ตอนที่มาถึงที่เก็บขอบกระดาษเฉินเยี่ยนเห็นคุณยายซูและคุณยายหวางพวกเธอกำลังออกแรงยกกองขอบกระดาษกองใหญ่ไปทางบ่อน้ำ เธอรีบตะโกนเรียก
“เยี่ยนจื่อมาแล้วหรือ เธอไปยืนข้างๆ หน่อย เดี๋ยวโดนเธอ”
คุณยายซูและคุณยายหวางเห็นเฉินเยี่ยนก็ทัก
เวลานี้เถี่ยจู้มาพอดี เห็นขอบกระดาษที่พวกคุณยายซูวางลง เขาเข้าไปอุ้มขึ้นมา อุ้มไปตรงบ่อน้ำตรงนั้น
เถี่ยจู้ช่วยอุ้มขอบกระดาษไปมาอยู่หลายรอบจนเสร็จ จากนั้นก็ยิ้มอย่างซื่อๆ ให้พวกเธอ แล้วออกไป
เฉินเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำไมถึงให้คุณยายซูพวกเธอมาแบกขอบกระดาษ ถ้าเกิดล้มลงไปหรือเอวเคล็ดขึ้นมาจะทำยังไง?”
เฉินเยี่ยนถามอีกสี่คนที่กำลังเก็บขอบกระดาษ
“เยี่ยนจื่อ ไม่ใช่ว่าพวกเราอยากให้พวกเธอแบก งานนี้แบ่งกันทำ วันก่อนฉันแบก เมื่อวานพี่สะใภ้หงอวี้แบก วันนี้เลยวนมาที่ป้าซู จากนั้นก็เป็นป้าหวาง หนึ่งคนหนึ่งวันยุติธรรมดี”
มีคนหนึ่งชื่อเหม่ยเฟิ่งลุกขึ้นยืนพูดใส่เฉินเยี่ยน
“ใช่แล้ว เยี่ยนจื่อ งานเก็บขอบกระดาษทั้งหมด พวกเราทำเยอะกว่าป้าสองคนนี้อีก ที่พวกเขาแบกต้องใช้สองคนแบกกองหนึ่ง พวกเราก็ไม่ได้รังเกียจที่พวกเขาทำช้า ถ้าพวกเขาทำไม่ไหว ก็อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่ กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า รับเงินพวกเธอก็ต้องทำงาน ถ้าพวกเขาไม่ยอมทำ คนที่อยากจะเข้ามาทำมีตั้งเยอะแยะ”
พี่สะใภ้ที่ชื่อหงอวี้ก็พูดขึ้นมา ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจคุณยายสองคนนี้อยู่
“ใช่แล้ว น้องสาวฉันบอกมาตั้งหลายครั้งแล้วว่าอยากจะเข้ามาทำงาน เธออายุน้อย มีแรงอยู่ เธอคนเดียวก็รับค่าแรงส่วนเดียว แต่เทียบกับป้าสองคนนี้แล้วเหมาะสมกว่าอีก เยี่ยนจือเธอว่าจริงไหม”
พี่เหม่ยเฟิ่งพูดขึ้นมาอีก
ส่วนอีกสองคนก็ปากขยับ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เฉินเยี่ยนมองออก หนึ่งคนในนั้นเห็นด้วยกับคำพูดพวกเธอ ส่วนอีกคนสีหน้าดูหมดความอดทน แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวพวกเหม่ยเฟิ่งสามคนนั้นกำจัดเธอ
เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะพูดแบบนี้ ยอมรับตามจริงว่าสองคนนี้อายุมากแล้ว แต่เธอกับพ่อเฉินคนให้ค่าจ้างยังไม่พูดอะไรเลย คนอื่นมีสิทธิ์อะไรมาพูด?
อีกอย่าง เฉินเยี่ยนถามมาแล้ว คุณยายสองคนไม่ใช่ไม่ทำงาน พวกเขาร่างกายแข็งแรง เวลาปกติก็ทำงานไม่น้อยเลย ไม่ใช่คนที่รับเงินแล้วไม่ทำงาน
“อยากให้น้องสาวเข้ามาหรือ?”
เฉินเยี่ยนถาม สายตาเย็นชา วันนี้เธอเพิ่งรู้ว่า หลายคนนี้ต่างไม่พอใจคุณยายสองคนนี้
“ใช่แล้ว น้องสาวฉันเก่งมาก เยี่ยนจื่อ ถ้าเธอให้น้องสาวฉันเข้ามา รับรองว่าไม่ขาดทุนแน่”
พี่เหม่ยเฟิ่งรีบพยักหน้าให้เฉินเยี่ยน ยิ้มอย่างประจบสอพลอ
“พี่สะใภ้ที่บ้านฉันก็อยากเข้า เธอก็เก่งเหมือนกัน เยี่ยนจื่อ เธอช่วยดูหน่อยว่าสามารถให้พี่สะใภ้บ้านฉันเข้ามาได้ไหม”
พี่หงอวี้ก็พูดขึ้นมา
“ยังมีภรรยาน้องชายฉันอีก เยี่ยนจื่อ บ้านภรรยาน้องชายฉันอยู่ใกล้ เดินทางสะดวก ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันพาเขามาให้เธอดูดีไหม?”
