นปลายเท่านั้นเอง
ต่อให้หลิวเซิ้งเก่งกาจ แต่วันนี้ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเขาอยู่ดี
อีกอย่าง เขาอายุยังน้อยก็สำเร็จถึงจักรพรรดิอาวุโสแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีพรสวรรค์ที่พิเศษกว่าคนทั่วไป วันหน้าเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากวันนี้ไม่กำจัดเสีย วันหน้าเจ้าหนุ่มนี่จะต้องกลายเป็นหนามยอกอกชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน
“เจ้าหนุ่ม ฝีปากของเจ้าโอหังไม่เบา! เพียงแต่วันนี้ ข้ามาก็เพื่อคิดบัญชีกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น!”
“เจ้ารีบไปเรียกมันออกมาเดี๋ยวนี้ หรือว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็นเต่าหดหัว จึงส่งพวกเจ้ามา หมายความว่าอย่างไรกัน?!”
หลิวอ๋าวหลานไม่เพียงแต่ดูถูกหลิวเซิ้ง ทั้งยังไม่เห็นประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นอยู่ในสายตา แม้ว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจะกำจัดสกุลหนานกง ถูกผู้คนหยิบยกไปชื่นชมสรรเสริญในความเก่งกาจที่เป็นเลิศเหนือคนทั่วไปๆทั่ว แต่สำหรับหลิวอ๋าวหลานแล้ว มันต้องมีความลับที่มิอาจให้ใครรู้แอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน
ไม่แน่นะว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้นี้ อาจจะใช้วิธีการต่ำช้าลอบโจมตีหนานกงซีรั่วก็เป็นได้!
มิเช่นนั้น เด็กหนุ่มเมื่อวานซืนคนหนึ่งจะสามรถสังหารบรรพชนเฒ่าที่อายุมากกว่าสองร้อยได้อย่างไรกัน มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน!
เพราะการตายของหลิวติง ทำให้หลิวอ๋าวหลานปักใจว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคือคนต่ำช้าน่าไม่อาย จึงไม่เคยนึกด้วยซ้ำว่าเขาจะสำเร็จถึงจอมเทพอาวุโสได้
“น้ำหน้าอย่างเจ้า ก็คู่ควรให้นายท่านของข้าออกหน้าด้วยตัวเอง?”
หลิวเซิ้งยิ้มเยาะ พัดหยกในมือคลี่ออก แล้วพุ่งเข้าโจมตีหลิวอ๋าวหลานทันที
เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงมือ หลิวอ๋าวหลานจึงไม่เกรงใจไม่เกรงใจอีกต่อไป ฆ่าหลิวเซิ้งเสียก่อน ค่อยบีบให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นออกมาก็ยังไม่สาย
“เจ้าในฐานะที่เป็นลูกหลานสกุลหลิว แต่กลับคำนับใครที่ไหนไม่รู้มาเป็นนายของตนเอง น่าขายหน้าจริงๆ!”
เพียงแค่ได้ยินหลิวเซิ้งเรียกขานประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็น ‘นายท่าน’ หลิวอ๋าวหลานก็เริ่มพึมพำด่าทอขึ้นมา
“โชคดีที่ข้าสังหารพ่อแม่ของเจ้าไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น มิฉะนั้นหากพวกเขารู้ว่าเจ้าไม่เอาไหนเช่นนี้ คงจะต้องโมโหเจ้าจนกระอักตายเป็นแน่! เจ้าควรจะขอบคุณข้าด้วยซ้ำไป!”
เห็นว่าหลิวอ๋าวหลานยังคงไม่มีความละอาย หลิวเซิ้งก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คนทั้งสองเริ่มต่อสู้กันกลางอากาศ
หลิวเซิ้งคือจักรพรรดิอาวุโส นั่นทำให้เสิ่นถูเลี่ยตกตะลึงไปไม่น้อย ข้างกายของซย่าโหวฉิงเทียนมีแต่เสือหมอบ มังกรซ่อน ซ่อนตัวเอาไว้ทั้งนั้นนี่นา!
