เมื่อเขามาถึงเขาสวมหน้ากากสีเงินอีกครั้งและเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ด้วยสิ่งที่ได้จากแดนมณี เขามีได้ทุกสิ่งรวมถึงเกราะล้ำค่าและชุดวิเศษ เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ชายหนุ่มลึกลับก็ได้เกิดขึ้น เขาสวมชุดอันตระการตาและดูสง่างาม เส้นผมสีเงินร่ายรำไปข้างหลังอย่างงดงาม เขาไม่ต่างจากเจ้าชาย
ซือหยูก้าวเข้าเมืองและหยุดที่หน้ากระโจมของหอคอยเทพีสวรรค์หน้ากระโจมมีหญิงสาวอายุน้อยเดินสวมชุดไหมบางที่ลอยล่องรอบตัวพวกนางดั่งเมฆาหลากสี ไม่มีใครละสายตาจากนางเหล่านั้นได้เลย
“โอ้เจ้าชายของข้า นี่คือสาวงามจากหอคอยเทพีของเรา แต่ละคนขึ้นชื่อด้านความงาม มาเล่นกับพวกเราสิ เจ้าชาย ข้ายืนยันว่าท่านจะได้มีช่วงเวลาดี ๆ”
หญิงสาวที่แก่กว่าเล็กน้อยเอนกายบนตัวซือหยูและพูดกระเซ้าเย้าแหย่เขา มีแสงประกายที่ชุดของซือหยูสตรีที่อยู่บนโลกอันต้องใช้สัมผัสเฉียบคมย่อมรู้ทุกสิ่ง นางรู้ทันทีว่าซือหยูสวมชุดล้ำค่ามาก นางตาเป็นประกายกว่าเดิม นางเริ่มขยับตัวเพื่อยั่วยวนซือหยู
“เวลาดีจริงๆ”
ซือหยูแสยะยิ้ม
“แต่มาตรฐานข้าสูงข้าต้องการหญิงสาวสูงร้อยหกสิบหก น้ำหนักหกสิบหกที่อายุสิบหก เจ้ามีคนแบบนี้หรือไม่?”
นางตาเป็นประกายนางตอบอย่างมีเสน่ห์
“โอ้เจ้าชายของข้า ผู้หญิงแบบใดกันที่เราไม่มีในหอคอยเทพีสวรรค์? ใยไม่เข้าไปดูเล่า?”
ซือหยูรีบเข้าไป
“เรียกลูกท้อน้อยออกมารับแขกเรา”
นางสั่งข้ารับใช้
“พี่หยูลูกท้อน้อยอยู่กับแขกของเราแล้ว” ข้ารับใช้รีบพูด
“นี่เป็นแขกพิเศษ!”
พี่หยูตอบกลับทันควัน
ข้ารับใช้เข้าใจความหมายของนางและรีบไปหาลูกท้อน้อย
“เจ้าชายโปรดตามข้ามา”
ซือหยูถูกพาไปยังห้องหรูหราที่มีกำแพงหนาไว้กันเสียงจากภายนอกในระหว่างเวลาของความสุข ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครได้ยิน ห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างดี
เขาเดินในห้องสักระยะพี่หยูเดินเข้าประตูมาด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวสวมชุดสีเหลืองอ่อนลายกระเรียนเดินเข้ามาช้า ๆ นางสูงร้อยหกสิบหก น้ำหนักหกสิบหก และอายุสิบหกปี
“ลูกท้อน้อยมาพบท่านแล้ว”
นางยิ้มอย่างเขินอายใบหน้านางเปล่งประกายความบริสุทธิ์ รอยยิ้มนางทำให้สายตาของทุกคนสว่างใสขึ้น แต่ซือหยูรู้ว่าสตรีเช่นนี้เพียงแค่แสร้งทำเท่านั้น เขาพูดอย่างใจเย็น
“เจ้าราคาเท่าไหร่?”
ลูกท้อน้อยผงะและพูดออกมาเบาๆ
“คืนละเก้าพันดวง”
“ย่อมได้ข้าจะให้เจ้าเก้าสิบเก้าพันดวง”
ซือหยูตอบนี่คือสัญญาณลับสำหรับสายลับตำหนักโลหิต หากมีหนึ่งคนเสนอราคาเก้าพัน อีกคนต้องตอบว่าเก้าสิบเก้าพัน สิ่งนี้มีไว้เพื่อยืนยันตัวตนของกันและกัน
ลูกท้อน้อยตกใจครู่สั้นๆ ก่อนจะกระโจนเข้าอ้อมแขนของซือหยูราวกับลูกนกน้อยที่กระโดดเข้ารัง
“นับจากนี้ไปข้าเป็นของเจ้าชาย!”
