เรื่องในอดีตหรือ
เยี่ยเม่ยใจเต้นระส่ำ
นางอยากรู้อดีตของตัวอย่างแน่นอน อยากรู้ว่าก่อนที่ลูกพี่จะเก็บนางมา ชีวิตในอดีตของนางเป็นอย่างไร อยากรู้ช่วงชีวิตที่ไม่เหลืออยู่ในความทรงจำเป็นภาพว่างเปล่าเหล่านั้น
แต่ว่า…
เรื่องที่นางจำอดีตไม่ได้ แม้แต่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนางยังไม่เคยบอก เป่ยเฉินอี้รู้ได้อย่างไร
คนที่รู้ก็มีแต่ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่อาจารย์ของตนเพียงคนเดียว แต่นางเชื่อว่าอาจารย์คงไม่ว่างงานจนวิ่งไปขายนางให้กับเป่ยเฉินอี้แน่
ดังนั้น เพราะอะไรเป่ยเฉินอี้ถึงรู้เรื่อง หรือว่าเขาข่มขู่นางกันแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้เยี่ยเม่ยใช้สายตาเย็นชามองเป่ยเฉินอี้ เสียงแข็งเอ่ยว่า “ขอโทษที่เยี่ยเม่ยไม่เข้าใจว่าท่านอี้อ๋องกำลังพูดถึงอะไร เรื่องในอดีตอันใดกัน อีกอย่างอดีตของข้าข้ารู้ดี จำเป็นต้องให้อี้อ๋องวิ่งมาบอกข้าด้วยหรือ”
เป็นไปดั่งคาด เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกไป สายตาของเป่ยเฉินอี้พลันวาวโรจน์ด้วยแววสงสัย
เยี่ยเม่ยมองเห็นแววแห่งความสิ้นหวังยุ่งเหยิงอยู่ภายในดวงตาอีกฝ่าย นางมองออกว่าความสิ้นหวังนี้หาใช่แค่สิ้นหวังในคำตอบของนางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้สึกของเขาด้วย
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเม่ยรู้สึกแปลกใจ ทั้งยิ่งอ่านใจของบุรุษผู้นี้ไม่ออก
หลังจากความผิดหวังเพียงเสี้ยวขณะของเป่ยเฉินอี้ผ่านไป เขาก็มองเยี่ยเม่ย เอ่ยด้วยเสียงสุขุมว่า “อย่างนั้น ไม่รู้ว่าแม่นางเยี่ยเม่ยจะสนใจตามข้าไปสถานที่สามแห่งหรือไม่ บางทีหลังจากไปแล้ว แม่นางเยี่ยเม่ยอาจมีคำตอบที่ต่างออกไป!”
เขาเอ่ยเช่นนี้ สายตาจ้องมองอารมณ์เยี่ยเม่ยตลอดเวลา
เยี่ยเม่ยรู้ดี คนเบื้องหน้านี้คือศัตรูหาใช่มิตร ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร นางต้องไม่ให้เป่ยเฉินอี้รู้เรื่องที่นางลืมอดีตแน่ ไม่เช่นนั้นจะถูกเขาจับจุดอ่อนอื่นได้
แต่นางก็มีความประหลาดใจอยู่มาก เป่ยเฉินอี้จะพานางไปที่ไหนกัน ทั้งยังจะ…ทำให้นางคิดอะไรได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ
แต่…
“ขอบคุณคำเชิญของท่านอ๋อง ในเมื่อเยี่ยเม่ยไม่มีเรื่องในอดีตใดๆ ที่จำเป็นต้องรับรู้ เช่นนั้นย่อมไม่จำเป็นต้องติดตามท่านอ๋องไปสามสถานที่ที่ท่านเอ่ยถึง ดังนั้นคงทำให้ท่านอ๋องผิดหวังแล้ว!” นางไม่ยินยอมให้บุรุษผู้นี้ พบจุดอ่อนของตนแม้แต่น้อยนิด
ทว่า…
นางก้มหน้าลงน้อยๆ ปิดบังความเจ้าเล่ห์ที่ฉายออกมาจากแววตา
นางมั่นใจว่า เป่ยเฉินอี้ต้องเตรียมตัวมาอย่างดี ต้องบีบให้นางติดตามเขาไปที่เหล่านั้นจนได้ ดังนั้นนางจงใจปฏิเสธ จุดประสงค์ก็คือไม่ให้เป่ยเฉินอี้มองออกว่าความจริงแล้วนางอยากรู้อดีตของตนมาก
ส่วนเป่ยเฉินอี้ต้องบีบบังคับนางไปแน่…
เช่นนี้ เป้าหมายในการปิดบังเรื่องความจำเสื่อมของนางก็บรรลุผล และตามหาอดีตของตัวเองก็ทำได้เช่นเดิม
เป็นจริงดังคาด
เป่ยเฉินอี้ไม่ชอบใจการปฏิเสธของเยี่ยเม่ย สายตาเย็นเยียบของเขามองไปยังกล่องผ้าต่วนบรรจุยาสมุนไพรในมือของนาง เอ่ยเสียงแข็งว่า “อย่างนั้นแม่นางเยี่ยเม่ยไม่ลองใคร่ครวญดูสักหน่อยว่า หากเป่ยเฉินอี้ลงมือรั้งแม่นางเยี่ยเม่ยเอาไว้ เจ้าจะรับรองได้อยู่หรือไม่ว่าเจ้าจะนำยากลับไปช่วยชีวิตจิ่วหุนที่ชายแดนได้ทันเวลา!”
