ตอนพิเศษ 4-2 เซี่ยหมิงผู่ (ต้น)

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

สกุลเซี่ยที่เป็นผู้นำตระกูลขุนนางในเจียงหนาน แน่นอนว่าย่อมได้ข่าว ที่สกุลเซี่ยสามารถเป็นตระกูลขุนนางอันดับหนึ่งในเจียงหนานได้ แน่นอนว่าเป็นเพราะศักดิ์และสิทธิ์ มีทายาทในตระกูลที่มีความสามารถที่รับราชการด้วย

 

 

เจ้าบ้านสกุลเซี่ยคนปัจจุบันคือเซี่ยเหยียนฮว๋า เขามีลูกชายสี่คนคือ เซี่ยจิ้นอัน เซี่ยจิ้นซง เซี่ยจิ้นเหนียน เซี่ยจิ้นหรง บุตรภรรยาเอกสองคนบุตรอนุสองคน ลูกชายคนโตและคนรองเป็นบุตรเอก ลูกชายคนที่สามและลูกชายคนที่สี่เป็นบุตรอนุ

 

 

ในจำนวนนี้ ลูกชายคนโตเซี่ยจิ้นอันเป็นบิดาของเซี่ยหมิงผู่ แต่งงานกับภรรยาสกุลหลิว เป็นบิดามารดาของเซี่ยหมิงผู่และเซี่ยม่านเอ๋อร์ สกุลหลิวเองก็เป็นตระกูลขุนนางใหญ่แห่งเจียงหนาน แม้จะสู้สกุลเซี่ยไม่ได้ แต่ก็อยู่ห้าอันดับแรก ตอนนั้นเพราะพี่น้องของเซี่ยหมิงผู่ถูกโจรดักปล้นฆ่า ทั้งสองตระกูลมีเรื่องบาดหมางกัน จนถึงตอนนี้ยังไม่ไปมาหาสู่ ทำราวกับเป็นศัตรูคู่แค้นกันก็ไม่ปาน

 

 

นอกจากลูกชายลูกสาวเซี่ยหมิงผู่และเซี่ยม่านเอ๋อร์แล้ว เซี่ยจิ้นอันยังมีลูกชายหญิงที่เกิดจากอนุสกุลจ้าวอีกหนึ่งคู่ เซี่ยหมิงฉินและเซี่ยเยียนเอ๋อร์ เซี่ยหมิงฉินอ่อนกว่าเซี่ยหมิงผู่สามปี เซี่ยเยียนเอ๋อร์แก่กว่าเซี่ยม่านเอ๋อร์หนึ่งปี

 

 

นอกจากนี้ เซี่ยจิ้นอันยังมีอนุภรรยาอีกสามคน บังเอิญเหลือเกิน ที่อนุทั้งสามคลอดธิดาทั้งหมด สองคนแรกแต่งงานออกไปแล้ว เหลืออีกหนึ่งคนที่อายุเท่าๆ กับเซี่ยม่านเอ๋อร์ยังอยู่ในจวน

 

 

อ้อ ตอนนี้ภรรยารองแซ่จ้าวไม่ได้เป็นอนุอีกต่อไป หลังจากที่สกุลเซี่ยและสกุลหลิวเกิดเรื่องบาดหมาง ฐานะของซื่อก็ถูกยกขึ้นดังนั้นตอนนี้เซี่ยหมิงฉินและเซี่ยเยียนเอ๋อร์จึงกลายเป็นบุตรธิดาเอกไปแล้ว

 

 

เซี่ยจิ้นซงแต่งงานกับภรรยาแซ่จาง ซึ่งจางซื่อให้กำเนิดเพียงธิดาสามคน ธิดาคนเล็กคลอดยากจึงทำให้สุขภาพแย่ลง จึงส่งสาวใช้ข้างกายให้เซี่ยจิ้นซง สาวใช้คนนี้นับว่าโชคดี เพียงครรภ์แรกก็เป็นชาย จางซื่อจึงนำเด็กคนนี้มาเลี้ยงข้างกายเป็นบุตรภรรยาเอก นอกจากนี้เซี่ยจิ้นซงยังมีภรรยาบ่าวอีกหนึ่งคน มีลูกสาวจากภรรยาบ่าวสองคน

 

 

เซี่ยจิ้นเหนียนและเซี่ยจิ้นหรงดูแลกิจการร้านค้าของตระกูล ทั้งสองคนยังโชคดี เซี่ยจิ้นเหนียนมีบุตรเอกสามคน เซี่ยจิ้นหรงมีบุตรเอกสองคน

 

 

ตอนนี้พ่อลูกทั้งห้าคนกำลังพูดคุยกันในห้องหนังสือ

 

 