คำพูดนี้เองก็เป็นสัญญาณระหว่างสายลับแต่ถึงอย่างนั้นซือหยูก็รู้สึกแปลก เขาผลักสาวน้อยออกไปด้วยความใจเย็น
“เรายืนยันตัวตนไปแล้วไม่จำเป็นต้องตรงไปตรงมาขนาดนั้น” ลูกท้อน้อยตอบด้วยความตกใจ
“ตัวตนอะไรกัน?เจ้าชาย ข้าคือลูกท้อน้อย เป็นคนสนองท่าน หากให้เงินมาเมื่อใด ข้าก็เป็นของท่าน”
ช้าก่อน!นี่มันอะไรกัน?! นี่ไม่ใช่ข้อความของสายลับ!
ซือหยูยืนขึ้นทันที
“ส่งคนอื่นมา!”
ลูกท้อน้อยใบหน้าแข็งทื่อนางรีบจัดเสื้อผ้าและออกจากห้องไปด้วยความโมโห
“ข้าคิดว่าจะได้เจอกับพวกคนรวยโง่เง่าเสียอีก!ข้าบอกเก้าพันแล้วเขาเสนอให้ข้าเก้าหมื่นเก้าพัน! เจ้านั่นก็แค่ท่อนไม้ไร้ความรู้สึก! กล้าดียังไงที่ไล่ข้าออกมา?!”
ทันทีที่ออกมาหน้าประตูลูกท้อน้อยพร่ำบ่นกับพี่หยู
เส้นเลือดที่หน้าผากซือหยูปูดโปนแม้ว่ากำแพงจะหนา คำพูดของนางก็มาถึงเขาอยู่ดี ลูกท้อน้อยเป็นโสเพณีจริง ๆ! แล้วสายลับตัวจริงอยู่ที่ไหนกัน?
เอี๊ยด
พี่สาวหยูเข้ามาเมื่อประตูเปิดด้านหลังนางคือเด็กสาวสูงร้อยหกสิบหก น้ำหนักหกสิบหก และอายุสิบหกปี
อีกแล้วรึ?ซือหยูสงสัย
“เจ้าชายน้อยโปรดรับประทานอาหารกับสุราเสียก่อน ข้ามั่นใจว่าท่านมีเรื่องจะพูดอีกมากเชียวล่ะ”
พี่สาวหยูปิดประตูคำพูดของนางดูน่าสงสัย แต่ซือหยูก็ไม่เข้าใจนาง นางมาเพื่อทดสอบเขารึ? และนางเองก็เป็นสายลับของจริง? ถ้าเป็นเช่นนี้ สายลับตัวจริงก็ถูกปกป้องเป็นอย่างดี
“เท่าไหร่?”
“เก้าพัน”
“ข้าจะให้เจ้าเก้าสิบเก้าพัน!”
“นับแต่นี้ไปข้าเป็นขององค์ชาย” นางใจเย็นอย่างมากใบหน้านางไร้อารมณ์
“เจ้าควรจะยิ้มแล้วกอดข้า”
“ใยข้าต้องทำเช่นนั้นเล่า?”
“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
นางนั่งตรงข้ามกับซือหยูนางมองตรงมายังเขาด้วยแววตาเย็นชา
“พูดมาเจ้ามาหาเราทำไม?”
นางคือสายลับตัวจริง
ซือหยูไม่ตอบคำถามของนาง
“พาเสวี่ยเหลียนมาเจอข้า”
“เจ้าพูดกับข้าได้”
หญิงสาวยังคงไร้ความรู้สึก
ซือหยูไม่ตอบและยังคงเงียบความเงียบดำเนินอยู่นานก่อนที่นางจะพูด
“เสวี่ยเหลียนมีเรื่องต้องทำและจะกลับมาในครึ่งวันไม่ว่าเจ้าจะต้องการให้ช่วยเรื่องใดก็บอกข้า ข้าช่วยได้” นางจิบสุราเล็กน้อยขณะที่พูด
“ครึ่งวันก่อนจะกลับมารึ?”
