[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื่อน] ตอนที่ 11 ซินเย่วแสดงอำนาจบารมี (หนึ่ง)

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

ข่าวคราวที่มาจากฉ่าวหยวนไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เนื่องจากข่าวการหายตัวไปของอวิ๋นเยี่ยแพร่ไปถึงฉ่าวหยวน มักมีบางคนมีความคิดไม่ดีเกิดขึ้น สำหรับพวกเขาแล้ว การหายตัวไปก็ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว รายงานการหายตัวไปที่สนามรบ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือหากลับมาได้แค่กระดูก พวกเขาคิดว่าเจ้านายคนปัจจุบันของตระกูลอวิ๋นยังเป็นทารกที่ยังไม่หย่านม ไม่จำเป็นต้องใช้ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่กว้างใหญ่ขนาดนั้น และอยากเพิ่มที่ดินให้กับที่บ้านของตัวเองอีกสักหน่อย สมาชิกในบ้านของตัวเองมีมาก ข้าวก็ไม่ค่อยจะพอกิน ล้วนแต่เป็นชายชาติทหารเช่นเดียวกัน ใช้ตะเกียบคีบเนื้อในถ้วยของเจ้ามาให้ข้า ก็เป็นเรื่องที่สหายช่วยกันรับผิดชอบ

 

ตอนแรกคนที่คิดเช่นนี้มีมากมาย ถูกหลี่จิ้งที่ถูกขับไล่ให้มาอยู่ที่ฉ่าวหยวนทุบตีอย่างอนาถ แล้วดูเหมือนว่ายังจะถูกเหล่าเฉิง เหล่าหนิวฆ่าไปแล้วสองสามคน เฉิงฉู่มั่วยังเอาหัวของพวกเขามาเตะเล่นเป็นลูกบอล สุดท้ายตำแหน่งนายพันกลายเป็นนายพล พาคนสิบคนลาดตระเวนไปทั่วทั้งวัน แล้วยังพูดจาข่มขู่ออกไปว่าหากใครกล้าคิดที่จะทำอะไรกับตระกูลอวิ๋น เขาเตรียมที่จะจุดไฟเผาบ้านของพวกนั้นให้หมด

 

ข่าวคราวที่แพร่กระจายในฉ่าวหยวนจึงหยุดลง ทำให้แม้แต่ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของตระกูลอวิ๋นคนพวกนั้นก็ไม่กล้าเหลือบมอง แค่มองไปทางนั้น เฉิงฉู่มั่วก็คิดว่าเขามีความคิดที่ไม่ดี ต้องได้รับการสั่งสอน ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของตระกูลอวิ๋นก็เลยถือโอกาสนี้ เก็บวัวและแกะจำนวนมากมาจากบริเวณรอบๆ ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ก็เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ฮ่วนเหนียงบอกน่ารื่อมู่ไว้อยู่แล้วว่าไม่ต้องไปสนใจเรื่องของทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ดูแลลูกในท้องของตัวเองให้ดี เพียงแค่มีลูก ของพวกนั้นช้าเร็วก็กลับมา น่ารื่อมู่ก็เห็นด้วย เพียงแต่รู้สึกอยากกลับฉ่าวหยวน แต่คลอดลูกที่ฉ่าวหยวนนั้นอันตรายเกินไป ซินเย่วไม่อนุญาตให้นางกลับ และปลูกหญ้าผืนใหญ่บนเนินเขาด้านหลังของหมู่บ้าน เอาแกะให้นางสิบกว่าตัวด้วย หากอยากจะต้อนแกะก็ไปต้อนที่นั่นได้ทั้งวัน

 