“ท่าน…” เยี่ยเม่ยจวนเจียนจะเดือดขึ้นมาแล้ว หน้าคล้ำมองเป่ยเฉินอี้
เป่ยเฉินอี้ข่มขู่ขนาดนี้ ความจริงไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของนาง ทั้งยังตรงกับความคิดของนางมาก ทำเช่นนี้นางก็สามารถแสดงบท ‘คนที่ไม่เคยสูญเสียความทรงจำ แต่เพราะถูกเป่ยเฉินอี้ข่มขู่ด้วยชีวิตจิ่วหุน ถึงต้องเล่นไปตามบทที่เขาต้องการ ’
เป่ยเฉินอี้รู้อยู่แก่ใจ ไม่ว่าเยี่ยเม่ยจำเรื่องในอดีตได้จริงหรือไม่ เวลานี้เขาจะต้องบรรลุเป้าหมายของตัวเองให้ได้ ดังนั้นภายใต้การแสดงออกของเยี่ยเม่ยจะจริงหรือเท็จ เขาล้วนไม่ใส่ใจ
สิ่งที่เขาต้องการ ก็คือบรรลุจุดประสงค์ของตัวเองเท่านั้น
สายตาลุ่มลึกของเขา กวาดมองจงรั่วปิงและซินเยว่เยี่ยนแล้วมองไปยังเยี่ยเม่ย “ขอเพียงแม่นางเยี่ยเม่ยเดินทางไปยังสถานที่ทั้งสามแห่งนั้น ข้าจะปล่อยแม่นางทั้งสองนำยากลับไปยังชายแดน!”
ยามนี้ซินเยว่เยี่ยนมุ่นคิ้วอย่างไม่วางใจ มองเยี่ยเม่ย “ไม่ได้! หากทิ้งเจ้าไว้คนเดียว เกรงว่าเขาจะทำเรื่องไม่ดีกับเจ้า!”
สิ้นเสียงของนาง
น้ำเสียงทุ้มน่าฟังของเป่ยเฉินอี้ดังขึ้นอีกครั้ง “แม่นางเยี่ยเม่ยวางใจ ข้าแค่อยากพาเจ้าไปสามที่เท่านั้น เป่ยเฉินอี้รับรองว่าไม่มีทางทำอันตรายให้กับเจ้า อย่างน้อยครั้งนี้จะให้แม่นางเยี่ยเม่ยกลับชายแดนอย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน!”
เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินอี้ ทำเป็นถามด้วยความกังวล “ข้าจะเชื่อคำรับรองของท่านได้อย่างไร”
เป่ยเฉินอี้กลับไม่รีบร้อนให้คำสาบานร้ายแรง กลับใช้สายตาเจือรอยยิ้มมองเยี่ยเม่ย “ไม่ว่าเชื่อหรือไม่ แม่นางเยี่ยเม่ยคงไม่กล้าเอาชีวิตของจิ่วหุนมาเดิมพันกับข้าใช่หรือไม่”
เขาพูดออกมา เยี่ยเม่ยพลันหัวเราะเสียงเย็น ท่าทางไม่ยินดีหันหลังไปมองจงรั่วปิงและซินเยว่เยี่ยน “พวกเจ้าสองคนช่วยนำยากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะไปกับเขา ดูว่ามีลูกไม้อะไรบ้าง!”