ด้านหนึ่งก็ตกตะลึงในขณะเดียวกันเสิ่นถูเลี่ยก็เสิ่นเป็นกังวลยิ่งนัก เพราะหลิวอ๋าวหลานคือราชาอาวุโส ซึ่งวรยุทธ์สูงกว่าหลิวเซิ้งมากนัก เมื่อแข็งมาเจอแข็ง จึงไม่แน่ว่าหลิวเซิ้งจะเอาชนะได้
ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนไม่ได้อยู่ในเมืองเฮ่อ ณ ขณะนี้ ส่วนบรรดาช่างก่อสร้างทั้งหลายต่างพากันกระจายตัวหลบหนี ไปซ่อนตัวอยู่บริเวณโดยรอบ
มีเพียงหานจื่อเท่านั้นที่กระโจนออกไปยืนเคียงข้างเสิ่นถูเลี่ยพร้อมกับเงยหน้ามองฟ้า
‘เสี่ยวหลิวหลิว หลอกพาตาเฒ่านั่นลงมาเร็วเข้า!’
‘ข้าจะกัดมันให้ตาย!’
หานจื่อรอคอยตั้งเป็นนาน ในที่สุดก็มีคนมาท้าทายถึงหน้าบ้าน แล้วจะไม่ให้มันฮึกเหิมได้อย่างไรกัน!
ก่อนหน้านี้ซย่าโหวฉิงเทียนทิ้งมันไว้ที่เมืองเฮ่อ ทำให้มันอึดอัดยิ่งนัก วันนี้จะต้องขยับเขยื้อนออกกำลังให้มากสักหน่อย
“เสี่ยวหลิวหลิว ลงมาเร็ว แล้วให้ข้าผู้เป็นของล้ำค่าแห่งเมืองนี้เจอกับเจ้าเฒ่านี้เสียหน่อย!”
หลิวเซิ้งไม่ได้สนใจหานจื่อแต่อย่างใด ตอนนี้เข้าพุ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการต่อสู้กับหลิวอ๋าวหลาน ด้วยใจที่มุ่งมั่นจะแก้แค้นให้กับคนในครอบครัว
“เจ้าหนุ่ม มีฝีมือไม่เลว!”
ขณะที่หลิวอhาวหลานประมือกับหลิวเซิ้งนั้นทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
พรสวรรค์ของหลิวเซิ้งสามารถเทียบเคียงได้กับเสิ่นถูเลี่ยผู้ซึ่งได้รับสมญานามว่ายอดคนผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์อันดับหนึ่งของอู๋เลยโยวเลยทีเดียว
หากว่าในตอนนั้นตนเองมิได้สังหารน้องชายและครอบครัวของเขาทั้งบ้าน หลิวเซิ้งก็คงจะได้เติบโตอยู่ในสกุลหลิว ด้วยพรสวรรค์ของเขา งานชุมนุมที่จื่อจิงในครั้งนี้ เขาจะต้องได้เป็นที่เชิดหน้าชูตา เป็นดาวดวงใหม่ที่นำความภาคภูมิใจมาสู่วงศ์ตระกูลอย่างแน่นอน
น่าเสียดายเหลือเกิน!
ความเสียใจในการกระทำของตนเองเกิดขึ้นเพียงวูบหนึ่งในใจของหลิวอ้าวหลานเท่านั้น หลังจากนั้น เขากลับรู้สึกว่าตนเองโชคดี
เพราะหากว่าหลิวเซิ้งยังอยู่ในสกุลหลิว พร้อมกับพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ บรรพชนเฒ่าต้องเลือกเขาให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลรุ่นต่อไปอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นละก็ ตำแหน่งผู้นำตระกูลก็จะหลุดลอยไปจากมือหลานชายของเขาต่อหน้าต่อตานะสิ!
