GGS:บทที่ 787 คัมภีร์
หลังจากซูจิ้งให้ฉิงหยุนส่งหอยเจดีย์ หอยกาบลายเสือ และต้นข้าวไปยังมิติระบบนิเวศจำลองแล้ว เขาก็ได้จัดการขยะของเขาต่อไป ผ่านไปซักพักเขาได้เลือกว่าขยะกองไหนที่ไม่มีค่าบ้าง
เมื่อมาถึงขยะกองหนึ่ง ขยะกองนี้ต่างจากกองอื่นเพราะมันนั้นเต็มไปด้วยกระดาษมากมาย ระบบคัดแยกอัตโนมัตินี่ช่วยร่นเวลาให้เขาได้อย่างดีจริงๆ
เขาตรงเข้าไปรื้อขยะกองนั้นในทันที จากประสบการณ์ที่ผ่านมาช่วยให้เขาจัดการกระดาษเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น เขาคัดแยกพวกมันซ้ำอีกครั้งโดยการเลือกดูลักษณะตัวอักษรบนกระดาษ
กระดาษแต่ละชิ้นถูกซูจิ้งอ่านอย่างตั้งใจและแยกพวกมันไว้อย่างเป็นระเบียบ
บางแผ่นเป็นกระดาษจดบันทึกที่ขาดออกมา บ้างก็เป็นหนังสือที่ได้รับความเสียหาย บ้างก็ตัวอักษรขาดหายไปบางส่วน
เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ได้แต่นึกได้อย่างเดียวว่าห้วงเวลาฯที่ขยะเหล่านี้หลุดออกมานั้นน่าจะมีสภาพอยู่ในช่วงจีนโบราณ
ทันใดนั้นซูจิ้งก็ได้สังเกตเหตุกระดาษกองหนึ่งที่ดูสภาพดีมากๆ และอยู่กันเป็นชุดขนาดใหญ่
เขาลองเปิดมันดีเมื่อเห็นเนื้อหาซูจิ้งก็ต้องแปลกใจ หน้าที่เปิดออกดูเป็นภาพวาดพระพุทธรูปที่มีใบหน้าที่ดูแสดงถึงความโอบอ้อมอารีนั่งขัดสมาธิพร้อมมือที่วางทับกัน
ภาพวาดนี้ถึงจะดูเหมือนเป็นภาพวาดธรรมดาแต่มันแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความสงบทำให้คนที่มองภาพนี้ต้องสงบจิตใจตามไปด้วย
ซูจิ้งเองเพียงแค่มองเพียงทีเดียวก็ถึงกับทำตาเป็นประกาย เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างตั้งใจ เขายังมองเห็นตัวอักษรเล็กๆมากมายที่รายรอบภาพวาดพระพุทธรูปนั้น มันเหมือนกับเป็นอักขระบางอย่างและมีคำหนึ่งเขียนไว้ตรงข้างบนสุดว่า “หัวใจพระสูตร”
ซูจิ้งผงะไปเล็กน้อยก่อนที่จะเปรยออกมาว่า “หัวใจพระสูตรช่างเป็นคำที่คุ้นเคยยิ่งนัก ไม่รู้ว่ามันจะใช่ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร(พระสูตรอันเป็นหัวใจแห่งปฏิปทาอันยวดยิ่งแห่งความรู้แจ้ง)รึเปล่านะ”
ซูจิ้งได้เข้าไปในโลกอินเทอร์เน็ตทันที เขาลองเปรียบเทียบโดยใช้คำต่างๆอย่าง พระสูตรมหายานะ พระสูตรปารมิตาหฤทัยสูตร และพระสูตรทั่วไป ทิ้งมาจะมีเนื้อหาส่วนใหญ่คล้ายคลึงกันแต่ก็จะมีแก่นแท้ที่ต่างกัน
ซูจิ้งได้ลองอ่านหัวใจพระสูตรเล่มนี้ดูอย่างสงบ และทันใดนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเพราะเนื้อหาข้างในนั้นมีความละเอียดอย่างมาก เรียกได้ว่ามีผลดีกว่าการมองรูปวาดนั่นซะอีก