“เยี่ยเม่ย!” จงรั่วปิงไม่เห็นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเป่ยเฉินอี้เป็นคนเช่นไร นางรู้ดีอย่างยิ่ง บิดาของนางเคยบอกว่า ทั่วทั้งราชสำนักเป่ยเฉินคนที่ไม่ควรไปหาเรื่องมากที่สุด นอกจากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้วก็คือเป่ยเฉินอี้ เยี่ยเม่ยตามเขาไปต้องมีอันตรายแน่
เยี่ยเม่ยมองปลอบนาง “วางใจเถอะ ในเมื่อเป่ยเฉินอี้เอ่ยเช่นนี้ คงไม่ทำอะไรข้าแน่ อย่างไรข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าจู่ๆ เขาจะลงมือสังหารข้า จากนั้นกลับไปทำเรื่องโง่งมอย่างต่อยตีกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจนตายไปข้างหนึ่ง อีกอย่างอาศัยความสามารถของข้า เขาจะฆ่าข้าได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่!”
คำพูดนี้นางจงใจเตือนเป่ยเฉินอี้ ให้เขาอย่าทำเรื่องโง่งม
กลับคิดไม่ถึงว่า เป่ยเฉินอี้ฟังแล้วไม่ใส่ใจเลยสักน้อย ถึงกับเอ่ยเห็นด้วย “แม่นางเยี่ยเม่ยพูดไม่ผิด ไม่ขอปิดบัง ข้าถูกพิษ ครั้งก่อนตอนประมือกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เชื่อว่าแม่นางเยี่ยเม่ยมองสภาพร่างกายของข้าออก สำหรับข้าแล้ว คิดรั้งแม่นางเอาไว้ง่ายมาก แต่คิดสังหารแม่นางกลับไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
คำพูดเขาก็เท่ากับทำลายความกังวลของเยี่ยเม่ย ทำให้เยี่ยเม่ยเชื่อมั่นว่าเขาไม่มีแผนทำร้ายนางแน่ แค่ต้องการให้เยี่ยเม่ยค้นหาอดีตเท่านั้น
นี่ทำให้เยี่ยเม่ยเกิดความสงสัยขึ้นมาในสมอง
หรือว่าเป่ยเฉินอี้รู้เรื่องในอดีตของนางจริงๆ
คราวนี้ซินเยว่เยี่ยนเสนอว่า “ไม่อย่างนั้นข้าอยู่นี่เพื่อคุ้มกันเจ้า ให้ปิงปิงเอายาไป”
“ไม่ได้!” เยี่ยเม่ยปฏิเสธ “ตอนนี้ทุกอย่างต้องเห็นความปลอดภัยของจิ่วหุนมาเป็นอันดับแรก หากศัตรูของเขารู้ว่าพวกเราได้สมุนไพรมา ลอบจู่โจมระหว่างทาง พวกเจ้าสองคนรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ หากจงรั่วปิงเดินทางลำพังถูกซุ่มโจมตีขึ้นมาไม่มีคนช่วยรั้งท้าย ไม่อาจส่งยาได้ อย่างนั้นจิ่วหุนก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว! เจ้าไปกับจงรั่วปิงเถอะ เอายากลับไปส่ง ถึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง! วางใจได้ ข้าไม่เกิดเรื่องหรอก!”
“คือ…” ถึงซินเยว่เยี่ยนไม่วางใจ แต่เห็นสีหน้าหนักแน่นของเยี่ยเม่ยก็ไม่พูดอะไร “อย่างนั้นก็ดี เจ้าก็ต้องระวังไว้!”
“อืม! พวกเจ้าไปเถอะ!”
เมื่อเอ่ยจบ ซินเยว่เยี่ยนกับจงรั่วปิงก็จากไป เยี่ยเม่ยมองส่งพวกนางจากไปไกล ค่อยเดินมาถึงหน้ารถม้าของเป่ยเฉินอี้ “เยี่ยเม่ยขอดูหน่อยว่า ท่านอี้อ๋องมีลูกไม้อะไรกันแน่!”