GGS:บทที่ 794 พบเจ้านาย

 

เหว่ยเสี่ยวหยวน โอฉิงซง และชายชาวญี่ปุ่น ต่างก็ตกใจกันเป็นแถบเมื่อเห็นว่าผู้แทนคณะกรรมการพรรคฯชิได้ให้ความยำเกรงกับซูจิ้งอย่างมาก

ซูจิ้งพยักหน้ารับพร้อมพูดออกมาว่า “สวัสดีผู้แทนฯชิ ผมมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานขยะน่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเข้าไปที่ห้องของผมกันดีกว่าครับ”

 

ผู้แทนฯชิได้ยิ้มก่อนจะผายมือเชิงให้ซูจิ้งตามมาพร้อมพูดออกมาว่า “โปรดตามมาทางนี้ครับ”

ผู้แทนฯชิได้กล่าวเชิญด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนั่นทำให้โอฉิงซงถึงกับหัวหมุนจนแถบอยากจะล้มทั้งยืนในตอนนี้

เขาได้รีบผลักตัวเองให้ไปยืนต่อหน้าผู้แทนฯชิด้วยใจที่ไม่อยากจะทำก่อนจะพูดออกมาว่า

 

“ผู้แทนฯชิครับ พวกเราได้คุยกันโทรศัพท์ก่อนหน้านี้แล้วครับ

ไม่ใช่ว่าคุณเองก็ค่อนข้างสนใจในแบบแปลนโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่เราใช้เทคโนโลยีของทางญี่ปุ่น…”

 

“ผมจะคุยกันคุณเรื่องนี้ทีหลังแล้วกัน ตอนนี้ผมขอคุยกับคุณซูก่อนนะ” ผู้แทนฯชิยกมือขึ้นเชิงบอกเป็นนัยว่าให้โอฉิงซงหยุดวอแวเรื่องนี้

 

“นี่…” โอฉิงยุนใบหน้ากลายเป็นสีแดงด้วยความเขินอายและโกรธแค้น

ผู้แทนฯชิเพิ่งจะคุยกับเขาเมื่อเช้านี้เองเกี่ยวกับเรื่องโรงงานไฟฟ้าฯ และต้องการที่จะคุยกับเขาเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติมจึงได้นัดเจอกัน เป็นซูจิ้งเองที่มาแทรกเรื่องนี้ทีหลังเขานั้นสมควรจะได้คุยก่อน

 

แต่กลายเป็นว่าผู้แทนฯชิดันให้ความสำคัญกับซูจิ้งมากกว่าเขาทั้งที่เขาเองก็รู้จักผู้แทนฯชิเป็นการส่วนตัวไม่ใช่น้อยเลย

เขายังรู้มาอีกว่าผู้แทนฯชิไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหวังแถมยังมีปัญหากันบ่อยครั้งซะอีก

ตอนแรกเขาเลยคิดว่าผู้แทนฯชิจะไม่สนใจซูจิ้งแม้แต่น้อย แต่นี่มัน…

 

ยังไงก็ตามโอฉิงซงเองก็ไม่ได้พยายามวอแวผู้แทนฯชิแต่อย่างใดเพราะเขาเองก็ไม่ได้โกรธจนโง่งมจนลืมไปว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือผู้แทนฯชิ

เขาจะไปกล้าสร้างปัญหากับตัวแทนผู้มีอำนาจของประเทศเช่นนี้ได้ยังไงกัน

หากเทียบกันแล้วเขาก็ไม่ได้ต่างจากเศษฟางเส้นหนึ่ง

นี่คือเหตุผลทำให้โอฉิงซงนั้นจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์ความโกรธที่พุ่งพล่านของเขาให้ได้ หลังจากนั้นเขาได้พูดออกมาว่า “งั้น เอาไว้เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลังก็ได้ครับ”

ผู้แทนฯชิพยักหน้ารับก่อนที่เขาและผู้ช่วยจะนำซูจิ้งไปยังสำนักงานของเขา

 

หลังจากเห็นประตูปิดลง ความโกรธของโอฉิงซงก็ได้พุ่งขึ้นมาจากในจิตใจอีกครั้งจนเขาแถบอยากจะเขวี้ยงแก้วกาแฟลงบนโต๊ะตรงหน้า

ที่เขาพูดก่อนหน้านี้ไปว่ายังไงซะผู้แทนฯชิต้องพบเขาก่อนซูจิ้งอย่างแน่นอนและซูจิ้งต้องมาเสียเที่ยว แต่กลายเป็นว่าเขากับโดนซะเองเหมือนกับเขาพยายามตบหน้าซูจิ้งแต่มือลื่นจนตบหน้าตัวเองไปแทน