ถึงแม้ซูจิ้งจะไม่ได้แตกฉานในทางพุทธนัก แต่เขาก็บอกได้เลยว่ารายละเอียดเนื้อหาในพระสูตรเล่มนี้เนื้อล้ำยิ่งกว่าความรู้ของพระในศาสนาพุทธและคำพูดนี้ไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย
ตราบใดก็ตามที่สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาในพระสูตรเล่มนี้ได้ ผลที่ได้จากหัวใจพระสูตรเล่มนี้ไม่ด้อยไปกว่าชุดดื่มชาที่เขาได้มาจากห้วงเวลาฯทลายสวรรค์แน่นอน
ซูจิ้งพลางนึกไปว่า “พระสูตรเล่มนี้กับพระพุทธรูปนั่นเป็นประโยชน์ต่อการฝึกจิตของเรา
แต่แน่นอนว่าประโยชน์ที่ได้รับย่อมมีขีดจำกัด แต่ยังไงซะคนที่นับถือศาสนาพุทธน่าจะชอบของทั้งสองนี่นะ
ถ้าพวกเขาเข้าใจพวกมันได้จริงๆล่ะก็ พวกเขาจะได้ประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน”
ซูจิ้งเริ่มมีความคิดว่าจะเผยแพร่ภาพพระสูตรและรูปปั้นนี้โดยรูปถ่าย
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาจะไม่มีความคิดแบบนี้อย่างแน่นอนแต่ตอนนี้เขาคิดว่าวิธีนี้ไม่เลวเลยเพราะมันน่าจะช่วยเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ของฉิงหยุนได้อย่างดี
ตามฉิงหยุนได้บอกไว้คือค่าการใช้ประโยชน์จะเพิ่มขึ้นตามมูลค่า ความประหลาดใจ ความตกตะลึง ของผู้คน และทำให้เกิดผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
หัวใจพระสูตรเล่มนี้ และพระพุทธรูปนี้สมควรที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้คนไม่น้อยเช่นกัน และน่าจะเกิดผลดีในสังคมอีกด้วย ได้แต่ลองดูล่ะนะ
แน่นอนว่าพระสูตรเล่มนี้และพระพุทธรูปนี่ตรงกับเงื่อนไขที่ฉิงหยุนเคยบอกเขาไว้ฉะนั้นมันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงแน่นอน
วิถีการฝึกพลังวิญญาณของซูจิ้งนั้นไม่ได้มีความรู้สึกแปลกแยกกับพระสูตรนี้แต่อย่างใดเนื่องมาจากว่าเขานั้นได้มาจากห้วงเวลาฯไซอิ๋วซึ่งมีพื้นเพในทางพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว
แทบจะบอกได้ว่าเสริมกันจะเทียบได้กับการบ่มเพาะวิถีเซียนเลยก็ว่าได้
ยิ่งซูจิ้งฝึกมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งขึ้น
ภาพวาดทิวทัศน์จากห้วงเวลาฯDesolate Era ชุดดื่มชาจากห้วงเวลาฯฝืนชะตาฟ้าฯ และคัมภีร์พระสูตรและพระพุทธรูป
ไม่ว่าใครก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าของเหล่านี้จะรู้สึกได้ถึงความสุขสงบในใจ
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าปรมาจารย์จากศาสนาไหนก็ตามที่แสวงหาความสุขสงบทางใจ
หรือแม้แต่ศิลปินที่ล้วนแล้วแต่แสวงหาความสงบสุขบนงานศิลป์ของตนเอง
เมื่อได้เห็นของทั้งสามนี้ล้วนแล้วแต่ต้องยอมรับและได้ประโยชน์ในทันทีที่เห็น
