เจิ้งอวี่ก้าวไปข้างหน้าเฉินเยี่ยนหนึ่งก้าว กลัวว่าพวกเธอหุนหันพลันแล่นจะทำอะไรเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนท้องอยู่ด้วย
“เยี่ยนจื่อ ไม่ได้นะ พวกฉันทำไม่มากเท่าพวกเธอจริงๆ”
คุณยายซูก็พูด เธอก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะไล่พวกหงอวี้ออก
และก็มีคนในโรงงานมามุงดู
ตอนนี้เฉินจงมาแล้ว ด้านหลังยังมีคนตามมาอีกไม่น้อย
“พี่เฉินจงมาพอดี เยี่ยนจื่อนี่จะไล่พวกเราออก พวกเราทำงานให้โรงงานไม่น้อยเลย เธอทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าไล่พวกเราออกแล้ว ใครจะทำงานให้โรงงานล่ะ? พี่เฉินจงเป็นหัวหน้าโรงงาน อย่าให้เธอมาทำเรื่องซี้ซั้วนะ”
พี่สะใภ้หงอวี้เห็นเฉินจงมาก็รีบร้องไห้ฟ้อง
“ใช่แล้ว ไม่เคยได้ยินที่เขาบอกว่าลูกสาวออกเรือนไปก็ไม่ใช่คนในครอบครัวตัวเองแล้ว บ้านไหนต่างก็อาศัยลูกชายทั้งนั้น มีลูกสาวที่ไหนเข้ามาจัดการ”
พี่สะใภ้เหม่ยเฟิ่งก็เข้ามาเสริม
“พี่เฉินจง อย่าไล่ฉันไปเลยได้ไหม? ฉันทำงานอยู่ดีๆ ถ้าพวกฉันไปแล้ว งานเยอะขนาดนั้นใครจะทำล่ะ”
พี่สะใภ้ซิ่วเฟินก็ขอร้อง
เฉินจงหน้านิ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะพูดแบบนี้
เฉินเยี่ยนยืนอยู่ตรงนั้น ท่าทางขึงขัง และไม่สนใจที่ใครมอง วันนี้จะได้ถือโอกาสพูดให้ชัดเจนไปเลย
“ตอนที่คุณยายซูและคุณยายหวางมาที่โรงงานนี้ฉันบอกชัดเจนแล้ว พวกเขาอายุมาก แต่ต้องดูแลครอบครัว ฉันให้พวกเขาทำงานที่นี่ พวกเขาทำได้เท่าไรก็เท่านั้น ฉันไม่สนใจ เพราะพวกเขาอายุมากแล้ว ทำได้เยอะไม่เท่าคนหนุ่มสาว ดังนั้นที่โรงงานเลยให้ค่าจ้างน้อย ตอนแรกทุกคนก็เห็นด้วยกันหมด ตอนนี้เพราะพวกพี่อยากจะให้คนในครอบครัวพวกพี่เข้ามา เลยร่วมมือกันกำจัดคุณยายสองคนนี้ พวกพี่ให้พวกเขาแบกกระดาษ เพราะอยากจะให้พวกเขาล้มจนบาดเจ็บ ทำงานไม่ได้ พวกพี่จะได้ถือโอกาสนี้เรียกคนที่บ้านมา ใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนถามหลายคนนี้ สีหน้าเคร่งเครียด
“พวกเขายอมทำเอง โทษพวกเราไม่ได้”
พี่สะใภ้หงอวี้โต้แย้ง
“พวกเธอยอมทำเอง? ใช่ คุณยายสองคนไม่ยอมไม่ได้ เพราะพวกเขาต้องหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว พวกพี่เคยคิดหรือเปล่า พวกเขาอายุมากขนาดนี้แล้ว ถ้าบาดเจ็บไป ถ้าล้มแล้วลุกไม่ขึ้นอีก นั่นอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้! พวกเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าพวกเขาเกิดเรื่อง จะให้คนในครอบครัวพวกเขาหวังพึ่งใคร? พวกพี่ทำแบบนี้ เคยคิดถึงโรงงานบ้างหรือเปล่า? พวกพี่เอาโรงงานไปไว้ที่ไหน! เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของตัวเอง เพื่อความเห็นแก่ตัวของพวกพี่ วันนี้พวกพี่สามารถทำร้ายคุณยายสองคนได้ แล้วพรุ่งนี้ล่ะ?”
