TB:บทที่ 320 การแก้แค้นของพวกชาวญี่ปุ่น (2)

ในไม่ช้า เฉินหลงก็ได้พาลูกน้องและจี้โม่ซีออกมานอกปราสาท เนื่องจากว่าระดับพลังของเฉินหลงในตอนนี้คือระดับหลอมรวมธรรมชาติ จึงมีโล่ล่องหนคลุมร่างกายของเขาอยู่ ในตอนที่ฝนตกอยู่นั้นเม็ดฝนได้กระทบกับโล่กลายเป็นน้ำฝนไหลออกทางด้านข้าง จึงไม่มีเม็ดฝนแม้แต่เม็ดเดียวตกลงมาบนตัวเขา

“คุณเฉิน คุณใช้ให้เขาไปเรียกพวกเราทุกคนออกมา เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” แอนเดสที่เพิ่งเดินมาถึงหันไปถามเฉินหลงด้วยความสงสัย
เมื่อกี้นี้ เขากำลังเพลิดเพลินไปกับการฆ่าเหล่าสัตว์ประหลาดในนิวเวิล์ดอยู่ แต่จู่ๆหวู่เต่าเทียนก็เข้ามาขัดจังหวะ ถ้าไม่ใช่เพราะหวู่เต่าเทียนเป็นลูกน้องของเฉินหลง เขาก็คงระเบิดลงไปแล้ว
“คุณแอนเดส นี่ คุณไม่รู้เลยเหรอครับว่าเรามีแขกคนอื่นอยู่ในนี้ด้วย” เฉินหลงส่งยิ้ม

เมื่อได้ยินประโยคของเฉินหลง ทันใดนั้นแอนเดสก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของพวกนินจาในทันที นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้ว่านินจาทั้งหมดล้วนเป็นพวกต่ำช้า
“โอ้พระเจ้า! พวกแกเป็นใคร พวกแกกล้ามาเหยียบที่นี่แสดงว่าพวกแกอยากตายมากใช่ไหม?” แอนเดสตะโกนออกมาสุดเสียง ปลดปล่อยพลังแห่งความมืดออกมา และโจมตีนินจาคนหนึ่งที่ใช้วิชาซ่อนตัวอยู่
“พลังแห่งความมืด!”

เมื่อเห็นแอนเดสเริ่มต่อสู้ เฉินหลงกลับไม่ได้ห้ามปรามอีกฝ่ายไว้ เพราะเขาเองก็อยากเห็นพลังของพ่อมดแห่งศาสตร์มืดที่มีอยู่ในโลกนี้เช่นกัน
พลังแห่งความมืดของแอนเดสสามารถโจมตีได้ในวงกว้างทำให้นินจาได้เผยตัวออกมาในทันที เมื่อกี้นี้มีนินจามากกว่ายี่สิบคนที่ถูกโจมตีด้วยพลังแห่งความมืดของแอนเดส
เนื่องจากพวกเขาทุกคนมีพลังต่ำกว่าระดับหลอมรวมธรรมชาติ ทันทีที่พลังแห่งความมืดสัมผัสกับร่างกายของนินจา มันก็เริ่มกัดกินร่างกายของพวกเขาเหมือนกับยาพิษรูปแบบหนึ่ง

“อ๊ากกกกก”
เหล่านินจาที่ถูกพลังแห่งความมืดต่างกรีดร้องออกมา นินจาทุกคนรีบใช้มือปัดพลังแห่งความมืดให้ออกไปจากร่าง แต่เมื่อสัมผัสโดนพลังแห่งความมืดแล้ว มือของพวกเขาก็เริ่มถูกพลังนั้นกัดกิน
ไม่นาน นินจาที่ถูกพลังแห่งความมืดกัดกินร่างก็ได้สลายกลายเป็นขี้เถ้าหายไปในอากาศทีละคน
จากนั้นเสียงกรีดร้องของนินจาที่อยู่ระดับกำเนิดที่กังโชส่งตัวมาก็ได้หายไปจากปราสาททันที
“แอนเดส โจมตีได้สวย” เมื่อได้เห็นผลจากการโจมตีที่ยอดเยี่ยมของแอนเดส เฉินหลงจึงกล่าวชมอีกฝ่าย