สาวเลี้ยงแกะที่สวยงาม ร่ำรวย แถมยังร้องเพลงเป็น บนโลกนี้ก็มีแค่น่ารื่อมู่คนเดียว เมื่อคิดถึงอวิ๋นเยี่ยก็ไปร้องเพลงกับลูกแกะตัวน้อยบนทุ่งหญ้า เมื่อไหร่ที่น่ารื่อมู่ร้องเพลง ซินเย่วก็จะแอบร้องไห้ในห้อง ทว่าเมื่อเดินออกไปก็จะกลายเป็นฮูหยินที่สง่างามน่าเกรงขาม

 

เมื่อได้รู้ในวันนี้ว่าสามีของตัวเองยังมีชีวิตอยู่ก็มาที่ทุ่งหญ้าแต่เช้า เตรียมที่จะพูดคุยความในใจกับลูกแกะตัวน้อย นี่เป็นช่วงเวลาที่นางมีความสุขที่สุด

 

ทุ่งหญ้าด้านหลังหมู่บ้านติดกับที่ดินของตระกูลอื่น ได้ยินมาว่าเป็นที่ดินของตระกูลจางเลี่ยง ตระกูลของเขามีลูกบุญธรรมหลายคน หนึ่งในนั้นคนที่หล่อเหลาที่สุดชื่อว่าจางฮุ่ย สองสามวันนี้ไม่มีอะไรทำก็ออกมาเดินเล่นที่หมู่บ้านของตัวเอง ได้ยินคนรับใช้ของตระกูลบอกว่า มีผู้หญิงสวยคนหนึ่งชอบมาต้อนแกะที่ทุ่งหญ้าอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนจะเป็นภรรยารองของตระกูลใหญ่โต

 

จางฮุ่ยเกิดมาพร้อมกับหน้าตาที่หล่อเหลา ได้รับความโปรดปรานจากพ่อบุญธรรมของตัวเองเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนรู้ว่าแหย่อวิ๋นเยี่ยไม่ได้ ก็เลยทำได้แค่ไปเล่นกับพวกผู้หญิงตระกูลเล็กตระกูลน้อยในเมืองฉางอัน

 

ตอนนี้รู้ว่าอวิ๋นเยี่ยหายตัวไปจึงกล้าไปดูว่าผู้หญิงคนนั้นสวยงามเพียงใด เขาได้ยินมาว่าสาวเลี้ยงแกะคนนั้นมีสมบัติมหาศาลอยู่ที่ฉ่าวหยวนด้วย หากเขาต้องการนางก็ไม่มีใครห้ามเขาได้ พ่อบุญธรรมของเขาอาจจะนึกอยากถลกหนังของเขาออก แต่ถ้าหากทั้งสองฝ่ายต่างเห็นด้วย คนอื่นก็พูดอะไรไม่ได้ เขามั่นใจในหน้าตาของตัวเองเป็นอย่างมาก

 

เมื่อเอาความคิดไปบอกกับพ่อบุญธรรม พ่อบุญธรรมไม่ขัดข้องและไม่ได้เห็นด้วย เขาไม่พูดอะไรสักคำ

 

ไม่ขัดข้องก็เท่ากับเห็นด้วยล่ะสิ จางฮุ่ยคิดเช่นนี้ เมื่อเขาได้ยินคนรับใช้บอกว่าผู้หญิงคนนั้นออกมาต้อนแกะอีกแล้ว เขาก็สวมเสื้อคลุมสีชมพูอ่อน แขวนลูกปัดเรืองแสงไว้ที่เอว แล้วยังหวีจัดทรงผมอย่างเรียบร้อย ดึงเส้นผมออกมาปิดที่ตาข้างหนึ่ง พอส่องกระจก ชายหนุ่มรูปงามก็ปรากฏตัวขึ้นมาทันที

 

“ชายรูปงามเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นพานอันกับซ่งอวี้ก็สู้ไม่ได้” เป่าปากเตรียมตัวเดินออกไปที่ทุ่งหญ้า

 