ซือหยูถอนหายใจโดยไม่คิดจะจิบสักหยด
นางกระพริบตาและถาม
“ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเจ้าบอกพวกเราได้”
“เจ้าไม่กลัวว่าพูดเค้นข้ามากเกินไปจะทำให้แผนพังรึ?”
ซือหยูวางแก้วอย่างเงียบเชียบ
ความใจเย็นของหญิงสาวแหลกสลายไปเล็กน้อยแต่นางก็รีบคืนสีหน้าเยือกเย็นกลับมา นางตอบ
“ในฐานะของสายลับข้าเห็นด้วยกับเจ้า เป็นความผิดของข้าเอ…”
“มิใช่ข้ากำลังบอกเจ้าว่า ในฐานะของคนดินแดนมีดสวรรค์ เจ้าปลอมตัวได้ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น หญิงสาวหัวเราะอย่างเย็นชา
“เจ้าเมามากไปแล้ว!”
ซือหยูไม่ตอบเขาพลิกฝ่ามือขวา เผยให้เห็นเส้นสายสีดำบนสายโลหิต
“ถ้าข้าเดาไม่ผิดเจ้าใช้พิษฝันเมาความตายในเหล้าของข้า”
ในเหล้ามีพิษ!
ฟึ่บ!
หญิงสาวยืนขึ้นประตูเปิดทันทีเมื่อพี่สาวหยูบุกเข้ามาในห้อง นักรบแปดคนพุ่งตามหลังนางมาพร้อมกับกระบี่ในมือและเตรียมโจมตี ทุกคนเข้าล้อมซือหยูเป็นครึ่งวงกลมในพริบตา ซือหยูสะบัดพิษออกและพูด
“สายลับตำหนักโลหิตถูกพาตัวไปแล้วสินะ”
แปะ!แปะ!
พี่สาวหยูปรบมือนางยิ้มให้ซือหยู
“เจ้ารู้เมื่อใดว่ามีดสวรรค์มาแทนที่ที่นี่?” “ตั้งแต่ที่ข้าเข้ามา”
ซือหยูยักไหล่เขาชี้ที่ใต้เตียง
“เลือดยังล้างไม่สะอาดพวกเจ้าเพิ่งจะมาแทนที่สายลับตำหนักโลหิต จึงได้รีบร้อน”
พี่สาวหยูเหลือบมองรอยแดงที่รอยแตกใต้เตียงมันเป็นรอยเลือดที่บางอย่างเส้นผม ถ้าหากซือหยูไม่ชี้ให้ดู นางวก็คงไม่มีทางได้เห็น
“น่าประทับใจเจ้าเห็นแม้แต่รายละเอียดที่เล็กที่สุด!”
พี่สาวหยูแปลกใจความเยือกเย็นอันงดงามของนางไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมา
“เจ้าพูดถูกสามวันก่อน พวกเราาถึงแล้วนำสายลับตำหนักโลหิตออกไป แทนที่ด้วยคนของเราเอง พวกเราต้องการล่อลวงสายลับตำหนักโลหิตที่เหลือและล้วงความลับออกมา”
เร็วๆ นี้ ทั้งสองฝ่ายผ่านเหตุการณ์มากมาย และเมืองเทียนหยาก็ไม่ได้ตามหาสายลับที่ส่งไปล้วงข้อมูล กลายเป็นว่าสายลับเกินครึ่งที่ถูกส่งออกไปนั้นติดกับดักก่อนที่จะได้ติดต่อกลับมา
“ข้าสงสัยนักเจ้ารู้ว่านี่เป็นกับดัก แต่เจ้าก็เลือกที่จะเข้ามาและไม่หนีไปไหน เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือ?”
พี่สาวหยูถามอย่างอ่อนโยน
เหล่าบุรุษด้านหลังนางเริ่มตึงเครียดซือหยูดื่มเหล้าพิษลงไป ไม่แสดงแม้แต่อาการติดพิษ พี่สาวหยูเลิกคิ้วด้วยความตกตะลึง บุคคลประหลาดผู้นี้เป็นใคร? นี่เป็นเหล้าพิษแก้วที่สองของเขาแล้ว! พิษฝันเมาความตายนั้นฆ่าได้แม้กระทั่งจ้าวเทวะระดับห้า
“เพราะถ้าไม่มีพวกเจ้าข้าจะไปถามหาที่อยู่ของสายลับตำหนักโลหิตจากใครเล่า?”
