ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
อวู้วววว…….
เหล่านักรบหมาป่าพุ่งเข้าหาพวกปีศาจอย่างดุดัน ความเร็วที่สำแดงออกมาทำให้เห็นพวกเขาเป็นเพียงเงาวูบวาบ เมื่อสนับกรงเล็บถูกสะบัด พวกปีศาจก็ร้องโหยหวน เพียงไม่กี่วินาที ปีศาจพวกนั้นก็ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เป็นนักรบหมาป่าที่แข็งแกร่งมาก” เซียวอวี๋ตกใจ
เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวเมฆาที่แข็งแกร่งหลายคนก็กระโดดไปหลอมรวมกับหมาป่าสีทอง กลายเป็นนักรบหมาป่าที่ทรงพลัง
ยิ่งเป็นนักรบที่ทรงพลังมากเท่าใด หลังจากหลอมรวมพลังกับหมาป่าสีทองแล้วก็ยิ่งแข็งแกร่ง เมื่อนักรบขั้นที่หกบางคนหลอมรวมเข้ากับหมาป่าสีทอง กลิ่นอายแข็งแกร่งก็ปะทุออกจากร่าง ผู้ที่รับรู้ถึงกลิ่นอายนี้ต่างสูดหายใจเฮือกใหญ่
ที่น่าสนใจกลับเป็นบุตรชายของโถวปาหู่ โถวปาเฟิง
โถวปาเฟิงได้ติตตามพวกเซียวอวี๋เข้าร่วมการต่อสู้ที่วิหารอัลคีราฟ และคอยปกป้องหลินมู่เสวี่ยอยู่ไม่ห่าง เซียวอวี๋ไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลย ดังนั้นโถวปาเฟิงจึงยังติดตามต่อไป
จากนั้น เมื่อเซียวอวี๋มาที่นี่ โถวปาเฟิงย่อมติดตามมา โถวปาหู่เคยเรียกตัวโถวปาเฟิงกลับไปยังทัพพยัคฆ์ ทว่าโถวปาเฟิงยืนกรานปฏิเสธ เขาต้องการอยู่คุ้มครองหลินมู่เสวี่ย
และเมื่อเหล่าหมาป่าทองปรากฏขึ้น เขาก็รีบหลอมรวมกับหมาป่าทองโดยไม่ลังเลและกลายเป็นนักรบหมาป่าทรงพลัง เดิมทีเซียวอวี๋ไม่เคยเห็นโถวปาเฟิงอยู่ในสายตา ในสายตาของเขา โถวปาเฟิงก็แค่ตัวละครเล็กๆตัวหนึ่ง ลำบากเพียงยกมือก็กำจัดทิ้งได้ ทว่าสถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว โถวปาเฟิงเวลานี้คล้ายเกิดใหม่ กลายเป็นตัวตนทรงพลัง
เมื่อมีความช่วยเหลือจากเหล่านักรบหมาป่า พลังต่อสู้ของจักรวรรดิเมฆาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หากนักรบหมาป่าเหล่านี้สามารถคงพลังไว้ได้ตลอดไป คาดว่าจักรวรรดิเมฆาคงไม่มีปัญหาในการกวาดพิชิตไปทั่วทั้งทวีป
อย่างไรก็ตาม เซียวอวี๋ทราบดีว่าการอัญเชิญนี้ย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก มันยังยากกว่าการใช้เวทต้องห้ามเสียอีก
“เพื่อจักรวรรดิเมฆา”
ตอนนั้นเอง หมาป่าสีทองตัวหนึ่งก็ลอยลงมาประทับร่างของอ้าวปาและทำให้พลังของเขาสูงขึ้นเทียมฟ้า
อย่างไรก็ตาม เห็นชัดว่าอ้าวปาไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วคราวเหมือนคนอื่นๆ เขาไม่ได้ดูดุร้ายราวสัตว์ป่า หากแต่สามารถควบคุมสติของตนไว้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ อ้าวปาจึงจำต้องรับหน้าที่ผู้บัญชาการทัพนักรบหมาป่าไปโดยปริยาย
เวลานี้นับเป็นโอกาสอันดีที่จะโต้กลับ ในใจอ้าวปาทราบดีว่าขุมพลังของวิญญารบรรพกาลนี้คงอยู่ได้ไม่นาน และพวกเขาต้องใช้เวลาอันล้ำค่านี้กำจัดกองทัพทมิฬให้ได้มากที่สุด หากพวกเขาชนะการต่อสู้นี้ได้ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“อวู้วววว….”