ทันทีที่เดินออกมานอกประตูก็ถอนหายใจ สวรรค์เป็นใจ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กลีบดอกท้อโปรยปรายลงมาราวกับสายฝน เป็นภาพที่ดูสวยงามหมดจด สภาพอากาศเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องกางร่ม แต่จางฮุ่ยกลับกางร่มสีชมพูอ่อนราวกับหญิงสาว มองจากระยะไกล ราวกับดอกท้อที่เบ่งบาน

 

ค่อยๆ เดินช้าลง มุมที่เหมาะสมเช่นนี้ เป็นมุมที่สาวเลี้ยงแกะสวมชุดสีเขียวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเขาพอดี รอยยิ้มที่อ่อนโยน ท่าทางสง่างาม จางฮุ่ยกำลังรอให้สาวเลี้ยงแกะตะโกนพูดกับตัวเขาเองว่า “ท่านชายเพคะ”

 

ประสบการณ์เช่นนี้เจอมามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงตระกูลใหญ่โตหรือตระกูลเล็กๆ หากมีความกล้าหาญสักหน่อยก็ล้วนแต่จะพูดเช่นนี้ และสิ่งที่ผู้หญิงฉางอันไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือความกล้าหาญ

 

สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ สาวเลี้ยงแกะหน้าแดง เอามือกุมที่หน้าอกตัวเอง แต่สาวเลี้ยงแกะคนนั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ยังคงพูดคุยอยู่กับลูกแกะตัวน้อยที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน พูดอย่างตื่นเต้น แล้วยังใช้นิ้ววาดบนตัวแกะไม่หยุด น่าหลงใหลเป็นอย่างมาก

 

เพียงแค่โผล่ออกมาให้เห็นเพียงครึ่งหน้า ก็ทำให้จางฮุ่ยใจสั่น ปล่อยให้ผู้หญิงเช่นนี้มาต้อนแกะได้เช่นไรกัน อวิ๋นเยี่ยทำเสียของจริงๆ

 

จางฮุ่ยตัดสินใจเดินวนอีกรอบหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะมีชายแก่ไว้หนวดยืนอยู่ห่างจากสาวเลี้ยงแกะล่ะก็ เขาคงจะเข้าไปหานางตั้งนานแล้ว สาวใช้กำลังแอบมองเขาอยู่ จางฮุ่ยรู้ดีว่าสาวเลี้ยงแกะคงจะมีเรื่องบางอย่างในใจ มิเช่นนั้นก็คงจะเห็นชายหนุ่มรูปงานอย่างตัวเขาตั้งนานแล้ว

 

ไปๆ มาๆ เดินวนไปแล้วหกรอบ แต่สาวเลี้ยงแกะยังคงจมอยู่ในโลกของตัวเอง พูดคุยกับลูกแกะตัวนั้น ในสายตาของนางชายหนุ่มรูปงามอย่างจางฮุ่ยไม่สำคัญเท่าลูกแกะตัวนั้นเลยสักนิด

 

จางฮุ่ยหมดความอดทน เมื่อก่อนเขาหลอกล่อผู้หญิงพวกนั้นไม่เคยยุ่งยากเช่นนี้มาก่อน ประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับต้องมาเจอกับเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ ทำให้เขาสูญเสียเล่ห์เหลี่ยมของเมื่อก่อนไป

 

เดินเข้ามาคุยกับน่ารื่อมู่ว่า “แม่นาง เหตุใดถึงได้หน้าบึ้ง คนงดงามเช่นเจ้าควรจะได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า ที่นี่มีหญ้า มีดอกไม้ มีฝนดอกท้อ และยังมีข้าอยู่ที่นี่ด้วย ให้ข้าเป่าเพลง ‘หงส์ฟ้าหาคู่’ ให้เจ้าฟัง หวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของเจ้าไปได้บ้าง”

 