แอนเดสส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า “พลังที่ผมใช้ไปเมื่อกี้ยังอ่อนเกินไป แต่ถ้าพ่อมดแห่งศาตร์มืดในสภาแห่งศาสตร์มืดใช้ท่าเมื่อกี้ล่ะก็ ผมบอกเลยว่าพวกศัตรูตายเรียบ!”
“แล้วพลังนั่นสามารถฆ่าคนที่มีพลังระดับหลอมรวมธรรมชาติได้ไหม?” เฉินหลงรู้ว่ามีในหมู่นินจามีนินจาที่มีพลังระดับนี้อยู่สองคน
“น่าจะไม่นะครับ แต่เขาจะต้องได้รับบาดเจ็ดแน่นอน” แอนเดสส่ายหัว “ว่าแต่ ทำไมคุณเฉินถึงได้ถามแบบนั้นล่ะครับ?”

พลังของพ่อมดแห่งศาสตร์มืดในสภาแห่งศาสตร์มืดนั้นอยู่ในระดับจอมเวทและดวงวิญญาณที่พังทลาย เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฆ่าคนที่มีพลังระดับหลอมรวมธรรมชาติได้ด้วยพลังแห่งความมืดภายในครั้งเดียว
“ก็เพราะในหมู่นินจาพวกนั้นมีคนที่มีพลังระดับหลอมรวมธรรมชาติอยู่นะสิครับ”เฉินหลงยิ้มพร้อมกับตอบเสียงดัง “เจ้าชาวญี่ปุ่น นี่พวกแกจะซ่อนตัวอีกนานไหม เผยตัวออกมาซะ หรือว่าจะให้ฉันจัดการพวกนายซะตอนนี้เลย ดีไหม?”

ทันทีที่เฉินหลงพูดจบกลับไม่มีนินจาคนไหนกล้าเผยตัวออกมา ขึ้นชื่อว่าเป็นนินจาจำเป็นต้องมีความอดทน แล้วเฉินหลงคนนี้เป็นใครกันถึงได้กล้าสั่งให้พวกเขาเผยตัวออกมาแบบนี้
แต่ในหมู่นินจาที่ซ่อนตัวอยู่ กลับมีนินจาคนหนึ่งที่วิ่งออกไปจากประสาทเงียบๆ คนๆนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นซากุระ พลังของเฉินหลง ซากุระเคยเห็นมากับตา มันทั้งทรงพลังและน่ากลัว ถึงตอนนั้นเขาจะเห็นแค่พลังฝ่ามือของเฉินหลง แต่เขาก็มั่นใจว่าพลังที่แท้จริงของเฉินหลงก็คงทรงพลังไม่ต่างจากฝ่ามือของเขา

ตอนนี้ มีนินจาอยู่ในปราสาทของเขาสามสิบคน โดยมีนินจาสามคนมีพลังปราณบริสุทธิ์และมีนินจาอีกสองคนมีพลังระดับหลอมรวมธรรมชาติ ซากุระที่หนีไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น และหัวหน้ากังก็ยังไม่รู้เรื่องนี้
“ถ้าพวกแกยังไม่ออกมา ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน” พูดจบ เฉินหลงก็เริ่มอัญเชิญร่างเทพอวตาร แต่วิญญาณยักษ์ยังไม่ได้เข้าสู่ร่างเฉินหลงในทันที
เทพอวตารองค์นี้เป็นเทพที่มีพลังดวงจิตอ่อนมากในการอัญเชิญเทพมาสวมร่าง แต่เพราะพลังของเฉินหลงในตอนนี้ การอัญเชิญเทพจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายไม่ต่างอะไรกับการดื่มน้ำ

เฉินหลงใช้พลังอัญเชิญเทพ ทำให้ตอนนี้เขามีร่างอมตะประดุจเทพแห่งดวงจิตที่ได้อัญเชิญมา
เมื่อเห็นว่าลมหายใจของเฉินหลงต่างไปจากเดิม ดวงตาของหวู่เต่าเทียนก็ลุกวาวด้วยความอิจฉา ถ้าเขาได้ฝึกวิชาเวทต่อสู้ มันจะดีขนาดไหน แต่ก็ไม่เป็นไร เขาเชื่อเสมอว่าตราบใดที่เขามีจิตใจที่เข้มแข็งและอดทนทำงานอย่างหนัก สักวันเขาจะต้องได้ฝึกวิชาเทพต่อสู้อย่างแน่นอน

