GGS:บทที่ 788 พุทธไร้ขอบเขต
“เอ๊ะ รูปพระพุทธแฝงไปด้วยงานศิลป์งั้นรึ”
“ลองดูดีๆแล้ว มันก็จริงตามนั้นแหะ ยิ่งมองใจยิ่งสงบนิ่ง”
“จริงด้วย ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกัน”
“ครั้งแรกที่ฉันเห็นฉันก็ว่ารูปพระพุทธนี่ช่างสวยงามจริงๆ”
“พระสูตรนั่นก็ไม่ธรรมดาเลยนะ ทำให้จิตใจผู้คนมั่นคงได้ไม่น้อยเลย”
เมื่อมีบางคนเริ่มคนอื่นๆก็เปลี่ยนหัวข้อตามไปกันหมด
ตอนแรกที่พวกเขานินทาซูจิ้งว่าจะหันไปนับถือศาสนาพุทธถึงได้โพสต์ภาพพระพุทธและพระสูตรออกมา
กลายเป็นว่าพวกเขาเอาแต่มองรูปพระพุทธและพระสูตรอย่างขะมักเขม้นจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย
ทุกวันนี้คนหนุ่มคนสาวของจีนเองไม่ได้นับถือศาสนาพุทธกันซักเท่าไหร่นัก น้อยครั้งมากที่จะไปข้องเกี่ยวด้วย
นั่นก็เพราะว่าทุกคนต่างรู้ดีว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว แต่หลังจากที่ทุกคนเห็นภาพวาดพระพุทธและพระสูตรนี้พวกเขาต่างก็รู้สึกสุขสงบในใจกันถ้วนหน้า
ตอนแรกที่ซูจิ้งโพสรูปพระพุทธและพระสูตรนี้ มีหลายคนที่ไม่พอใจและต้องการให้ซูจิ้งออกมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมด ตอนนี้หลังที่ดูรูปพระพุทธและพระสูตร กลายเป็นว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ซูจิ้งออกมาพูดหรืออธิบายอะไรอีกแต่ไป พวกเขาแค่ต้องการดูด้วยใจที่สงบนิ่งแค่นั้น
ตอนนี้สำหรับคนที่ติดตามเรื่องราวอยู่ในเว่ยป๋อนั้นทันทีที่เห็นรูปพระพุทธและพระสูตรพวกเขาอดไม่ได้ที่จะขำออกมา
“ฮ่าฮ่า ไอ้เราก็นึกว่าซูจิ้งจะออกผลงานเพลงกู่จิ้งออกมาก็เลยว่าจะแวะเข้ามาดู ที่ไหนได้ไม่คิดว่าจะเป็นรูปพระพุทธและพระสูตร”
“พี่จิ้ง พี่แกล้งกันใช่ไหมเนี่ย”
“ฮ่าฮ่า ฉันว่าซูจิ้งคิดจะละทางโลกนะ”
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตามบนอินเตอเนตก็มีพวกป้ายสีคนอื่นตลอดเวลา คนพวกนี้ก็แค่จับเอานู่นนิดนี่หน่อยมาใส่สีตีไข่
พวกเขาน่าจะกำลังอารมณ์เสียที่ซูจิ้งมาขัดขวางเรื่องป้ายสีมู่หรงเซียนเอ๋อก่อนหน้านี้จนทำให้มีคนเชื่อเรื่องแนวนี้น้อยลง
ที่ผ่านมานั้นแฟนคลับซูจิ้งคอยหนุนหลังอย่างสุดโต่งและมีแฟนคลับอยู่หลายช่วงวัยทำให้ยากต่อการป้ายสี
แต่ครั้งนี้พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมานั่นก็เพราะว่าเรื่องศาสนาเป็นอะไรที่แตะแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ไม่ยาก แต่แฟนคลับซูจิ้งก็ยังคงสงบอยู่ดี
“พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า ปล่อยหัวใจไปตามเสียงเรียกแห่งธรรมชาติและโชคชะตา อย่ากังวลไปเลย ไม่ช้าก็เร็วยังไงพี่จิ้งก็ต้องมีเพลงใหม่ออกมาแน่นอน”
“น้ำครึ่งแก้วนั้นบางคนคิดไปว่ามันใส่น้ำได้อีกเพียงแค่ครึ่งแก้ว บ้างก็ว่ามีน้ำแค่ครึ่งแก้ว
อย่างอากาศเย็น บางคนก็ว่ามันเย็นเกินไป บางคนก็ว่ามันเย็นสบายเหมือนลมทะเล เหมือนอย่างรูปวาดพระพุทธนี้ก็เช่นกัน
บางคนก็เห็นแล้วคิดว่าเป็นเรื่องโง่เง่า บางคนก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่รู้สึกสงบสุข”
“การตัดสินคนอื่นก็เหมือนการตัดสินตัวเอง และการทำให้คนอื่นเกิดประโยชน์ก็เหมือนทำให้ตัวเองเกิดประโยชน์ได้เช่นกัน”
“ฉันว่าฉันเข้าในความหมายที่แท้จริงที่ซูจิ้งโพสรูปพระพุทธกับพระสูตรนะ พุทธไร้ขอบเขต จักรวาลรักษาถึงสิ่งให้เป็นไป”
“เห็นด้วย อามิตตาพุทธ ดีจริงๆที่ได้เห็น”
หลังจากเห็นข้อความที่โต้ตอบออกมาแบบนี้เหล่าผู้คนที่ว่าจะเอาเรื่องนี้มาป้ายสีถึงกับมึนตึงกันไปเป็นแถบ “อะไรฟะ” พวกเขาต่างอุทานมาแทบจะพร้อมกันอยู่หน้าคอมฯก่อนที่จะทำหน้าบอกบุญไม่รับกันถ้วนหน้า
“คุณซูส่งข้อความออกมาล่ะ” ผู้ช่วยสาวของมู่หรงเซียนเอ๋อบอกเซียนเอ๋อในทันทีที่เห็นข้อความ
“ไหนขอดูหน่อยซิ” มู่หรงเซียนเอ๋อที่กำลังฝึกเล่นเพลงอยู่ตอนนี้ได้หยุดฝึกและหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูและได้เข้าไปดูว่าซูจิ้งโพสอะไรกันแน่ เมื่อเธอเห็นเรื่องที่ซูจิ้งโพสถึงกับทำหน้าโง่งม ยิ่งเธอได้เห็นการโต้ตอบของช่องข้อความถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า แฟนคลับพวกนี้ช่างน่าสนุกกันจริงๆ” มู่หรงเซียนเอ๋อพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม พวกเธอเองก็ไม่อยากจะหัวเราะออกมาเท่าไหร่แต่ก็ยังอดไม่ได้อยู่ดี พวกเธอเองก็ได้ลองมองดูที่รูปพระพุทธและพระสูตรอย่างตั้งใจนิดๆ แต่กลายเป็นว่าพวกเธอโยนความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปในทันทีก่อนที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาแทนที่
“โอ้ ศิษย์พี่ซูจิ้งโพสข้อความหล่ะ” เบ่ยเจียเฮาได้บอกคนอื่นๆเมื่อเห็นไมโครบลอกของซูจิ้งที่โพสรูปพระพุทธและพระสูตรเอาไว้
เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นเหมือนเขาหลุดเข้าภวังในทันที
เหตุผลนั่นก็เพราะว่าพ่อของเขานับถือพุทธทำให้เขาเองก็นับถือตามไปโดยปริยาย แถมเขาเองก็ศึกษาในพระธรรมและเซ็นไม่ใช่น้อย
ดังนั้นเมื่อเขาเพียงเหลือบไปเห็นรูปพระพุทธแค่เล็กน้อยก็รู้ในทันทีว่าสิ่งที่ซูจิ้งโพสต์ไม่ธรรมดา