น่ารื่อมู่กำลังเล่าเรื่องที่ฉ่าวหยวนของนางกับอวิ๋นเยี่ยให้แกะน้อยฟัง จู่ๆ ก็ได้ยินเช่นนี้ นางถึงกับตกใจ เงยหน้าขึ้นเห็นเส้นผมที่มันเยิ้ม ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม กลิ่นน้ำหอมโชยเข้าจมูก อดไม่ได้ที่จะกลัวและตะโกนว่า “ลุงเจียง ลุงเจียง”

 

เมื่อกี้เหล่าเจียงเดินไปฉี่ที่ด้านหลังเขา กลับมาได้ยินเสียงฮูหยินที่สองกำลังตะโกนเรียกตัวเอง มองไปก็เห็นชายคนที่เมื่อครู่ก่อนยังเดินเล่นอยู่นอกทุ่งหญ้ามายืนอยู่ข้างๆ ฮูหยินที่สอง อยู่บนที่ดินของตัวเองอยากทำอะไรก็ทำ ตอนนี้กล้าเข้ามาก่อความวุ่นวายในที่ดินของตระกูลอวิ๋น รนหาที่ตายชัดๆ

 

เช็ดมือที่เอว ค้อนที่ใหญ่เท่ากำปั้นก็ลอยออกไป จางฮุ่ยไม่เคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ตัวเองเข้าไปทักทายกับผู้หญิงอย่างสุภาพ แต่กลับทำให้นางตกใจ กำลังจะอธิบาย ก็เห็นเงาดำปรากฏขึ้นมาต่อหน้าต่อตา เขาได้ยินเสียงกระดูกบนหน้าของตัวเอง สิ่งแรกที่เขากังวลไม่ใช่ชีวิต หากแต่กังวลว่าใบหน้าของตัวเองจะกลับสู่สภาพเดิมได้หรือไม่

 

ค้อนน้ำเต้าไม่เพียงทำให้ใบหน้าของจางฮุ่ยเสียโฉม ฟันของเขาก็ร่วงไปทั่วพื้น แม้แต่ส่วนลูกกะตาก็ยังสั่นสะเทือนไปถึงเบ้าตา มันช่างน่ากลัว สาวใช้ร้องกรี๊ดขึ้นมา ทรุดตัวนั่งลงที่พื้น กางเกงก็เปียกทันที ตอนอยู่ที่ฉ่าวหยวน น่ารื่อมู่เห็นคนตายมากกว่าคนเป็นเสียอีก เรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำให้นางตกใจได้ ปล่อยลูกแกะแล้วลุกขึ้นยืน ใช้เท้าเตะจางฮุ่ยที่นอนหมดสติสองทีเพื่อบรรเทาความแค้น

 

ถึงแม้ว่านางจะไร้เดียงสาแต่นางก็ไม่ได้โง่ จางฮุ่ยปรากฏตัวขึ้นมานางก็เห็นแล้ว เพราะเขาปรากฏตัวจากมุมนั้น ไม่อยากเห็นก็คงไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แล้วยังรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้หล่อเหลาไม่เบา ถอนหายใจ แต่เห็นว่าเขาเดินไปเดินมาไม่รู้จักจบ นางก็รู้ว่าเขาคิดอะไร ฮ่วนเหนียงเคยบอกว่าในฉางอันมีคนประเภทนี้มากมาย ขายหน้าตาเกาะผู้หญิงกิน หากแปดเปื้อนชื่อเสียงของผู้หญิงก็จบกัน ชั่วร้ายเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าชื่อเสียงคืออะไร แต่ทุกอย่างของตัวนางเป็นของท่านพี่ จะเอาไปให้คนนอกไม่ได้ นี่คือสิ่งที่น่ารื่อมู่ยืนหยัด

 

“ลุงเจียง เอาร่างของพวกเกาะผู้หญิงกินเช่นนี้โยนออกไปจากที่ดินของตระกูลเรา หญ้าของเราจะได้ไม่สกปรก ตระกูลของเรากินแต่ข้าวสุก ไม่เกาะผู้หญิงกิน”