“ในเมื่อพูดดีๆแล้วไม่ฟัง ก็อย่าหวังว่าฉันจะยอมพูดกับพวกแกอีกเป็นครั้งที่สอง” หลังจากเชิญเทพวิญญาณยักษ์ออกมาแล้ว เฉินหลงก็หันไปออกคำสั่งกับเต่ากวงหาน
เมื่อเห็นเฉินหลงที่ยังคงควบคุมสติครบถ้วนหลังจากที่อัญเชิญเทพเข้ามาสิงร่างแล้ว ความอิจฉาของหวู่เต่าเทียนที่มีต่ออีกฝ่ายก็เพิ่มมากขึ้น เขาเคยฝึกวิชาเทวาจุติ แต่หลังจากที่อัญเชิญวิญญาณเข้ามาสิงสู่กลับไม่เคยควบคุมสติของตัวเองได้เลยสักครั้ง เขายังไม่แข็งแกร่งเท่าเฉินหลง หากเปรียบเทียบกับวิชาอัญเชิญเทพของเฉินหลงแล้ว วิชาเทวาจุติก็เป็นได้แค่ร่างทรงของทวยเทพเท่านั้น

เมื่อได้ยินคำสั่งจากเฉินหลง เต่ากวงหานและลูกน้องคนอื่นๆจึงรีบตามนินจาที่หลบหนีออกไปจากปราสาททันที
ในเมื่อนินจาพวกนี้กล้ามาหาเรื่องบอสของเขาถึงที่นี่ เพราะฉะนั้น ฆ่ามันซะ!
แอนเดสแผดส่งเสียงร้องใส่ศัตรูตรงหน้า ชาวญี่ปุ่นพวกนี้บังอาจเพิกเฉยต่อสภาแห่งศาสตร์มืด มันต้องตาย!

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากวันนี้ เขาต้องให้คนของสภาเป็นผู้ดำเนินการต่อ หากให้คนที่มีฐานะต่ำอย่างเขาเป็นคนจัดการคงจะยุ่งยากเกินไป
ในขณะที่คนอื่นๆเริ่มเคลื่อนไหว ทางเฉินหลงเองก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เริ่มจากยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบพื้นหนึ่งที พลังมหาศาลจากฝ่าเท้าของเฉินหลงที่กระแทกกับพื้นทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ
นินจาห้าคนที่ซ่อนตัวอยู่ตามพื้นถูกพลังของเฉินหลงทำให้เลือดสีสดไหลทะลักออกมาจากมุมปาก แล้วล้มลงนอนที่พื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ในทันที
เฉินหลงที่ได้เห็นพลังเสียงล่องหนของหวู่เต่าเทียน จึงได้นำมันออกมาใช้ในทันที
หากแต่การโจมตีของเฉินหลงนั้นแตกต่างกับการโจมตีของหวู่เต่าเทียนอย่างสิ้นเชิง

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในไม่กี่วันที่ผ่านมา การโจมตีของหวู่เต่าเทียนทำให้นินจาที่ซ่อนตัวอยู่ปรากฏตัว ในขณะที่การโจมตีของเฉินหลงทำให้นินจาที่ซ่อนตัวอยู่กลางอากาศปรากฎตัวและได้รับบาดเจ็บจนสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปทันที แม้แต่นินจาที่มีพลังปราณบริสุทธิ์สามคนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ส่วนนินจาที่มีพลังหลอมรวมธรรมชาติสองคนของกังโชก็ได้ปรากฎตัวออกมา
การโจมตีของอีกฝ่ายทำให้นินจาปรากฎตัว ในตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“แข็งแกร่ง.. แข็งแกร่งมาก ถ้านายมาคนเดียว นายอาจฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้” กังโชจ้องมองเฉินหลงขณะที่เอื้อมมือไปกอบกุมดาบนินจาที่เสียบอยู่ที่เอวของตน “น่าเสียดายที่นายยังมีจุดอ่อน และจุดอ่อนของนายก็คือผู้หญิงที่อยู่ข้างหลัง บางที ผู้หญิงคนนี้อาจทำให้พวกเราชนะ…”
กังโชและสหายของเขาหันมามองหน้ากันแล้วชักดาบออกมาโจมตีเฉินหลง โดยที่คนหนึ่งโจมตีเฉินหลง ส่วนอีกคนโจมตีจี้โม่ซี