“ท่านพ่อ ท่านข้าหลวงใหญ่ที่มาใหม่ที่ชื่อเซี่ยหมิงผู่ อายุเพิ่งจะยี่สิบเอ็ดปี ท่านว่าจะเป็นคนในตระกูลของเราหรือไม่ เสี่ยวผู่?” เซี่ยจิ้นเหนียนเอ่ยอย่างสงสัย สองคำที่เป็นชื่อนั้น เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างยากลำบาก

 

 

“ไม่ใช่หรอก ในแผ่นดินนี้ยังมีคนชื่อแซ่เดียวกันอยู่มาก ไหนเลยจะบังเอิญถึงเพียงนั้น อีกอย่าง เรื่องที่เกิดขึ้นมาเก้าปีที่แล้วพวกเราก็แน่ใจแล้วไม่ใช่หรือ เสื้อผ้าและแผ่นหยกที่พบใต้หน้าผานั้นตรงกันแล้วนี่” เซี่นจิ้นหรงเอ่ย

 

 

เซี่ยจิ้นเหนียนถามกลับอย่างจงใจ “แต่สภาพศพเละเทะจนจำหน้าไม่ได้ บอกไม่ได้แน่ชัดหรอกว่าเสี่ยวผู่ตกหน้าผาจริงๆ ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าลูกคิดมากไป ท่านดูซี ทั้งชื่อและอายุก็ตรงกัน เสี่ยวผู่ในตอนนั้นก็ฉลาดเฉลียว คนในเจียงหนานใครบ้างไม่ชื่นชมว่าเขาเป็นเทพแห่งปัญญากลับชาติมาเกิดกัน”

 

 

“ถ้าเป็นเสี่ยวผู่จริงๆ ทำไมต้องทิ้งเอาไว้หลายปีถึงเพียงนี้ถึงได้เพิ่งกลับมาเล่า” เซี่ยจิ้นหรงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ จนทำเอาเซี่ยจิ้นเหนียนพูดไม่ออก ใช่แล้ว ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ทำไมถึงไม่กลับบ้าน ทำเอาเซี่ยจิ้นอันที่อยู่ตรงข้ามตาเป็นประกายวาวโรจน์

 

 

ในตอนนี้เอง เซี่ยเหยียนฮว๋าเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ต้องทะเลาะกัน เจ้ารอง พรุ่งนี้เจ้าต้องตามคนในที่ว่าการไปต้อนรับท่านข้าหลวงใหญ่มิใช่หรือ แค่ดูก็รู้แล้ว ข้าว่า ในแผ่นดินนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร เสี่ยวผู่เป็นเด็กกตัญญู หากเขายังมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าต้องกลับบ้านแน่ เอาล่ะ รีบไปทำงานได้แล้ว เจ้าใหญ่อยู่ก่อน”

 

 

ชายชราโบกมือ ไล่บรรดาลูกชายออกไปจนหมด แม้แต่เรื่องงานที่ต้องการจะพูดคุยเจรจาก็ไม่ได้พูด

 

 

“ท่านพ่อ ท่านมีอะไรจะสั่งลูกหรือ” เซี่ยจิ้นอันเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋ามองลูกคนโต เป็นนานก็ไม่พูด จนทำเอาลูกชายคนโตเริ่มอยู่ไม่สุข “ท่านพ่อ ลูกทำอะไรผิดหรือเปล่า”

 

 

“เจ้า ออกไป!” สุดท้ายเซี่ยเหยียนฮว๋าก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วขับไล่ลูกชายคนโตออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

บิดาเข้าใจบุตรมากที่สุด ลูกชายคนโตที่ลูกที่เขาเลี้ยงดูสั่งสอนด้วยมือของตัวเอง เขาจะไม่รู้ใจลูกตัวเองได้อย่างไร เขามีความสามารถ มีสายตากว้างไกล เรื่องเดียวที่ทำไม่ได้ก็คือไม่อาจจัดการเรื่องในบ้านได้

 

 

เก้าปีก่อน เกิดเรื่องขึ้นกับเสี่ยวผู่และม่านเอ๋อร์ เขากลับไม่เกิดข้อสงสัยในความประหลาดของเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าคนที่เขาคิดถึงนั้นไม่อยู่แล้ว ลูกชายให้ความรักต่อจ้าวซื่อเสมอมา เขาจึงเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

 

 

ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะคาดหวังให้ท่านข้าหลวงใหญ่เป็นหลานชายเขาจริงๆ หรือไม่ หรือจะหวังว่าไม่ใช่ดี

 

 

ไม่ต้องเอ่ยถึงความคิดของคนในสกุลเซี่ยแล้ว วันต่อมาเซี่ยจิ้นซงก็เดินเข้ามาในจวนพร้อมทั้งรอยยิ้มยินดี เดินตรงเข้าไปในห้องของบิดา “ท่านพ่อ ท่านพ่อ เสี่ยวผู่ เสี่ยวผู่” เขาหอบหายใจรัว ผ่านไปนานถึงค่อยสูดลมหายใจถี่ถ้วน “ท่านข้าหลวงใหญ่คนใหม่เป็นเสี่ยวผู่ขอองบ้านเราจริงๆ”

 

 

ใบหน้าของเขายังคงยิ้ม ฮ่าๆๆ สกุลเซี่ยของเขาให้กำเนิดท่านข้าหลวงหนุ่ม อย่างนี้สกุลเซี่ยก็จะเจริญขึ้นไปอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข!