 

เหล่าเจียงยกนิ้วโป้งให้กับน่ารื่อมู่ หัวเราะและลากขาจางฮุ่ยโยนไปไกลๆ ถ้าเมื่อครู่ถูกค้อนทุบไม่ตาย ตอนนี้ก็คงจะตายแล้วจริงๆ

 

“ฮูหยิน หากมีใครถามให้บอกว่าเหล่าฮั่นเห็นเขามาบังอาจในพื้นที่ของเรา สุดท้ายถูกเหล่าฮั่นตีตาย อย่าพูดถึงตัวเองเด็ดขาด แพร่ออกไปมันจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของท่าน”

 

เหล่าเจียงชำเลืองมองร่างที่นอนนิ่งของจางฮุ่ย น่ารื่อมู่ไม่รู้ แต่เหล่าเจียงรู้ดีว่าตรงข้ามคือที่ของตระกูลจางเลี่ยง ไอ้เจ้านี่คือเจ้านายคนต่อไปของตระกูล ได้ยินมาว่าจางเลี่ยงชอบลูกบุญธรรมคนนี้เป็นอย่างมาก เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาไม่ยอมเป็นแน่ ตอนนี้ท่านโหวไม่อยู่ ตระกูลของตัวเองต้องอดทน ไม่ได้จริงๆ ก็ชดใช้ชีวิตต่อชีวิต

 

“ไม่ใช่ซะหน่อย ลุงเจียง ขอแค่ท่านพี่ไม่คิดอะไร ใครจะสนพวกเขาพูดอะไร เมื่อกี้ข้าช่วยเจ้าด้วยนะ ข้าเตะไปสองที”

 

เหล่าเจียงหัวเราะขึ้นมา ตระกูลอวิ๋นไม่มีคนขี้โกง แม้แต่ผู้หญิงก็ยังมีความรับผิดชอบเช่นนี้ ทำงานในตระกูลเช่นนี้ สบายใจจริงๆ

 

สาวใช้ลุกขึ้นจากพื้น เมื่อครู่นางตกใจจนฉี่ราดกางเกง เดินหนีบขาตามหลังมาช้าๆ อย่างอับอาย นางคิดไว้แล้วว่า ถ้ามีคนถามจะบอกว่าเปียกน้ำฝน แต่ชายรูปงามคนนั้น ช่างน่าเสียดายนัก

 

เหล่าเจียงพาน่ารื่อมู่กับสาวใช้ต้อนฝูงแกะกลับบ้าน ชายสวมผ้าโพกศีรษะพุ่งออกมาจากในป่า จับที่หน้าอกของจางฮุ่ยเบาๆ แล้วใช้มีดแทงเจ็ดแปดที ฝีมือไม่ธรรมดา ไม่มีเลือดออกเลยสักนิด มองไปรอบๆ อีกครั้ง ไม่เห็นคนนอก จากนั้นก็กลับเข้าไปในป่าอย่างเงียบๆ

 

คราวนี้แม้แต่นกบนต้นไม้ก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นอายของความตาย กระโดดไปมาบนกิ่งไม้ สะบัดหยดน้ำบนขนเป็นครั้งเป็นคราว ซ่อนตัวอยู่ใต้กิ่งไม้ไม่ยอมโผล่หัวออกมา

 

ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ หยดน้ำเย็นๆ กลิ้งลงบนใบหน้าที่เปื้อนเลือดของจางฮุ่ย คราบเลือดต้องใช้น้ำเย็นล้างถึงจะล้างออก น้ำฝนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน กลายเป็นหยดเลือดล้างผงสีขาวที่เขาทาไว้บนใบหน้าจนเป็นรอย ในเบ้าตาที่ว่างเปล่าไม่มีน้ำตา มีเพียงลูกกะตาที่อยู่ในเบ้าตามองไปบนท้องฟ้าที่มืดมน