เหล่านักรบหมาป่าเงยคอหอนออกมาจนพื้นดินสั่นสะเทือน พวกเขาต่างติดตามอ้าวปาบุกจู่โจมใส่กองทัพปีศาจ
“โต้กลับไป ทุกคนเริ่มโต้กลับได้ อ๋องหู่ ท่านนำทัพพยัคฆ์บุกออกไป สังหารศัตรูให้สิ้น” เห็นสถานการณืที่เปลี่ยนพลิก เซียวอวี๋ย่อมไม่ปล่อยโอกาสทองเช่นนี้ให้หลุดมือ เขาเริ่มออกคำสั่งอย่างต่อเนื่องทันที
ซึ่งอันที่จริง ทหารทัพพยัคฆ์หลายคนได้หลอมรวมกับหมาป่าทองกลายเป็นนักรบหมาป่าไปแล้ว กระนั้นจำนวนของนักรบหมาป่าก็ไม่ได้มากมายอะไร พวกเขามีจำนวนราวห้าถึงหกพันคนเท่านั้น ขณะที่ทัพพยัคฆ์ยังเหลือไพร่พลยู่หลายหมื่น ตอนนี้ถึงคราวที่ทัพพยัคฆืจะได้แสดงความสามารถแท้จริงแล้ว
อวู้วววว…….
เหล่านักรบหมาป่าเริ่มทักทายพวกปีศาจด้วยการสับสังหารอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งอันที่จริง พวกปีศาจนั้นแข็งแกร่งมาก กระทั่งนักรบขั้นที่ห้าทั่วไปยังไม่ใช่คู่มือของพวกมัน ทว่านักรบหมาป่าเหล่านี้เป็นนักรบขั้นที่ห้ากลายพันธุ์ ยิ่งบางคนที่อยู่ในขั้นที่หกก็ยิ่งแข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล ภาพที่นักรบขั้นที่ห้าและหกพุ่งโถมเข้าใส่พร้อมกันนั้นน่าสะพรึงยิ่ง
ชาวเมฆาทุกคนเวลานี้ล้วนแต่รู้สึกเดือดพล่าน พวกเขาไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน ทุกคนล้วนทราบว่านี่หมายความว่าพวกเขากำลังจะชนะศึกนี้ มีเทพหมาป่าคอยหนุนหลัง แล้วพวกเขาจะไม่ชนะได้อย่างไร
ภายใต้ความเชื่อมั่นอันแรงกล้านี้ ทหารหลายคนต่างก็กระโดดลงจากกำแพงและพุ่งเข้าหาทาหรทมิฬโดยไม่สนใจความเป็นตายของตน
มีความแข็งแกร่งของเหล่านักรบหมาป่ากรุยเปิดทางไว้ก่อนแล้ว ไม่นานก็มีทัพพยัคฆ์พุ่งตะลุยตามไป ทัพอากาศของเซียวอวี๋ทะยานขึ้นฟ้าก่อนจะคอยสนับสนุนทัพพยัคฆ์จากด้านบน
เซียวอวี๋ขี่มังกรน้อยบินขึ้นฟ้าก่อนจะใช้ม้วนคัมภีร์เวทใส่เบื้องล่างอย่างต่อเนื่อง นี่เรียกตีชิงตามไฟ การใช้ม้วนคัมภีร์เวทเวลานี้นั้นส่งผลได้มากที่สุด
เพราะเวลานี้ การระเบิดออกของม้วนคัมภีร์แต่ละเล่มสามารถเพิ่มขวัญกำลังใจของทั้งหมด พลังใจของทั้งหมดเวลานี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการรับบัฟจากอูเธอร์เลย
ครืน……..
เวทมนตร์ไฟหลายสายจากคาเอลพุ่งลงสุ่สนามรบจนเกิดเป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่
ด้วยพลังของเวทวงกว้าง คาเอลและแอนโทนีดาสจึงเลื่อนระดับขึ้นรวดเร็วที่สุด เวลานี้พวกเขาเลื่อนระดับจนมีพลังเทียบได้กับขั้นที่หกระดับสุดยอดแล้ว
เมื่อพลังเพิ่มมากขึ้น อานุภาพของเวทมตร์ที่ปล่อยออกก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นตาม
ดังนั้นการโต้กลับที่ดุเดือดจึงเริ่มขึ้น ทหารทมิฬที่มากมายราวกับเม็ดทรายเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แววตาของโถวปากุ้ยเวลานี้เริ่มปรากฏเค้าความหวาดกลัวขึ้น เขาคาดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ เขาจะทราบได้อย่างไรว่าจะมีเรื่องวิญญาณบรรพกาลแทรกแซงเข้ามา
แม้ว่าตอนนี้โถวปากุ้ยจะไม่ใช่คนธรรมดาและกลายเป็นปีศาจไปแล้ว กระนั้นปีศาจก็ยังมีความกลัว เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่มากกว่าอย่างท่วมท้น ปีศาจเองก็กลัวตายได้เหมือนกัน
ฆ่า……..
ใช้เวลาเพียงสิบนาทีเศษ แนวโต้กลับก็ดันมาถึงหน้าเกี้ยวสีดำ อ้าวปาคำรามขณะที่คนวางเท้าลงบนหลังคาเกี้ยว เขายกดาบเล่มเขื่องขึ้นพลางมองไปทางโถวปากุ้ย
“โถวปากุ้ย ทุกอย่างมันจบแล้ว”