“คนแบบนี้อยู่ในโรงงานฉันไม่สบายใจ โรงงานต้องการคนมาทำงานจริง แต่ที่ต้องการมากกว่าคือคนที่มีคุณภาพ คนที่สามารถไว้ใจได้! ฉันยอมให้งานน้อยหน่อย ยอมได้เงินน้อยหน่อย แต่ฉันได้ความสบายใจ นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงให้พวกพี่ออก พวกพี่เชี่ยวชาญ แต่ฉันไม่เสียดาย ฉันรับสมัครคนแล้ว พวกเขาก็สามารถเริ่มจากมือใหม่เป็นผู้เชี่ยวชาญได้ ทำช้าไม่เป็นไร ฉันสามารถจ้างได้หลายคน แต่ฉันไม่ต้องการคนที่ไม่รู้ถูกผิดอย่างพวกพี่ วันนี้ฉันพูดมาถึงตรงนี้ ที่โรงงานนี้ ฉันไม่ต้องการคนที่เหมือนพวกเธอ ถ้ายังมีคนแบบพวกเธออีก ก็ถือโอกาสรีบออกไปดีกว่า”
คำพูดนี้เฉินเยี่ยนพูดอย่างมีพลังมาก และเป็นความคิดของเธอจริงๆ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นทุกวัน คนเห็นแก่ตัว ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่จริงๆ
“พูดได้ดี ตอนแรกเราเคยพูดไว้แล้ว นิสัยคนสำคัญที่สุด ที่เยี่ยนจื่อพูดคือสิ่งที่ผมอยากจะพูด ทุกคนต่างเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง และก็รู้จักกัน ทำงานดี พวกเราไม่ทำให้พวกคุณลำบากแน่ ไม่ต้องพูดพวกเราก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน แต่อยู่กันอย่างสงบสุข จะดีแค่ไหน ยังไงก็ต้องเจอหน้ากัน ผมไม่อยากฉีกหน้าใคร แต่คนแบบนี้ พวกเราไม่เสียดายจริงๆ ให้บัญชีจ่ายค่าจ้าง แล้วพวกคุณก็ไปได้”
เฉินจงเห็นด้วยกับลูกสาว ตอนแรกเขาไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ถ้าในโรงงานทำงานแล้วได้รับบาดเจ็บ พวกเขาไม่โทษโรงงานแน่นอน ถึงแม้พวกเขาจะตายก็จะไม่โทษโรงงาน ยังไงพวกเขาก็อายุมากแล้ว ใครจะรู้ว่าจะเกิดโรคอะไรขึ้น
เฉินจงก็เห็นใจพวกเขาจริงๆ ดังนั้นเลยฝากฝังไว้เหมือนกัน ทำได้น้อยก็ทำได้น้อย ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เขาก็ไม่พูดอะไร
แต่คุณยายสองคนบอกว่าอยู่ที่บ้านทำงานจนชินแล้ว งานนี้สบายกว่างานเกษตรตั้งเยอะ ดังนั้นทุกวันพวกเขาทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่คิดไม่ถึงว่ายังจะโดนกำจัดอยู่ดี
“หงอวี้นั่นเธอชอบแอบเอาพวกหนังสือจากกองขอบกระดาษของกลับไป เธอยังบอกคนอื่นอีกด้วย บอกว่าเธอทำเป็นหนังสือได้ ถ้ามีคนต้องการ เธอสามารถขายให้คนนั้นได้ หนังสือพวกนั้นเป็นขงโรงงาน เธอยังเอากระดาษชำระกลับไปด้วย ขโมยไปตั้งหลายครั้ง เห็นว่าเป็นคนรู้จักกัน ฉันเลยไม่ได้พูด”
มีคนฟ้องเรื่องพี่สะใภ้หงอวี้ขโมยหนังสือของโรงงานไป
“พี่สะใภ้เหม่ยเฟิ่งก็ขโมยหนังสือ และเอากระดาษชำระกลับไปเหมือนกัน ฉันก็รู้”
มีคนแฉเหม่ยเฟิ่งเช่นกัน