ตอนนี้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก

 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้แทนคณะกรรมการพรรคฯของนายถึงได้ดูเคารพซูจิ้งมากขนาดนี้กัน” ชายญี่ปุ่นรีบถามเหตุการณ์ออกมาด้วยสำเนียงจีนกลางทันที

“ฉัน… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” โอฉิงซงทำได้เพียงแต่ส่ายหัวแล้วในตอนนี้

“ไม่ใช่ว่าหมอนี่เพิ่งจะตัดหน้าช่องทางทางธุรกิจของเราไปหรอกหรอ” ชายญี่ปุ่นคนนั้นถามต่อ

“ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ ด้วยประสบการณ์ ความรู้ และเทคโนโลยีของเขาไม่น่าจะสู้พวกเราได้

ฉันเองก็ยังเชื่อว่าผู้แทนฯชิยังถือหางพวกเราอยู่”

 

ถึงจะพูดอย่างนั้นออกมาแต่โอฉิงซงเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย

เขายังรู้สึกเป็นกังวลกับท่าทีของผู้แทนฯชิที่มีต่อซูจิ้งก่อนหน้านี้จนทำให้เขานั้นต้องหันไปจ้องยังเหว่ยเสี่ยวหยวนเพื่อตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง

แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะไม่อยากก่อปัญหาเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

 

โอฉิงหยุนเลือกที่จะเปิดข้อมูลที่อยู่บนมือก่อนที่จะลองจินตนาการว่าเขาควรพูดอะไรกับผู้แทนฯชิบ้างหลังจากนี้

เป้าหมายของเขาที่ต้องการสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะนี้ไม่ได้เป็นการทำเพื่อส่วนรวมแต่อย่างใดเขานั้นหวังเพียงผลกำไรเท่านั้น

 

โดยปกติแล้วผลกำไรที่จะได้มาจากการจัดตั้งโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะนั้นจะได้มาจากสองทางได้แก่ค่าธรรมเนียมการกำจัดขยะและค่าไฟฟ้าที่ได้รับจากการส่งพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ระบบไฟฟ้าของเมือง

สิ่งที่เรียกว่าค่าธรรมเนียมการกำจัดขยะนั้นเป็นเงินที่ภาครัฐจ่ายเป็นค่าดำเนินการในการจัดเก็บ เก็บขน และเผาทำลายโดยจะนับเหมารวมเป็นหน่วยตัน

 

กำไรที่ได้จากกระบวนการนี้อยู่ที่ 60-80 หยวนต่อตัน แต่กับเมืองจงหยุนแห่งนี้ได้สนับสนุนเงินค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 110 หยวนต่อตัน

ยิ่งไปกว่านั้นโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะนั้นยังได้รับการสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนซึ่งจะไม่มีการเก็บภาษีเงินได้ ทั้งจากค่าธรรมเนียมการกำจัดขยะและค่าไฟฟ้าที่โรงงานไฟฟ้าฯนี้ผลิตได้ทำให้เงินกำไรที่ได้จากการขายไฟฟ้าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

แถมภาครัฐยังอุดหนุนค่าไฟฟ้าที่ได้จากการผลิตให้อีกอยู่ที่ 0.25 หยวนต่อกิโลวัตต่อชั่วโมง

สำหรับขยะที่นำมาเผานั้นถือได้ว่าเป็นผลกำไรคงที่และถือว่าเป็นทุนหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้านี้

 

นั่นหมายความว่ารายได้ที่มาจากการขายไฟฟ้าจะถือว่าเป็นกำไรสุทธิได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

เพราะฉะนั้นยิ่งภาครัฐอุดหนุนค่าธรรมเนียมมากเท่าไหร่โรงงานก็จะยิ่งได้ผลกำไรมากขึ้นเท่านั้น

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงรายได้ยิบย่อยที่จะได้นอกจากโรงงานไฟฟ้าฯนี้อีกนั่นหมายความว่าเมื่อใดก็ตามที่มีการลงนามย่อมหมายถึงผลกำไรที่แทบจะบอกได้ว่ามั่นคงถาวรตลอดการดำเนินงาน

 

ด้วยสถานการณ์ขยะที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวันแบบนี้ ธุรกิจนี้ถือได้ว่าเป็นที่ต้องการแทบจะในทุกหัวเมืองเลยทีเดียว

ตอนนี้สิ่งที่การทำโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะจะต้องเผชิญปัญหานั้นมีเพียงข่าวลือเสียๆหายๆและเสียงทัดทานจากชาวบ้าน

แต่ปัญหาทุกอย่างนั้นก็ได้เพียงแค่ผู้แทนฯชิเห็นชอบเท่านั้นก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านอีกต่อไป