หากจะให้พูดจริงๆล่ะก็ถ้าให้เรียงลำดับจากผลการเสริมความสงบสุขในใจจากมากไปน้อยล่ะก็
ที่มากที่สุดจะเริ่มจากภาพวิวทิวทัศน์ ชุดดื่มชา คัมภีร์พระสูตร พระพุทธรูป และสุดท้ายก็น่าจะเป็นชุดตัวอักษรที่เขาได้มาจากห้วงเวลาฯDesolate Eraและห้วงเวลาวิถีเซียน
ถึงแม้จะไม่เสริมผลได้เท่ากับชาใบไม้ร่วงที่ได้จากห้วงเวลาฯโลกเซียน ดอกไม้กินคน คถาแห่งห้วงเวลาฯที่ได้จากห้วงเวลาฯจากเรื่องเฉินมู่ และของอย่างอื่นที่เสริมจิตใจได้ก็ตาม
“แค่รูปวาดพระพุทธรูปธรรมดาก็ยังส่งผลต่อการเสริมสภาพจิตใจได้ขนาดนี้ ขยะห้วงเวลาฯชุดนี้สมควรมาจากห้วงเวลาฯที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
โดยเฉพาะกับคัมภีร์สูตรนี้ยิ่งแล้วใหญ่” ซูจิ้งยังคงจัดการกองกระดาษต่อไป
แต่ยิ่งเขาจัดการก็พบคัมภีร์ทางพุทธมากยิ่งขึ้นรวมถึงพบรูปวาดพระพุทธเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง
และนั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจมากกว่าเดิมเพราะมันช่างเหมือนกับคัมภีร์และรูปวาดพระพุทธที่เขาพบก่อนหน้านี้อย่างมากแทบจะเป็นอันเดียวกันเลย
สิ่งที่ต่างกันไปก่อนหน้านี้คือภาพอันนี้ถูกวาดเอาไว้ได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ดูๆไปแล้วทั้งหมดนี้น่าจะเป็นผลงานมาจากคนเดียวกัน
“ดูเหมือนว่าคนที่ทำของพวกนี้ขึ้นมาสมควรจะเป็นคนที่รับจ้างทำหรือไม่ก็เป็นผู้ฝึกตน”
ซูจิ้งสามารถบอกได้เลยว่าคนที่ทำคัมภีร์และรูปวาดนี้สมควรเป็นที่เข้าใจแก่นแท้ แต่ไม่คุ้นเคยกับงานแบบนี้ หรืออาจจะแค่เผลอทำงานเสียไปเล็กน้อยจนต้องทิ้งออกมา
แต่ยังไงซะหนึ่งในของที่ทิ้งออกมาก็ถือได้ว่าเป็นงานศิลปะชั้นเลิศสำหรับโลกใบนี้
แทบจะบอกได้เลยว่าเป็นช่างฝีมือที่หายาก ดีไม่ดีอาจเป็นช่างฝีมือที่ทำเฉพาะงานศิลป์ทางพุทธศาสนาเลยก็ว่าได้
ซูจิ้งยังคงจัดการกระดาษกองนั้นต่อไปแต่ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพิ่มเติม
เขาเจอบันทึกบางส่วน บ้างก็เป็นวิธีการฝึกทักษะด้านการวาดและเขียน และดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้จะมาจากคนเดียวกันเพราะว่าหากมองอย่างละเอียดแล้วเหมือนฝีมือของเจ้าของกระดาษชุดนี้จะดีขึ้นเป็นลำดับ
แทบจะบอกได้ว่าหากเขามีโอกาสต้องนำคนนี้มาทำงานด้วยให้จงได้อย่างแน่นอน
“กระดาษพวกนี้มีค่าพอจะเก็บเอาไว้อยู่ น่าจะพอเอาไปทำประโยชน์ได้บ้างล่ะนะ”
ความซูจิ้งเองก็มีความสนใจในด้านศิลปะมาตั้งนานแล้วเพียงแต่ว่าเขานั้นไม่มีโอกาสที่จะสร้างงานศิลป์เป็นของตัวเอง
ทำได้เพียงคัดลอกผลงานมาอย่างเสียๆหายๆจากงานศิลป์ของห้วงเวลาฯวิถีเซียนและห้วงเวลาฯDesolate Eraมากกว่า ไม่ได้สนใจร่ำเรียนฝึกฝนอย่างจริงจัง