เขาในตอนนี้ได้จ้องมองไปยังรูปพระพุทธอยู่นานประหนึ่งดังเจอสมบัติล้ำค่า หลังจากนั้นเขาก็เลื่อนถัดไปเพื่ออ่านพระสูตร
อ่านไปหนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ หลังจากอ่านไปสามรอบเขาก็หยุด ใบหน้าของเขาสงบนิ่งแต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกาย
“ฉันก็ว่าศึกษะในพระพุทธมาตั้งแต่เด็กแล้วนะ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นพระพุทธที่แฝงไว้ซึ่งหลักธรรมขนาดนี้ ไหนจะพระสูตรนั่นอีก ศิษย์พี่จิ้งไปหามาจากไหนเนี่ย ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นมาก่อน”
เบ่ยเจียเฮาถึงกับต้องรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีที่ตั้งสติได้
“โอ้…เจียเฮาว่าไง วันนี้นายว่างหรอถึงได้โทรหาฉันเนี่ย วันนี้ไม่มีสอนงั้นหรอ” เสียงๆหนึ่งตอบมาด้วยเสียงสดใสราวกับเดินเล่นอยู่ข้างเจียเฮา
“พ่อ ลองดูไมโครบลอกของซูจิ้งสิ”
“ซูจิ้งคนที่เล่นเพลงลำนำแห่งพระเจ้านั่นน่ะหรอ แล้วงวดนี้เขาทำอะไรล่ะ แต่งเพลงใหม่อีกหรอ”
“ไม่ใช่เล่นเพลงใหม่หรอก เขาโพสรูปพระพุทธกับพระสูตรน่ะ”
“ไหนดูสิ” พ่อของไบเจียเฮาเองก็เริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที เขาเข้าไปดูไมโครบลอกของซูจิ้ง หลังจากเห็นรูปพระพุทธและพระสูตรแล้วแทนที่เขาควรจะสงบใจลงแต่กลายเป็นว่าเขาสงบใจไม่ได้ในทันที
ความจริงจิตใจของเขานั้นก็สงบลงจริงๆล่ะ เพียงแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน มีแต่ผู้ที่ศึกษาพระธรรมในศาสนาพุทธอย่างถ่องแท้เท่านั้นถึงจะรู้คุณค่าของรูปพระพุทธและพระสูตรนี้ว่ามีค่าแค่ไหน
“พ่อ พระสูตรนี้มาจากไหนกัน”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน พระสูตรนี้มีเนื้อหาคล้ายหัวใจพระสูตรก็จึงแต่ก็ยังมีความต่างกันอยู่
พ่อเองก็อ่านพระสูตรมาก็ว่าเยอะแล้วแต่ก็ยังไม่เคยเห็นพระสูตรนี้เหมือนกัน ถึงจะไม่แน่ใจว่าเคยอ่านมาทั้งหมดแล้วแต่อย่างน้อยๆพระสูตรของซูจิ้งพ่อไม่เคยเห็นแน่นอน”
“พ่อว่าเขาจะทำขึ้นมาเองรึเปล่า”
“ทำได้ก็แปลกล่ะ”
ในเวลาเดียวกันนั้น ณ วัดแห่งหนึ่ง โจวฮงหยวนกำลังนั่งชงชาให้กับเพื่อนเก่าคนหนึ่ง หัวของเขาโล้นและกำลังสวมชุดของพระอยู่ แน่นอนว่าเขาในตอนนี้บวชเป็นพระไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เขามอบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้กับลูกชายคนที่สองของเขานั่นคือ โจวเทียนรุย และออกมาโดยไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อยและบวชเพื่อทดแทนสิ่งที่ลูกชายคนแรกของเขาได้เคยทำไว้ แม้เขาเองจะไม่รู้ว่าวิธีนี้จะช่วยลดบาปกรรมที่ลูกชายเขาเคยทำมาได้หรือไม่ก็ตาม เขาออกจากตระกูลเพียงเพื่อสิ่งเดียวในหัวใจนั่นก็คือชีวิตที่เหลือเดินทางไปในสายพระธรรม และปลูกฝังสิ่งดีๆให้กับโลกใบนี้