โอฉิงซงเองก็ให้ความสำคัญกับโครงการนี้และเตรียมพร้อมที่จะเสนอเงินก้อนใหญ่ให้ผู้แทนชิแต่เขากลับโดนซูจิ้งตัดหน้าไปต่อหน้าต่อตา เขาเป็นกังวลอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าซูจิ้งจะเสนออะไรให้

 

ภายในห้องสำนักงานมีเพียงแค่ผู้แทนฯชิและซูจิ้งเท่านั้น หลังจากแน่ใจแล้วว่าประตูและหน้าต่างปิดสนิทดีแล้ว ผู้แทนฯชิได้ทำในสิ่งที่คนนอกห้องต่างก็คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน

ผู้แทนฯชิได้คุกเข่าลงข้างหนึ่งในทันทีก่อนจะเรียกซูจิ้งด้วยน้ำเสียงจงรักภักดีว่า “เจ้านาย”

“ลุกขึ้น คราวหน้าอย่าได้ทำอะไรที่มันดูเป็นที่จับสังเกตได้แบบนี้อีก” ใบหน้าของซูจิ้งในตอนนี้ได้แสดงท่าทีผ่อนคลายออกมาอย่างน่าประหลาดใจ

เขาเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าสิ่งที่ผู้แทนฯชิทำอยู่นี้เป็นสิ่งที่เขานั้นสมควรทำต่อซูจิ้งแล้ว

 

ย้อนกลับไปตอนที่รับรู้ความสามารถของสแตนด์ที่เจียจิหลงมีนั้น ธนูที่เหลือสามดอกได้ใช้กับไป๋ฮิตู

หลัวฉือหลิน และตงเซีย

ส่วนธนูอีกเจ็ดดอกที่ใช้ไปแล้วนั้นชิหยินผู้นี้เองก็เป็นหนึ่งผู้ที่ถูกใช้

ถ้าดูจากท่าที่ของชิหยินตอนที่เกิดเรื่องจงเจียนนั้นก็พอจะบอกได้ว่าเจียจิหลงได้ควบคุมชิหยินเฮาผู้นี้มานานพอสมควรแล้ว

 

เมื่อซูจิ้งฆ่าเจียจิหลงไปทำให้การควบคุมเหล่านั้นถูกส่งต่อมายังซูจิ้ง

ท่าทีของชิหยินเฮาจึงไม่ได้เกินความคาดหมายของซูจิ้งแต่อย่างใด

ความจริงแล้วซูจิ้งเองก็ไม่ได้มีแผนที่จะมาพบกับชิหยินเฮาเร็วขนาดนี้

ตอนที่เขาได้รับสายจากกงหลิงหมิงนั้นเขาได้เตรียมการและวางแผนที่จะมาพบปะพูดคุยกับหยินเฮาในทันที

 

นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจียจิหลงเลือกที่จะควบคุมชิหยินเฮามากกว่าที่จะเป็นกงหลิงหมิง

นั่นก็เป็นเพราะนอกจากเขานั้นจะมีตำแหน่งเป็นผู้แทนคณะกรรมการพรรคฯแล้ว

เขายังมีคนหนุนหลังจำนวนมากอีกด้วย  บอกเลยว่าถ้าเขาอยากจะทำอะไรในเมืองจงหยุนในตอนนี้ก็ทำได้โดยไม่ต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนอีกแต่อย่างใด

 

“เจ้านายมาวันนี้อยากให้ผมทำสิ่งใดกันครับ” ชิหยินเฮาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพจงรักภักดี

“ในอนาคตถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นห้ามทำท่าทางเคารพยำเกรง

โดยเฉพาะกับตอนที่อยู่ต่อหน้าคนนอกฉันไม่อยากเป็นจุดสนใจขนาดนี้

เอาเป็นเรียกฉันว่าคุณซูเฉยๆก็พอ เรื่องในครั้งนี้เองฉันก็จะทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมา

“ได้ครับคุณซู” ชิหยินเฮาพยักหน้ารับ

“ที่มาที่นี่ในวันนี้นั้นฉันมาขอให้นายช่วยเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงานขยะน่ะ” ซูจิ้งพูดพลางส่งข้อมูลไปให้ชิหยินเฮาดู

ชิหยินเฮาหยิบข้อมูลมาพร้อมพูดว่า “หากคุณซูต้องการสร้างโรงไฟฟ้าพลังขยะล่ะก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายมาก

คณะกรรมการพรรคฯให้อำนาจผมเต็มที่ในการตรวจสอบข้อมูลพร้อมทั้งการตัดสินใจ

ผมเองจะทำเป็นอ่านเอกสารนี้และเซ็นอนุญาตให้แล้วคุณซูสามารถนำไปให้ผู้ว่าการเมืองเซ็นต่อได้เลย

