“ผู้อำนวยการฟางโทรมามีเรื่องอะไรหรอครับ?” เฝิงหยู่สงสัยเนื่องจากผู้อำนวยการฟางไม่น่าจะโทรมาคุยเล่นกับเขา หรือว่ากำปั้นเหล็กจูอยากพบเขา?

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ปักกิ่งหรอ?”

“ใช่ครับ ผมกลับมาเมื่อ 2 วันก่อน มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“คุณมาจงหนานไห่พรุ่งนี้เช้าเวลา 10 โมง ผู้อาวุโสต้องการพบคุณ”

อ๊า ~~~

ผู้อาวุโสต้องการพบผมหรอ?

เฝิงหยู่คิดชั่วครู่ เป็นไปได้หรือเปล่าว่าการประมูลช่วงเวลาโฆษณาจะไปกระตุ้นให้เขาไม่พอใจ? แต่ไม่มีอะไรผิดปกตินิหน่า ผมใช้เงินไปกับช่วงเวลาโฆษณามากขึ้น เป็นเพราะว่าผมกำหนดเป้าหมายไปที่บริษัท ไต้หวันพวกนั้นไม่ใช่หรอ?

“ได้ครับ ผมจะไปที่นั่นตรงเวลา”

เช้าวันรุ่งขึ้น เฝิงหยู่ปรากฏตัวที่ทางเข้าของจงหนานไห่เวลา 9.50 น. มีคนออกมาเพื่อพาเขาเข้าไปด้านในมาและเฝิงหยู่ก็มองที่นาฬิกาเมื่อเขานั่งลง ยังมีเวลาอีก 5 นาทีก่อนที่จะถึงเวลา 10.00 น.

ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออก ผู้อาวุโสถือไม้เท้าเดินเข้ามาช้าๆ

ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสมีปัญหาในการเดินอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครช่วยเขาและก็ไม่ได้ใช้รถเข็น เฝิงหยู่รีบลุกขึ้นยืนและไปช่วยเขา แต่ถูกหมอและพยาบาลห้ามเอาไว้

ผู้อาวุโสเป็นทหารมาตลอดชีวิตและไม่ต้องการให้คนอื่นมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้ เขาจะไม่มีวันยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่นตราบใดที่เขายังเดินได้

“เสี่ยวเฝิงนั่งลงสิ” ดวงตาของผู้อาวุโสขุ่นมัวและเสียงของเขาไม่ได้มีพลังเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่เฝิงหยู่บอกได้เลยว่าเขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร

“ขอบคุณท่านประธานครับ” เฝิงหยู่นั่งลงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ ผู้อาวุโสคนนี้จะเสียชีวิตหลังจากวันตรุษจีนที่จะมาถึงนี้และไม่สามารถทำตามความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเขาในการรวมประเทศของจีนได้

ในระหว่างการคืนประเทศของฮ่องกง ผู้อาวุโสไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน หลายคนบอกว่าเรื่องของการทหารนั้นทำให้เขาตื่นเต้นมากเกินไป และยังมีข่าวลือว่าสุขภาพของเขากำลังแย่ลงและรู้ว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่เขาคิดจะใช้กำลังทหารเพื่อยึดประเทศกลับมาสู่จีน

แต่แผนการทั้งหมดนี้พังหมดเพราะถูกสายลับขัดขวาง! แน่นอนว่าสหรัฐอเมริกาก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน

“เสี่ยวเฝิง ผมได้ยินมาว่าคุณไปอเมริกาในช่วงสองปีที่ผ่านมา ไปทำไมหรอ? ธุรกิจของคุณในจีนไม่ดีหรอ?”

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมมีความฝัน ผมอยากหารายได้จากต่างประเทศเพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศเราแข็งแกร่งขึ้น เศรษฐกิจของเรากำลังไปได้สวยเลยครับและก็มีโอกาสมากมาย ผมยังคงทำธุรกิจที่นี่ต่อไป” เฝิงหยู่โค้งคำนับเล็กน้อยและตอบกลับ

“ผมได้ยินมาว่าคุณเริ่มผลิตโทรศัพท์มือถือแล้ว โทรศัพท์มือถือที่ผลิตในประเทศของเราดีกว่าโทรศัพท์ในต่างประเทศหรือเปล่า?” ผู้อาวุโสถามคำถามอื่น บางทีเขาอาจพอใจกับคำตอบของเฝิงหยู่และไม่ได้ถามต่อต่อในประเด็นเดิม

“ผมไม่กล้าพูดเต็มปากว่าโทรศัพท์ของจีนดีกว่าโทรศัพท์ของต่างประเทศ แต่ผมมั่นใจว่ายอดขายและผลกำไรของโทรศัพท์เราจะติด 1 ใน 3 ของโลกภายใน 3 ปีและจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของโลกในอีก 3 ปี!”