การที่ได้กระดาษบันทึกเหล่านี้จะช่วยเขาในการพัฒนาฝีมืองานศิลป์ได้ไม่มาก็น้อยอย่างแน่นอน
แต่จะบอกว่าซูจิ้งไม่เก่งงานศิลป์เลยก็ไม่ได้ซะทีด้วยเพราะเขานั้นอย่างน้อยๆบนโลกใบนี้เขาก็ถือได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมือในการเล่นกู่จิ้ง หมากรุก หรือแม้แต่การวาดอักษร เหมือนกับว่าสำหรับโลกศิลปะแล้วสิ่งที่ซูจิ้งยังไม่เคยได้ฝึกฝนมีเพียงอย่างเดียวคือการวาดรูป หากเขาฝึกชำนาญได้ล่ะก็ บอกได้เลยว่าเขาจะเป็นศิลปินเพียงไม่กี่คนที่ชำนาญด้านศิลปะรอบด้าน
“ดูเหมือนว่าจะไม่เจองานชิ้นสมบูรณ์ได้จริงๆสินะ นั่นสิเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีใครซักคนโยนงานศิลป์ดีๆทิ้งออกมา”
ซูจิ้งไม่มีทางเลือกอื่นทำได้แค่เพียงถอดใจเท่านั้น เขาหยิบคัมภีร์พระสูตรและรูปวาดพระพุทธออกมา
หลังจากนั้นนำโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ แล้วทำการตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าเนื้อหาไม่ตกหล่นและรูปไม่เบลอ เขาก็ได้ทำการเข้าไปในแอพเว่ยป๋อและลงรูปเหล่านั้นโดยความหวังที่ว่าคนทั่วไปจะเข้าใจในเนื้อหาของมัน
ตอนนี้แฟนคลับของซูจิ้งที่ติดตามในไมโครบลอกอยู่ที่ 8 ล้านคนเมื่อไม่นานมานี้ และยังเป็นแฟนคลับชนิดเหนียวแน่นซะด้วย นอกจากนี้ไมโครบล็อกนี้ยังมีผู้ติดตามอย่างเจ้าของไมโครบล็อกเองก็ไม่เว้น
“ตอนที่พี่จิ้งกับมู่หรงเซียนเอ๋อสตรีมด้วยกันนั้นสุดยอดจริงๆ จนทำให้ฉันต้องคอยนั่งตามดูทุกวันเลยว่าจะมีอะไรออกมาจากพี่จิ้งอีกรึเปล่า อ้อดูนี่สิมันแจ้งเตือนว่าพี่จิ้งโพสต์อะไรอีกแล้วน่ะ”
“ไหนดูซิ ฉันหวังว่าจะเป็นการเล่นกู่จิ้งอีกนะ ว่าแต่นี่มันอะไรน่ะ”
“เอานี่ พระพุทธเจ้าใช่รึเปล่า? ส่วนนี่น่าจะเป็นพระสูตรนะ ถ้าอ่านตามที่เขียนไว้น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“พี่จิ้งแกล้งกันชัดๆ บอกว่าอยากฟังกู่จิ้งกลับส่งพระสูตรและรูปวาดพระพุทธมาให้ดูซะอย่างนั้น”
“พระเจ้า นี่พี่จิ้งเปลี่ยนแนวไปแล้วงั้นหรอเนี่ย อย่าบอกว่าพี่จิ้งจะเริ่มเข้าสู่วิถีพุทธ”
“ไม่นะ พี่จิ้งกับฉือชิงต้องทะเลาะกันแน่ๆ”
ตอนนี้กลายเป็นว่าชาวเนตต่างนินทาซูจิ้งในเรื่องนี้กันอย่างทั่วทุกหย่อมหญ้า เมื่อดั่งกระแสน้ำที่กั้นไม่อยู่
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าดาราบางคนถึงได้ดังแบบไม่รู้ตัว
นั่นก็เพราะว่าข่าวนินทาแบบนี้นั่นเอง
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ซึ้งในสิ่งที่ซูจิ้งโพสต์ลงมาว่าล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดาทั้งนั้น