 

 

“อะไร เป็นเสี่ยวผู่จริงๆ หรือ” เซี่ยจิ้นอัน เซี่ยจิ้นเหนียนและเซี่ยจิ้นหรงที่ได้ยินข่าวก็รีบตามกันมา โดยเฉพาะเซี่ยจิ้นอัน ใบหน้าฉายความตื่นตะลึงและยินดี

 

 

“ไปไปไป พวกเรารีบไปที่จวนท่านข้าหลวงกันเถิด” เซี่ยจิ้นเหนียนเอ่ยขึ้นอย่างปลื้มปิติ

 

 

“ใช่ใช่ใช่ แม้ว่าเสี่ยวผู่จะเป็นลูกหลาน แต่ตอนนี้เขาเป็นถึงท่านข้าหลวงใหญ่ และยังเป็นองค์ราชบุตรเขยในราชวงศ์ พวกเราย่อมต้องเข้าไปคำนับเขาซี” เซี่ยจิ้นหรงเองก็มีสีหน้าตื่นเต้น โอ้โห ตระกูลเขาให้กำเนิดข้าหลวงใหญ่ผู้มีศักดินา พูดไปพูดมา ลูกชายของเขาอาจจะได้รับความก้าวหน้าด้วยก็เป็นได้

 

 

“กลับมานี่ ไม่ต้องไปกันทั้งหมด!” เซี่ยเหยียนฮว๋ากลับแสดงสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

“ท่านพ่อ ทำไมเล่า” เซี่ยจิ้นอันและเหล่าน้องชายต่างก็ประหลาดใจ

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋ามองบรรดาลูกชาย โดยเฉพาะลูกคนโต เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุๆ ว่า “ถ้าเสี่ยวผู่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ พวกเจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าทำไมเขาถึงไม่อยากกลับบ้าน ไม่คิดบ้างหรือว่าที่เสี่ยวผู่และม่านเอ๋อร์แค่ออกจากบ้านก็ถูกปล้นฆ่าง่ายๆ เช่นนี้” สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าของลูกชายคนใหญ่

 

 

“ท่านพ่อ ความหมายของท่านคือ” เซี่ยจิ้นซงใจเต้นแรงทันทีแล้วร้องขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ เซี่ยจิ้นเหนียนและเซี่ยจิ้นหรงเองก็มีท่าทีเหลือเชื่อออกมา จ้องมองพี่ชายใหญ่ด้วยความตื่นตะลึง ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดหรอกใช่ไหม

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋าไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงเอ่ยว่า “ห้ามไปที่จวนท่านข้าหลวงใหญ่” จากนั้นจึงค่อยพูดขึ้นอีกว่า “รอเถิด”

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋าที่หมุนกายเข้าไปในห้องแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้นัทนที เจ็บปวดใจอย่างสุดทน! เป็นขุนนางใหญ่ผู้ได้รับศักดินาจากฝ่าบาทด้วยอายุเพียงยี่สิบเอ็ดเท่านั้น! นี่คือเกียรติยศเหลือคณา! ตระกูลใดจะมีลูกหลานเปี่ยมความสามารถถึงเพียงนี้

 

 

นี่คือหลานชายของเขา หลานชายเอกของเขาเอง! ตัวเขาที่ควรจะปลื้มปิติในตอนนี้กลับเจ็บปวดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า หลานชายของเขาเกลียดสกุลเซี่ย!

 

 

เซี่ยเหยียนฮว๋าเสียใจอย่างถึงที่สุด ทำไมตอนนั้นเขาไม่ตรวจสอบให้เรียบร้อยเสียก่อน หากว่า…หากว่า…ตอนนี้เขาดูชราลงไปอีกสิบกว่าปีเห็นจะได้

 

 

ตรงข้ามกับเซี่ยเหยียนฮว๋าที่รู้แจ้งกระจ่าง เซี่ยจิ้นอันกลับไม่นำคำพูดของบิดาเข้ามาในสมอง ใครจะไปสนใจเล่าว่าเพราะเหตุใดเสี่ยวผู่ถึงไม่ยอมกลับบ้านตั้งหลายปี แม้โลกจะถล่มตรงหน้าแต่อย่างไรเขาก็เป็นบิดา ความกตัญญูต้องมาก่อน เขาจะไม่ยอมรับบิดาของตัวเองเชียวหรือ

