ดังนั้น หลังจากที่กู่ซินเยียนฟื้นขึ้นมา นางจึงไม่ได้เจอกับจวินอู๋เสีย แม้ว่ากู่อี้จะไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของจวินอู๋เสีย แต่จวินอู๋เสียก็ตั้งใจที่จะฆ่ากู่อี้ เพียงแต่การโจมตีครั้งสุดท้ายนั่นถูกกู่ซินเยียนขวางเอาไว้
หากมองมุมนี้ จวินอู๋เสียก็คือคนฆ่าพ่อของกู่ซินเยียนไม่ใช่หรือ?
จวินอู๋เสียคิดไม่ถึงว่ากู่ซินเยียนจะไม่เกลียดนาง และตัวนางเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก นางช่วยกู่ซินเยียนก็เพราะกู่ซินเยียนไม่ใช่คนชั่วร้าย และไม่เคยทำเรื่องชั่วอะไร ก็แค่นั้นเอง
ดวงตาของกู่ซินเยียนฉายแววเจ็บปวด นางสูดหายใจเข้าลึก แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
“พ่อข้า……ไม่ได้ถูกเจ้าฆ่า ข้าไม่เกลียดเจ้า” ความเจ็บปวดในอกของกู่ซินเยียนเพิ่มขึ้น อารมณ์ที่อธิบายไม่ได้อัดแน่นอยู่ภายใน นางควรจะเกลียด แต่ก็เกลียดไม่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่อาชญากรรมของสิบสองวิหารถูกเปิดเผยออกมา กู่ซินเยียนก็ไม่รู้ว่านางควรรู้สึกเกลียดหรือไม่ novel-lucky
ในอดีต นางเป็นคุณหนูแห่งวิหารมารโลหิต เป็นธิดาแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจซึ่งทุกคนพากันประคบประหงมเอาใจ กู่อี้ตามใจนางทุกอย่าง ทำทุกทางที่ทำได้เพื่อดูแลฝึกฝนนาง พยายามทำให้นางกลายเป็นประมุขวิหารมารโลหิตคนต่อไป แต่เนื่องจากกู่ซินเยียนยังอายุน้อย แถมยังเป็นผู้หญิง กู่อี้จึงหลีกเลี่ยงทั้งโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ไม่ให้กู่ซินเยียนรับรู้ถึงการกระทำที่ไม่อาจพูดได้ทั้งหมดของวิหาร ทั้งหมดที่กู่ซินเยียนรู้ก็คือพ่อของนางอาจทำความชั่วบางอย่าง และเมื่ออาชญากรรมทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมา ตอนนั้นเองกู่ซินเยียนถึงได้รู้ว่าพ่อของนางและประมุขวิหารคนอื่นๆทำเรื่องน่ากลัวเพียงใด
แต่…….
นั่นคือพ่อของนาง นางจะรังเกียจเขาได้อย่างไร?
หลังจากที่นางฟื้นขึ้นมา นางก็ได้รับการต้อนรับด้วยข่าวการตายของพ่อนาง และคนที่ฆ่าพ่อนางก็คือกู่อิ่ง……คนที่นางมองว่าเป็นพี่ชายของนาง
วิหารมารโลหิตถูกทำลาย ตอนแรกนางแทบจะเสียสติ ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังจนเป็นบ้าไปเล็กน้อย คนของวิหารหยกวิญญาณก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้นางเลย เนื่องจากจวินอู๋เสียเป็นคนช่วยนางเอาไว้ พวกเขาจึงปฏิบัติกับนางอย่างสุภาพ ไม่ได้จำกัดเสรีภาพของนางแต่อย่างใด
นั่นเป็นเหตุร้ายครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของกู่ซินเยียน นางหนีออกจากสาขาของวิหารหยกวิญญาณและกลับไปที่เมืองซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของวิหารมารโลหิต แต่เมื่อนางเข้าไปในเมืองที่คุ้นเคย ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าแม้ว่าจะคุ้นเคยดี……แต่ก็แปลกไปเช่นกัน
ชาวเมืองที่เคยอยู่ด้วยความกลัวและกังวลต่างยิ้มแย้มแจ่มใส พวกเขายังคงใช้ชีวิตแบบเดิม แต่มีความสุขความเบิกบานใจมากขึ้น
กู่ซินเยียนพักอยู่ในเมืองนานกว่าหนึ่งเดือน ในช่วงเวลานั้นนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าการทำลายวิหารมารโลหิตได้นำความสุขมาให้ชาวเมืองมากเพียงใด……
นางไม่รู้เลยว่าพวกชาวเมืองเกลียดพ่อของนางมากขนาดนั้น
จวินอู๋เสียมองกู่ซินเยียน และไม่เห็นแววตาเสแสร้งหลอกลวงจากกู่ซินเยียนเลย ราวกับทุกอย่างที่นางพูดออกมาคือสิ่งที่นางคิดอยู่ในใจจริงๆ
“ข้ามาหาเจ้าวันนี้ก็ไม่ใช่อะไร แค่อยากจะ……ขอบคุณเจ้า……ที่ช่วยชีวิตข้า” กู่ซินเยียนมองจวินอู๋เสียที่ใบหน้าเปลี่ยนไป ภาพเด็กหนุ่มผู้สง่างามที่ประทับอยู่ในใจนางค่อยๆเลือนรางไป แต่ความรู้สึกแปลกๆยังคงติดอยู่ในใจนาง ทำให้นางไม่สามารถเกลียดจวินอู๋เสียได้
จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้าเป็นคนทำร้ายเจ้าบาดเจ็บ เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ในอนาคตไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนก็ตาม จะไม่มีใครห้ามเจ้า และเจ้าสามารถมาแก้แค้นข้าได้ทุกเมื่อ ข้ากับเจ้าไม่มีบุญคุณอะไรต่อกัน”
เสียงของจวินอู๋เสียนุ่มนวล แต่ทำให้กู่ซินเยียนสั่นสะท้านเล็กน้อย มุมปากของนางปรากฏรอยยิ้มขมขื่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