พี่สะใภ้คนหนึ่งที่ชื่อซิ่วเฟินรีบแย่งพูดขึ้นมา กลัวว่าช้าไปเดี๋ยวเฉินเยี่ยนจะตกปากรับคำคนอื่น
อีกคนที่เหลือไม่ได้พูดอะไรเลย
เพราะอยากให้คนในครอบครัวตัวเองเข้ามาทำงานที่โรงงานถึงได้พยายามกำจัดคุณยายสองคนนี้ ชีวิตของคุณยายสองคนนี้ก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว พวกเธอคือความหวังของคนที่บ้าน เฉินเยี่ยนไม่รู้จริงๆ ว่าสามคนนี้ทำไมถึงจิตใจโหดร้ายขนาดนี้ หรือว่าเพื่อตัวเองแล้วเลยมองไม่เห็นคนอื่น? ยิ่งไปกว่านั้นฐานะคนหลายบ้านนี้ก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น
ตอนแรกที่ให้พวกเธอเข้ามาทำงานที่โรงงานพวกเธอไม่ได้เป็นแบบนี้ และทำงานได้เก่งจริงๆ เพียงแต่เห็นว่าที่นี่ให้เงื่อนไขดี ค่าจ้างก็สูง ใจใหญ่ นิสัยเลยเปลี่ยน
นี่คือนิสัยคนสินะ มักจะไม่รู้จักพออยู่เสมอ
เฉินเยี่ยนมองไปที่คุณยายสองคน ในดวงตาพวกเธอมีน้ำตารื้นอยู่ แต่พวกเธอไม่ได้ร้องขอ มองดูเฉินเยี่ยน เพราะพวกเธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนตัดสินชะตาชีวิตของพวกเธอ ถ้าเฉินเยี่ยนไม่ให้เธอทำ พวกเธอก็ไม่มีอะไรจะพูด เพราะพวกเธอแก่แล้วจริงๆ ทำมากเท่าคนอื่นไม่ได้จริงๆ ดึงดันต่อไปก็มีแต่จะทำให้คนรังเกียจ เพียงแต่ถ้าออกจากที่นี่ไป พวกเธอจะไปที่ไหนเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ?
“เยี่ยนจื่อ ถ้าไม่ ถ้าไม่…”
คุณยายหวางพูดขึ้นมาสองครั้งแต่กลับไม่ได้พูดประโยคที่เหลือออกมา
“ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราไปก็ได้ พวกเราทำงานไม่มากเท่าพวกเธอจริงๆ แก่แล้ว แขนขาก็ไม่มีเรี่ยวแรง เธอกับหลานชายเฉินให้พวกเราทำมานานขนาดนี้ ดีกับพวกเราขนาดนี้ พวกเราไม่อยากดื้อดึงอยู่ที่นี่ต่อ”
คุณยายซูพูดออกมา ถึงแม้ว่าเธอจะเสียใจ แต่เธอเข้าใจเหตุผลดี ไม่อยากทำให้เฉินเยี่ยนลำบากใจ
“พี่อวี่ล่ะ?”
เฉินเยี่ยนไม่ได้ตอบรับคำพูดคุณยายสองคน แต่มองไปที่คนสุดท้าย
“ฉัน ฉันคิดว่าคุณยายซูและคุณยายหวางนิสัยดีมาก พวกเธออายุมากแล้ว แต่ทำงานได้ละเอียด ทุกครั้งที่ทำเสร็จ ทั้งสองคนจะเก็บกวาดที่นี่ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะทำงานน้อยกว่าพวกเรา แต่พวกเธอก็ได้รับค่าจ้างน้อยกว่าพวกเราเหมือนกันนี่ อีกอย่างคุณยายทั้งสองคนก็ลำบาก ฉันคิดว่าให้คุณยายสองคนทำงานที่นี่เถอะ ถ้าถึงเวรที่คุณยายสองคนต้องแบกขอบกระดาษ ฉันช่วยพวกเธอได้”
พี่อวี่มองไปทางคุณยายสองคน เธอทนไม่ไหวจริงๆ เธอข้ามผ่านเส้นแบ่งในจิตใจไม่ได้ เลยพูดความในใจออกมา
เธอเรียกคุณยายเหมือนเฉินเยี่ยน เพราะเธอแก่กว่าเฉินเยี่ยนแค่หนึ่งปี เป็นคนอายุน้อยที่สุดในนี้ อีกอย่างนับตามรุ่นด้วย ถึงแม้อายุจะไม่ต่างกันมาก แต่กลับเรียกไม่เหมือนกัน
เฉินเยี่ยนถอนหายใจยาว ยังดี ยังมีคนที่พูดอย่างยุติธรรมอยู่ คุณน้าอวี่คนนี้ฐานะไม่เทียบเท่าอีกสามคน เป็นคนที่จะเป็นต้องทำงานเหมือนกัน แต่เธอกลับพูดแบบนี้ได้ ถือว่าไม่แย่เลย
“เจิ้งอวี่ เธอมันใจดีไม่เข้าท่า เธอลืมแล้วหรือว่าภรรยาพี่น้องเธอพูดกับเธอว่ายังไง? เธอไม่ช่วยพูดแทนเขา เขาควรจะด่าเธอ แล้วไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่ให้คุณป้าสองคนนี้ทำงานเสียหน่อย เยี่ยนจื่อบอกเอง เธอเห็นคุณป้าสองคนนี้ทำไม่ไหวแล้ว อยากจะหาคนที่อายุน้อย เธอกลับพูดเหลวไหลอะไร!”
พี่สะใภ้หงอวี้ถลึงตาใส่พี่สะใภ้อวี่ เธอร่วมมือกับอีกสองคนแล้ว ตัดสินใจว่าจะกำจัดคุณยายสองคนนี้ออกไป แล้วเปลี่ยนเป็นคนบ้านตัวเองเข้ามาแทน