ผู้ว่าการฯกงต้องยอมไว้หน้าผมอยู่แล้ว เพราะผมเองก็ช่วยเขาไว้ไม่น้อยเช่นกัน

 

ถ้าไม่ติดว่าเขานั้นเป็นคนตระกูลหวังล่ะก็ผมคงเรียกเขามาเซ็นให้ถึงที่แล้ว

ยังไงซะเรื่องแบบนี้สมควรทำให้ดูเป็นทางการไว้จะดีกว่า

ว่าแต่คุณซูจะให้ผมช่วยผลักดันเรื่องนี้ด้วยรึเปล่าครับ”

“แค่นายเห็นชอบก็พอแล้วล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง” ซูจิ้งพูดออกมา

มันก็ยังคงเป็นเรื่องจริงที่ว่าต่อให้ทั้งชิหยินเฮาและกงหลิงหมิงจะเห็นด้วยก็ตาม

แต่ตราบใดที่หน่วยงานรัฐภาคส่วนอื่นยังไม่อนุมัติ ก็บอกได้ว่าโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะนี้เป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น

ถึงอย่างนั้นซูจิ้งก็ไม่ได้รู้สึกกดดันแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกล่ะก็เขาไม่ได้ใส่ใจซะด้วยซ้ำ

 

นั่นก็เพราะการดำเนินการในส่วนนี้เขาเองเชื่อมั่นอยู่แล้วว่ายังไงก็ผ่านได้โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจของผู้แทนคณะกรรมการพรรคฯและผู้ว่าการฯเมืองแต่อย่างใด

“รับทราบครับ” ชิหยินเฮานั้นตอบกลับด้วยความจงรักภักดีอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามออกมาต่อว่า “แล้วยังมีอะไรให้ผมรับใช้อีกหรือไม่ครับ”

“ต่อแต่นี้ ขอให้นายดำเนินงานในฐานะผู้แทนคณะกรรมการพรรคฯ และตำแหน่งอื่นๆที่ได้รับในภายภาคหน้าอย่างเต็มความสามารถ และซื่อสัตย์ จริงใจ ถือประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีเรื่องอะไรแล้วเอาไว้ฉันจะติดต่อมาหาอีกทีแล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมา

“รับทราบครับ” ชิหยินเฮาโค้งรับอย่างนอบน้อม

 

หลังจากการสนทนารายละเอียดต่างๆอีกเล็กน้อย ซูจิ้งก็ได้เดินออกจากห้องของชิหยินเฮา

เมื่อโอฉิงซงเห็นว่าซูจิ้งออกมาจากห้องของผู้แทนชิฯเร็วกว่าที่ควรจะเป็นทำให้เขานั้นมองด้วยสายตาที่เป็นประกาย

 

เขานั้นพลางคิดไปว่าการเจรจาต่อรองระหว่างซูจิ้งและผู้แทนฯชิล้มเหลวไม่เป็นท่าอย่างแน่นอน

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้สมควรเป็นเพราะเขานั้นอยากไว้หน้าซูจิ้งจึงได้ให้เข้าไปคุยด้วยกันก่อนเพราะว่าซูจิ้งนั้นมีเบื้องหลังที่น่าเกรงขามไม่น้อยเลย

แต่ไม่ว่าจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหนก็ไม่มีทางที่ผู้แทนฯชิจะยอมเซ็นอนุมัติโครงการให้แน่นอนเพราะว่าเขานั้นสมควรมีความพร้อมมากกว่า

พอคิดได้ดังนั้นโอฉิงซงยิ้มกว้างออกมาในทันที

 

“เป็นยังไงบ้างคะ” เหว่ยเสี่ยวหยวนได้รีบพุ่งเข้ามาถามในทันที

“เอาไว้คุยกันทีหลังแล้วกัน” ซูจิ้งยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรีบพาเหว่ยเสี่ยวหยวนออกไปโดยเร็ว

ในขณะที่โอฉิงซงกำลังจะพูดถากถางซูจิ้งนั้น เขาและชายชาวญี่ปุ่นก็ได้ถูกเลขาฯของชิหยินเฮาเรียกเข้าห้องในทันที ทำให้เขานั้นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีเพราะคิดว่าโครงการของเขาได้รับการอนุมัติแล้ว

โดยหารู้ไม่ว่าชิหยินเฮานั้นได้เรียกเขาเข้าไปปฏิเสธโครงการดังกล่าว และถามเพียงสารทุกข์สุกดิบของเขาและครอบครัวเท่านั้นเอง