ดังนั้นเขาถึงได้บอกว่า เรื่องราวทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ มีโทษย่อมต้องมีประโยชน์
ยิ่งคิดได้เช่นนั้น หลิวอ้าวหลานก็ยิ่งรู้สึกว่าจะต้องฆ่าหลิวเซิ้งให้จงได้ เขาจะไม่ให้หลิวเซิ้งกลับสู่สกุลหลิวเป็นอันขาด และจะไม่ให้เขาไปปราฎตัวต่อหน้าบรรพชนเฒ่าได้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลิวอ๋าวหลานจึงใช้วิชาไม้ตายของตนเองทันที
“หลิวเซิ้ง ระวัง”
เสิ่นถูเลี่ยเพิ่งจะร้องเตือน บ่าซ้ายของหลิวเซิ้งก็ถูดาบแทงเข้าให้ ร่างของเขากวัดแกว่ง
มองดูบ่าของหลิวเซิ้งที่อาบไปด้วยเลือด หลิวอ๋าวหลานก็แสยะยิ้มร้าย
“เจ้านอกคอก ไปตายเสียเถอะ!” หลิวอ๋าวหลานกล่าวจบ ก็ชักกระบี่ในมือจ้วงแทงไปที่คอหอยของหลิวเซิ้งทันที
ลำแสงจากกระบี่ของหลิวอ๋าวหลานเป็นสีกรมท่า มันสะท้อนแสงระยิบระยับ เห็นได้ชัดว่าอาบยาพิษเอาไว้บนกระบี่
หลิวเซิ้งเองก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของหลิวอ๋าวหลาน เดิมทีเขาคิดที่จะปิดบังตัวตนเอาไว้ต่อไป รอให้ถึงเวลาที่ตนเองแข็งแกร่งเพียงพอที่จะกลับคืนสู่สกุลหลิวเพื่อแก้แค้นอย่างสง่างามได้ ใครจะคาดคิดเล่าว่าหลิวอ๋าวหลานจะมาหาถึงที่ในเวลานี้
บัดนี้ บ่าซ้ายของเขาที่ถูกกระบี่ของหลิวอ๋าวหลานแทงเข้าให้นั้นเริ่มจะเจ็บปวดจนชามากขึ้นทีละน้อย พิษจะต้องกำลังเข้าสู่กระแสเลือดอย่างแน่นอน
และเพราะว่าถูกพิษ ดวงตาของหลิวเซิ้งจึงเริ่มค่อยๆพร่าเลือน
แต่ทว่า เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ!
“พริ้งๆ!” พัดหยกในมือคืออาวุธของหลิวเซิ้ง วินาทีที่กระบี่ของหลิวอ้าวหลานจ้วงแทงเข้ามาอีกครั้งนั่นเอง หลิวเซิ้งก็ยื่นมือซ้ายออกไปจับกระบี่ของหลิวอ้าวหลานเอาไว้ด้วยมือเปล่า
“ฉัวะ!” เลือดค่อยไหลออกมาจากช่องนิ้วมือของหลิวเซิ้ง
หลิวอ้าวนึกไม่ถึงว่าหลิวเซิ้งจะใช้มือเปล่าจับกระบี่ของเขาเอาไว้ นี่
‘มันหมายความว่าอย่างไรกัน?’
วินาทีนั้นเอง หลิวเซิ้งก็ใช้คลี่พัดหยกด้วยมือขวาแล้วฟาดเข้าที่ใบหน้าของหลิวอ้าวหลานอย่างแรง
“ฉึกๆๆ——”เสียงแผ่วเบาดังออกมาจากพัดหยก เสียงนั้นคือเสียงของเข็มเงินที่มีขนาดเล็กราวกับหยาดฝนพุ่งเข้าสู่ใบหน้าของหลิวอ้าวหลานทันที
“บัดซบ!”
หลิวอ้าวหลานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาปล่อยมือจากหลิวเซิ้งทันที แล้วถอยร่นไปด้านหลัง
“หลิวเซิ้ง!” เมื่อเห็นหลิวเซิ้งร่างกายซวนเซ เสิ่นถูเลี่ยจึงรีบก้าวเท้าไปด้านหน้า รับเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะล้มลงบนพื้น
“กระบี่อาบยาพิษ!” ดวงตาทั้งสองข้างของหลิวเซิ้งมืดบอด เขารู้สึกได้ว่า พิษกำลังแล่นเข้าสู่ชีพจรของเขา
“ฮ่าๆ!” หลิวเซิ้งในสภาพอ่อนแรงสะบักสะบอมปรากฏแก่สายตาหลิวอ้าวหลาน ทำให้เขาถึงเขาหัวเราะร่า
“กระบี่ของข้าอาบพิษ ‘กวนอิมยิ้ม’ ของตัวขวาเอาไว้ วันนี้เจ้าถูกพิษ ‘กวนอิมยิ้ม’ เข้าไป ต่อให้เทวดามาอยู่ตรงหน้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
“หลิวเซิ้ง หลิวเซิ้งเป็นอย่างไรบ้าง?” รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของหลิวเซิ้ง เสิ่นถูเลี่ยจึงรีบประคองหลิวเซิ้งไปนั่งพิงกำแพงเอาไว้
หากว่าอวี้เฟยเยียนอยู่ที่นี่ก็คงจะดี ทุกอย่างคงจะง่ายดาย