“นี่?” โทรศัพท์ของโจวฮงหยวนที่อยู่ก็มีแสงไฟสว่างขึ้นมา เขาได้หยิบมันขึ้นมาดู
“เป็นพระแล้วก็ยังเล่นโทรศัพท์ได้อีกหรอ” เพื่อนเก่าของเขาพูดแซวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีกฎข้อไหนในศาสนาพุทธที่ห้ามไม่ให้เล่นโทรศัพท์นี่ วัดนี้เองก็มีไวไฟด้วยซ้ำ
การฝึกสมาธิของศาสนาพุทธไม่ใช่อยู่ที่การกระทำแต่อยู่ที่อารมณ์ต่างหาก
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ย่อมไม่มีผลอย่างแน่นอน
หรือแม้แต่การดื่มไวน์หรือกินเนื้อก็ไม่ผิดหากแต่ยังนับถือพุทธและปฏิบัติธรรมด้วยใจแน่วแน่
แต่อย่าห่วงเลยน่า ยังไงอาตมาก็ไม่ได้เล่นอะไรบ่อยนักหรอก
มีเพียงไม่กี่สิ่งที่อาตมายังคงสนใจในเรื่องทางโลก อย่างเช่นเพื่อนตัวน้อยคนนี้ที่อาตมาสนมากๆเพิ่งจะโพสต์ข้อความออกมาน่ะ” โจวฮงหยวนส่ายมือถือไปมาให้เพื่อนเขาเห็น
“ซูจิ้งน่ะหรอ?” เพื่อนของโจวฮงหยวนถามออกมา
“ถูกต้อง” เมื่อพูดดังนั้นออกมา โจวฮองหยวนก็ได้เปิดไมโครบลอกของซูจิ้งออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นรูปพระพุทธและพระสูตรเขาถึงกับตกใจ ตอนแรกเขาก็นึกว่าซูจิ้งแต่งเพลงใหม่ออกมา เพลงส่วนใหญ่ของซูจิ้งล้วนส่งผลต่ออารมณ์และเสริมสร้างสมาธิในใจทั้งสิ้น จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากพลาดไปซักเพลง ตัวอย่างเช่นเพลงลำนำแห่งพระเจ้า แม้แต่พระในวัดรูปอื่นเองก็ชอบฟังไม่ต่างจากเขา แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้จะเป็นรูปพระพุทธและพระสูตร
เขานั้นเริ่มมองดูรูปพระพุทธอย่างตั้งใจ ตามด้วยอ่านพระสูตรเช่นกัน ทันใดนั้นตาของเขาก็เริ่มเปล่งประกายในทันที จนในที่สุด เหมือนความคิดของเขาจะกระจ่างใสจนสื่อออกมาได้ผ่านดวงตา และยังคงจ้องมองราวกับทั้งสองสิ่งนี้คือสมบัติล้ำค่า
“นี่ก็แค่รูปพระพุทธและพระสูตรไม่ใช่หรอ ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย”
“สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่รูปพระพุทธและพระสูตรหรอก รอสักครู่นะ ขออาตมาไปหาเจ้าอาวาสก่อน”
โจวฮงหยวนได้ตรงเข้าไปยังกุฎิเจ้าอาวาสที่อยู่ด้านหลังของวัดในทันที
เขารู้สึกได้เลยว่ารูปพระพุทธและพระสูตรที่ซูจิ้งโพสนั้นน่าอัศจรรย์จนอยากให้เจ้าอาวาสเห็นและยืนยันว่าสิ่งที่เขาเห็นและรู้สึกได้นั้นถูกต้องรึเปล่า