ซือหยูเลียเหล้าที่ริมฝีปากเผยรอยยิ้มสดใสออกมา
พี่สาวหยูหัวใจหยุดเต้นนางมิอาจมองชายคนนี้ออก หรือว่าเขาเป็นบุคคลระดับสูงของตำหนักโลหิต? ทำไมตำหนักโลหิตถึงส่งคนระดับนี้มาเพื่อช่วยสายลับระดับต่ำเพียงไม่กี่คนกัน? นี่มันไร้เหตุผล หรือว่าเขาแค่แสร้งใจเย็นและหาทางออก แต่ถ้าหากเขาแข็งแกร่งจริง ๆ เล่า? พี่สาวหยูต้องคิดหนัก นางเปลี่ยนกลยุทธ์และยิ้มขึ้นใหม่
“ใจเย็นก่อนเราไม่สนใจเจ้า ถ้าเจ้ายินดีจะทำงานร่วมกับเรา เราจิบสุราคุยกันต่อได้ บอกเรื่องที่พวกข้าอยากรู้ ถ้าพวกข้าพอใจ หลิงจะเป็นของเจ้าในคืนนี้ นางยังบริสุทธิ์อยู่ ความเย็นชาของนางสนุกที่จะควบคุมทีเดียว…”
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าว่าสายลับอยู่ที่ไหนแล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตเล่า…”
ซือหยูพูดอย่างผู้กุมอำนาจเขาสะบัดมือ ประตูห้องปิดดังปัง พี่สาวหยูมิอาจใจเย็นได้อีก ใบหน้านางแข็งกร้าวขึ้น นางสั่ง
“จัดการมัน!”
แต่นักรบทั้งแปดก็ไม่มีโอกาสได้ขยับทุกคนล้มลงไปกองกับพื้น พี่สาวหยูมองรอบ ๆด้วยความตื่นตระหนก ทั้งแปดหมดสติลงไปด้วยพลังบางอย่าง
“เจ้า…เจ้าใช้วิชามายาได้!”
พี่สาวหยูกลุ้มใจนางพลิกฝ่ามือขว้างยันต์ระเบิดจ้าวเทวะระดับห้าใส่ซือหยู หากมันระเบิด ทั้งหอคอยเทพีสวรรค์จะหายไป แต่พี่สาวหยูก็โล่งใจกับการตัดสินใจของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น ซือหยูก็ยื่นมือออกมาคีบยันต์ไว้ด้วยดัชนีทั้งสอง เขาบดขยี้มันจนเหลือแค่ฝุ่นผง เมื่อเห็นสิ่งที่ซือหยูทำ พี่สาวหยูแทบจะหายใจไม่ออก การใช้มือเปล่าทำลายยันต์แสดงให้เห็นว่าเขาเหนือกว่าจ้าวเทวะระดับห้าและน่าจะเป็นจ้าวเทวะชั้นสูง!
“อย่ารบกวนคนอื่นจะดีกว่า…”
ซือหยูพูดเบาๆ เขาโบกมืออีกครั้งและลากพี่สาวหยูและหลิงไปที่เก้าอี้
“พูดมาพวกเจ้าจับสายลับไว้ที่ไหน?”
ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
หลิงตัวสั่นและพูดไม่ออกนางไม่ตอบอะไร พี่สาวหยูอยู่ในสภาพดีกว่าแม้ว่านางจะพูดได้ไม่สะดวกนัก
“เจ้า…เจ้า…รู้ได้ยังไงว่าพวกมันยังไม่ตาย?”
“เพราะสายลับยังมีค่าต่อพวกเจ้า”
นี่คือกับดักล่อกระต่ายพวกเราจะรอจนกว่าสายลับตำหนักโลหิตมาหาตัวสายลับที่ประจำการอยู่ จากนั้นจะจับตัวสายลับเหล่านั้นเพื่อเค้นเอาความว่าสายลับรู้เรื่องใดบ้างและต้องยืนยันว่าสายลับตำหนักโลหิตยังไม่ตาย ทุกข้อมูลที่สายลับให้มาล้วนมีค่า ในเวลานี้ พวกเขาจะไม่ฆ่าสายลับ อย่างน้อย…ก็ไม่ทุกคน