เฉินเยี่ยนเห็นพวกเธอหน้าซีด โชคดีที่วันนี้เธอมา ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า
ใช่ เฉินเยี่ยนไม่สนใจหนังสือหลายเล่มนั่น ถ้าต้องการพวกเขาเอาไปก็ได้ แต่เอาหนังสือของโรงงานไปขายต่อให้คนอื่นนี่ไม่ใช่เรื่อง ส่วนกระดาษชำระ ทุกเดือนโรงงานจะแจกให้คนงานส่วนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าพวกเขายังจะขโมยไปอีก
“เชิญ ไม่อย่างนั้นมีเรื่องกันจนสุดท้ายแล้วจะดูไม่ดีนะ”
เฉินเยี่ยนขี้เกียจเสียเวลาพูดกับพวกเขาแล้ว พี่สะใภ้หงอวี้ยังทะเลาะกับคนอื่นอยู่เลย
“หึ ไม่ต้องการพวกฉันไม่ช้าก็เร็วพวกเธอจะต้องเสียใจ ฉันจะดูวันที่โรงงานพวกเธอไปไม่รอด ต้องชดใช้จนตาย”
สุดท้ายพี่สะใภ้หงอวี้เห็นเรื่องไม่สามารถหวนกลับไปเป็นดั่งเดิมได้แล้ว ขอร้องก็ไม่ได้ผลแล้ว เลยด่าสาปแช่งอย่างเกลียดชัง
นี่คือมนุษย์ ให้งานพวกเขา ตอนแรกพวกเขายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนนี้เธอกลับใช้ใบหน้าที่น่ารังเกียจที่สุดเผชิญหน้าใส่
พวกพี่สะใภ้หงอวี้ทั้งสามคนโดนคนงานไล่ออกไป ตอนแรกเฉินเยี่ยนและเฉินจงยังคิดอยู่ถึงแม้พวกเขาจะทำงานไม่ครบเดือนนี้ แต่ก็จะให้ค่าจ้างพวกเขาเต็มเดือน ต่อมาเห็นพวกเขาทำแบบนี้ เลยไม่ให้แล้ว ทำได้กี่วันก็ให้เท่านั้นวัน พวกเขาไม่หักเงินเลยสักนิด
“พรุ่งนี้รับสมัครคน พวกคุณใครที่รู้จักคนที่ทำงานเก่ง ก็สามารถแนะนำได้ แต่จะต้องเป็นคนนิสัยดี ทุกคนแยกย้ายไปทำงานได้”
เฉินจงประกาศ
ทุกคนต่างแยกย้าย
“เยี่ยนจื่อ ฉัน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี สร้างความเดือดร้อนให้พวกเธอแล้ว”
คุณยายซูไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจของเธอยังไง เธอคิดว่าจะไม่ได้อยู่ที่โรงงานนี้ต่อแล้ว ใครจะคิดว่าสุดท้ายไม่ใช่พวกเธอที่ไป แต่เป็นคนอื่น
“ไม่เป็นไร คุณยายซู คุณยายหวาง พวกคุณอยู่ที่นี่นะคะ แต่สุขภาพสำคัญ ทำไม่ไหวก็บอก อย่าไม่สนใจร่างกายตัวเอง ที่บ้านยังหวังพึ่งพวกคุณอยู่นะคะ”
เฉินเยี่ยนยิ้ม พูดปลอบ
“โอ้ย โอ้ย เด็กดี พวกเธอเป็นคนดีทั้งบ้านเลย ชาติที่แล้วฉันคงทำบุญมาดี”
แววตาคุณยายหวางรื้นน้ำตา เธอเจอซินห้าวมาก่อน ตอนนั้นซินห้าวช่วยเธอไว้ เธอจดจำอยู่ในใจมาตลอด
“พี่สะใภ้อวี่ พี่ช่วยสอนคนที่มาใหม่ คุณยายสองคนนี้ ฝากพี่ช่วยดูด้วยนะคะ อย่าให้พวกเขาทำงานมากเกินไป”
เฉินเยี่ยนฝากฝังเจิ้งอวี่ คนที่เชี่ยวชาญไปหมดแล้ว เรื่องนี้เลยต้องฝากฝังพี่สะใภ้อวี่ คนนี้ถือว่านิสัยดีอยู่ เฉินเยี่ยนเลยวางใจ
“ได้ ได้ เยี่ยนจื่อเธอสบายใจได้”
พี่สะใภ้อวี่รีบพยักหน้ารับปาก
แล้วพูดอีกหลายประโยค เฉินเยี่ยนอาเจียนไปรอบหนึ่ง จากนั้นไปที่ห้องทำงาน
ดูนาฬิกา บ่ายโมงสี่สิบห้านาทีแล้ว ซินห้าวน่าจะใกล้โทรมาแล้ว