พลังวิญญาณสีทองเป็นระดับพลังที่สูงสุดในอาณาจักรกลาง ทั่วทั้งอาณาจักรกลางมีเพียงประมุขของเก้าอารามเท่านั้นที่มีพลังในระดับนี้
ประมุขของสิบสองวิหารในอดีตไม่เคยมีใครไปถึงระดับพลังวิญญาณขั้นสีทอง การจะไปถึงระดับพลังวิญญาณสีทองไม่ได้ง่ายดายแค่การฝึกฝนก็เพียงพอ แต่มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด ถ้าจิตวิญญาณไม่ถึงขั้น ต่อให้ฝึกเป็นร้อยเป็นพันปี ก็ไม่มีวันบรรลุระดับพลังวิญญาณขั้นสีทองได้
สำหรับคนอาณาจักรกลาง พลังวิญญาณสีทองเป็นระดับขั้นที่แทบจะเป็นตำนาน มีเพียงประมุขของเก้าอารามเท่านั้นที่มีความสามารถดังกล่าว ต้องรู้ว่าหลังจากเก้าอารามถูกก่อตั้งขึ้นมา ไม่เคยมีการเปลี่ยนตัวประมุขเลยสักครั้ง เก้าอารามมีอยู่ในอาณาจักรกลางมาหลายพันปี ประมุขของเก้าอารามก็มีชีวิตอยู่มาหลายพันปีนั้น……การฝึกฝนหลายพันปีรวมกับความสามารถที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา ทำให้พวกเขามีโอกาสก้าวเข้าสู่ระดับขั้นพลังวิญญาณสีทอง ในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมาสำหรับสิบสองวิหาร ไม่มีสักคนเดียวที่มีพลังระดับนั้น ไม่เพียงสิบสองวิหาร ในอาณาจักรกลางตั้งแต่โบราณกาล ก็มีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีทองแค่เก้าคนเท่านั้น!
เย่ฉาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจวินอู๋เสียจะพุ่งตรงเข้าสู่ระดับขั้นพลังวิญญาณสีทองหลังจากใช้เวลาในโลกวิญญาณแค่ปีเดียว!
แม้ว่าเขาจะไม่เคยไปที่โลกวิญญาณด้วยตัวเอง แต่เย่ฉาก็เคยได้ยินเรื่องของโลกวิญญาณจากจวินอู๋เหยา ไม่เคยมีอะไรฉีกกฎสวรรค์ได้เท่ากับจวินอู๋เสียแล้ว!
จวินอู๋เสียตกตะลึงอยู่พักนึง พลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันทำให้นางไม่ทันตั้งตัว แล้วทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าทำไมจวินอู๋เหยาถึงพยายามยืนกรานที่จะพานางไปที่โลกวิญญาณเพื่อขัดเกลาวิญญาณของนาง มิน่าเล่า จวินอู๋เหยาถึงได้พูดว่า ถ้าอยากครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ก็ต้องฝึกฝนจิตวิญญาณของตัวเอง!
แต่……
นี่มันเกินจริงมากไปแล้ว novel-lucky
จวินอู๋เสียตกใจกับพลังที่เพิ่มขึ้นของตัวเอง นางเคยคิดว่าต่อให้นางฝึกในโลกวิญญาณเป็นเวลาหนึ่งปี พลังวิญญาณกับพลังของจิตวิญญาณก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่ามันจะช่วยได้จริงๆ แต่อย่างมากก็คงทำให้นางบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณสีเงิน
คิดไม่ถึงว่า……
นางกำลังจะบรรลุขั้นพลังวิญญาณสีทอง
“อู๋เหยาอยู่ที่ไหน?” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองเย่ฉาพร้อมเอ่ยปากถาม
เย่ฉาตอบทันที “นายท่านเจว๋ไปตรวจสอบโทเทมที่ถูกทำลายในเมืองขอรับ”
จวินอู๋เสียพยักหน้า ยังคงรู้สึกว่าพัฒนาการพลังของนางนั้นน่ากลัวเกินไป
ไม่ได้รู้เลยว่า……
การเพิ่มขึ้นของพลังของนางนั้นสมเหตุสมผลที่สุดและเป็นไปตามที่คาดไว้ ในโลกนี้สิ่งที่สามารถดึงดูดสายตาของจวินอู๋เหยานั้นหายากและมีอยู่น้อยนิด การที่เขาพยายามพาจวินอู๋เสียเข้าไปที่โลกวิญญาณก็หมายความว่าเขามีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าจวินอู๋เสียมีสองวิญญาณในร่างเดียว โดยธรรมชาติร่างวิญญาณจะกลืนกินกันเองอยู่แล้ว แม้ว่านางจะไม่ได้กลืนกินวิญญาณใดๆในโลกวิญญาณ แต่ด้วยพลังวิญญาณที่หนาแน่นในโลกวิญญาณ นางแค่ต้องอยู่ในนั้นก็สามารถได้รับพลังนี้ได้ แต่พลังนี้ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังของจิตวิญญาณได้ มันจึงกลายมาเป็นพลังเสริมให้กับพลังวิญญาณของนางแทน
นอกจากนี้ จวินอู๋เสียยังสามารถพัฒนาอักขระเสริมวิญญาณที่เร่งการยกระดับพลังของจิตวิญญาณ ทำให้พลังจิตวิญญาณของนางพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วที่ฉีกกฎสวรรค์ นางใช้เวลาฝึกฝนแค่หนึ่งปีก็ไปถึงระดับที่วิญญาณตนอื่นไม่สามารถบรรลุได้ในร้อยปี และเนื่องจากผลของเมล็ดต้นไม้วิญญาณ ทำให้พลังจิตวิญญาณของนางค่อยๆหลอมรวมเข้ากับพลังวิญญาณของนางทีละน้อย เมื่อรวมปัจจัยทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้นางสามารถบรรลุระดับพลังที่เกือบเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณสีทองได้!
ระดับพลังดังกล่าวทำให้จวินอู๋เสียดีใจมาก สิ่งที่นางขาดมากที่สุดตอนนี้ก็คือพลังที่แข็งแกร่ง และเนื่องจากนางกำลังพยายามขัดขวางแผนการของอาณาจักรบน พลังวิญญาณขั้นสีม่วงจึงไม่เพียงพออีกต่อไป
“ข้าจะไปหาเขา” จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืนทันที นางตัดสินใจไปถามเรื่องนี้กับจวินอู๋เหยา