เฝิงหยู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเรื่องง่ายที่จะเอาชนะบริษัทโทรศัพท์มือถือรายอื่นๆ ยกเว้นโนเกีย และโมโตโรล่า แต่ระยะเวลา 6 ปีก็น่าจะเพียงพอสำหรับเขาที่จะเอาชนะสองบริษัทนี้ได้

“คุณมั่นใจมาก วัยรุ่นมักจะมีไฟแรงกล้ามากกว่าพวกเรา” ผู้อาวุโสพยักหน้า

“ความมั่นใจของผมก็มาจากความสามารถของผมนั่นแหละครับ ผมเป็นคนจีนและได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากประเทศและวิศวกรของผม หากผมยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ผมก็อาจจะไม่เริ่มต้นทำธุรกิจนี้เช่นกัน” เฝิงหยู่ยืดอกและกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่า…พูดได้ดีมาก! คุณเป็นคนจีนและทั้งประเทศจะสนับสนุนคุณ!” ผู้อาวุโสพูดเสียงดัง

แต่ผู้อาวุโสอาจจะตื่นเต้นเกินไปเลยเริ่มมีอาการไออย่างหนัก แพทย์และพยาบาลตื่นตระหนกและเริ่มนวดหลังให้เขาขณะที่จ้องหน้าเฝิงหยู่

เฝิงหยู่ทำอะไรไม่ถูก เขาพูดอะไรผิดไปหรอ? เขาแค่อยากพูดให้ผู้อาวุโสรู้สึกดีขึ้น แต่สุขภาพของผู้อาวุโสอ่อนแอเกินไป

ปู่ของเฝิงหยู่ก็อายุมากเช่นกัน แต่บางทีเขาอาจจะอารมณ์ดีอยู่เสมอเลยทำให้ขามีสุขภาพดี เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ ในเวลานี้ปู่ของเขาน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ตอนนี้แพทย์ที่โรงพยาบาลของพี่สาวเขาบอกว่าปู่ของเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างสบายๆ อีก 10 ปี!

เฝิงหยู่รู้ว่าเป็นเพราะปู่ของเขาไม่มีเรื่องต้องให้เป็นห่วงและไม่ต้องกังวลอะไรเลย หลานคนหนึ่งของเขาเป็นข้าราชการ ส่วนอีกคนเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หลานเขยของเขาก็ยังเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและเขาก็มีเหลนด้วย

แต่ต่างกับผู้อาวุโส แม้ว่าเขาจะเกษียณอายุไปหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องกังวล เขาเคยต่อสู้ในสงครามและได้รับบาดเจ็บมากมายมาก่อน หากไม่มีทีมแพทย์และพยาบาล เขาอาจจะล่วงลับไปนานแล้วก็ได้

ผู้อาวุโสกลั้นหายใจและผลักมือหมอออกไป เขายังคงตั้งคำถามต่อไป “เสี่ยวเฟิง ผมได้ยินมาว่าคุณเก่งในด้านเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ แล้วเป่ยต้าฉางกรุ๊ปนี่เป็นความคิดของคุณหรอ?”

เฝิงหยู่รีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “เปล่าครับ เป็นความคิดของเลขาธิการพรรคซวี่และเลขาธิการพรรคจาง ผมแค่เสนอคำแนะนำบางอย่างในฐานะนักธุรกิจเท่านั้นครับ”

เฝิงหยู่พูดให้ความดีความชอบแล้ว เขาไม่ได้ยอมรับคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน

“ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศเราจากมุมมองของนักธุรกิจ” ผู้อาวุโสหัวเราะ

เฝิงหยู่รู้สึกหนักใจ “ประธานครับ คุณพูดเกินไปแล้ว ผมก็แค่นักธุรกิจรายย่อยและสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจหรือบริษัทได้ก็เท่านั้นครับ ผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ”

จริงๆ แล้ว เฝิงหยู่สามารถเสนอความคิดบางอย่างได้ แต่ไม่เหมาะที่เขาจะพูดอะไรเพราะเขาเป็นเพียงสามัญชนเท่านั้น เขาจะทำให้ผู้คนจำนวนมากขุ่นเคืองหากเขาให้ข้อเสนอแนะหรือแนวคิด

“เจ้าเด็กนี่! ผมยังอยู่ มีอะไรก็พูดออกมา” ผู้อาวุโสหัวเราะ

“ได้ครับ” เฝิงหยู่มองไปที่คนที่เหลือในห้องและไม่เห็นใครห้ามเขา เขาจึงพูดต่อ “การเป็นประเทศอุตสาหกรรมคือเส้นทางเดิมที่เหมาะที่สุด การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศเราดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีอันตรายซ่อนอยู่มากมาย หลายบริษัทถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันอาจจะเจ็บปวด แต่ก็มีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย การเปลี่ยนแปลงต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว! นอกจากนี้ เรายังสามารถเรียนรู้จากพัฒนาการของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งก็คือการรวบรวมทรัพยากรของบริษัท และนำมารวมเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล…”

เฝิงหยู่พูดเกือบครึ่งชั่วโมงและผู้อาวุโสถามเกี่ยวกับรายละเอียดมากมาย พนักงานที่อยู่ใกล้ๆ ใช้ปากกาบันทึกเสียงเพื่อบันทึกการสนทนาของพวกเขา

ผู้อาวุโสอารมณ์ดีและต้องการสูบบุหรี่ แต่เจ้าหน้าที่ห้ามเขาเอาไว้

เขาหัวเราะและพูดว่า “ผมไม่มีอิสระเลย แค่สูบบุหรี่ยังทำไม่ได้!”

เฝิงหยู่กล่าวอย่างรวดเร็ว “ประธานครับ คุณน่าจะลองผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต คุณเสียสละทั้งชีวิตเพื่อประเทศชาติและคุณควรหยุดพักบ้าง หลังจากฮ่องกงคืนประเทศแล้ว ผมจะเชิญคุณไปเยี่ยมบริษัทของฉันที่นั่น”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมรู้จักร่างกายตัวเองดี ผมคงอยู่ไม่ถึงตอนนั้นหรอก”

“ประธานครับ คุณจะได้เห็นฮ่องกงกลับคืนสู่จีนแน่นอน!” เฝิงหยู่พูด