 

 

เซี่ยจิ้นอันเดินเข้าสู่เรือนหลังด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น “นายท่าน มีเรื่องอะไรน่ายินดีหรือ” จ้าวซื่อเข้ามาต้อนรับ

 

 

“มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นจริงๆ” เซี่ยจิ้นอันเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้ม “เจ้ารู้ไหมว่าท่านข้าหลวงใหญ่คนใหม่เป็นใคร เซี่ยหมิงผู่ ราชบุตรเขยของราชวงศ์ปัจจุบัน เสี่ยผู่ของเราอย่างไรเล่า!”

 

 

ดวงตาของจ้าวซื่อหรี่แคบลง จากนั้นก็ยิ้มด้วยรื่นเริง “จริงหรือ นายท่านไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่ ตายจริง นี่เป็นเรื่อน่ายินดีอย่างถึงที่สุดจริงๆ ข้าบอกแล้วว่าคุณชายใหญ่นั้นเป็นผู้มีโชค จะต้องรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้แน่ นายท่าน ข้าจะรีบจัดเตรียมงานเพื่อต้อนรับท่านข้าหลวงใหญ่กลับจวนดีหรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถาม

 

 

เซี่ยจิ้นอันได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลงเล็กน้อย “ไม่ต้อง เขาไปถึงจวนข้าหลวงใหญ่แล้ว รอให้เขาจัดการอะไรให้เรียบร้อยก่อนเถิด”

 

 

จ้าวซื่อรีบเอ่ยขึ้นอย่างปลื้มปิติ “เจ้าค่ะ ข้าเชื่อฟังนายท่านเจ้าค่ะ”

 

 

เซี่ยจิ้นอันพยักหน้าอย่างถือดี ไพล่มือไปข้างหลังแล้วเดินจากไปอย่างยินดี เมื่อเขาจากไปแล้ว สีหน้ายิ้มแย้มของจ้าวซื่อก็หายไป กำมือแน่นจนเล็บยาวฝังอยู่ในฝ่ามือ สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง แต่กลับพยายามบอกตัวเอง ‘ไม่เป็นไร แม้เขาจะมีชีวิตอยู่แล้วยังไง เรื่องผ่านไปตั้งนานแล้ว ไม่มีหลักฐานอะไร เขาจะทำอะไรนางได้’

 

 

ในทางกลับกัน ตอนนี้ตนเป็นแม่ใหญ่ของเขาแล้ว! เฮอะ ไม่พูดถึงความฉลาดเฉียบแหลมของจ้าวซื่อผู้นี้ไม่ได้ นับตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่นวาย เพิ่งผ่านไปเพียงเท่าไรนางก็เริ่มวางแผนแล้วหรือ ช่างไม่คิดเสียเลยว่าสถานะของเซี่ยหมิงผู่ในตอนนี้ใช่คนที่สตรีในเรือนเช่นเจ้าจะวางแผนได้หรือไร ช่างไม่รู้กำลังตัวเอง รนหาที่ตายแท้ๆ !

 

 

จ้าวซื่อจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ลูกสาวของนางเซี่ยเยียนเอ๋อร์ก็ถกชายกระโปรงแล้ววิ่งเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความปิติที่ปิดเอาไว้ไม่มิด “ท่านแม่ จริงหรือที่ว่าท่านข้าหลวงใหญ่คนใหม่เป็นพี่ชายใหญ่น่ะเจ้าค่ะ ลูกได้ยินข้ารับใช้ของท่านพ่อบอกเช่นนี้”

 

 

จ้าวซื่อพยักหน้า “มิผิด ท่านพ่อของเจ้ากล่าวเช่นนี้จริงๆ ”

 

 

“ดีจริงเจ้าค่ะ!” เซี่ยเยียนเอ๋อร์กระโดดไปทั่วทั้งห้อง “พี่ใหญ่เป็นท่านข้าหลวง ข้าเป็นน้องสาวคนเดียวของเขา และยังมีองค์หญิงพี่สะใภ้อีก ดีเหลือเกิน! ท่านแม่ ท่านรีบเย็บชุดกระโปรงให้ข้า หาเครื่องประดับ ลูกจะแต่งกายให้สวยงามเพื่อต้อนรับพี่สะใภ้!” นางออดอ้อนจ้าวซื่อ นางลืมไปเสียแล้วว่าเซี่ยหมิงผู่ยังมีน้องสาวร่วมครรภ์อีกหนึ่งคน หรือนางคิดว่าธิดาเอกคนนั้นไม่อยู่แล้วหรืออย่างไร