ณเวลานี้ เสี่ยวฮั่นรู้สึกเพียงแต่ความอับอายที่ทำให้เขาอยากจะหายตัวไป
จ้าวเทวะในสายตาของซือหยูมีค่าแค่ไหนกัน?หรือว่าไร้ค่ายิ่งกว่าผักปลา?
เหล่าสายลับเงียบเมื่อเหลือบมองเสี่ยวฮั่นด้วยความเวทนาพวกเขาเองก็เจอมากับตัวอย่างร้ายแรงเช่นกัน
“ข้าขอฝากคนเหล่านี้ให้เจ้าดูแลข้าต้องไปที่ดินแดนมีดสวรรค์อีกครั้ง”
“เดี๋ยวก่อน!”
เสวี่ยเหลียนอุทาน
“เจ้ายังมีเรื่องที่ทำไม่เสร็จอีกหรือ?”
ซือหยูคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ใช่เจ้าจะพูดแบบนั้นก็ได้ มีอะไรหรือ?”
เสวี่ยเหลียนหน้าเศร้าหมอง
“เทียบกับสิ่งที่เจ้าจะทำมีเรื่องเร่งด่วนกว่าอยู่อีกเรื่อง ต้องรายงานเรื่องนี้กับสำนักทันที”
สายลับอื่นสีหน้าจริงจังเช่นกันบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที พวกเขารู้อะไรกัน?
“พวกเราเจอความลับที่น่าตกใจของดินแดนมีดสวรรค์โดยบังเอิญพวกเราเลยถูกดินแดนมีดสวรรค์กำจัด พวกมันถึงกับยอมแลกทุกอย่างเพื่อจัดการกับคนที่เกี่ยวข้องกับเราด้วยทุกสิ่งที่มี…”
เสวี่ยเหลียนอธิบาย
ซือหยูนึกถึงบทสนทนาระหว่างผู้จัดการคุกทั้งสอง
สองในสี่ถูกส่งออกมาคุ้มกันเสวี่ยเหลียนและเหล่าสายลับเพื่อไม่ให้พวกนางได้แพร่งพรายความลับมันคือคำสั่งจากจ้าวดินแดนมีดสวรรค์โดยตรง
“ความลับอะไรกัน?”
เสี่ยวฮั่นสงสัย เสวี่ยเหลียนแสดงความตกใจบนใบหน้า
“เรารู้ว่าพวกดินแดนมีดสวรรค์ร่วมมือกับเผ่าภูติผี!”
แต่เสวี่ยเหลียนก็ต้องสับสนอย่างมากที่ซือหยูกับเสี่ยวฮั่นนั้นใจเย็นจนน่าแปลกเมื่อได้ฟังข่าวจากนาง
การปรากฏตัวของเซียนมณีการล่มสลายของเมืองมหาสัตว์อสูร และการเปลี่ยนแปลงจนทวีปสั่นคลอนมากมายได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาหกเดือน ทุกเรื่องทำให้เสี่ยวฮั่นคุ้นชินกับเหตุการณ์ประหลาดไปเสียแล้ว แล้วเรื่องเผ่าภูติผีจะน่าแปลกอะไรอีก?
สำหรับซือหยูเขายิ่งสนใจน้อยกว่า
“โอ้”
เขาพูดอย่างไร้อารมณ์
“เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
“ไม่”
เสวี่ยเหลียนเศร้าพวกนางเกือบจะตายกันหมดเพราะข่าวนี้ แต่เมื่อนางได้เล่าออกมานางก็ได้การตอบรับอย่างไม่สนใจใยดี!
“แต่พวกเรามีเบาะแส!เรารู้ว่าจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ติดต่อกับเผ่าภูติผีเป็นหลัก แต่คนที่รับผิดชอบการให้ทรัพยากรก็คือรองจ้าวดินแดนอันดับสาม เขาจะต้องมีรายละเอียดเรื่องการแลกเปลี่ยนระหว่างเผ่าภูติผีในมือ! ถ้าเรา…”
ซือหยูพูดแทรกก่อนที่นางจะพูดจบ
“ไม่เป็นไรข้ารู้แล้ว พวกเจ้าทุกคนไปพักเถอะ”
เมื่อได้รับคำตอบอย่างไม่ใยดีสองครั้งเสวี่ยเหลียนอดถามไม่ได้
“พวกเจ้าไม่ตกใจกันรึ?”
ซือหยูยักไหล่และพูดกับเสี่ยวฮั่น
“อธิบายพวกนางด้วยพวกนางหายจากโลกภายนอกไปครึ่งปี ข่าวที่พวกนางรู้มีจำกัดนัก”
เสี่ยวฮั่นเล่าเรื่องในระหว่างหกเดือนคร่าวๆ กับเหล่าสายลับ เมื่อฟังจบเสวี่ยเหลียนตัวแข็งทื่อ ในครึ่งปีที่ผ่านมา เขตมหาสัตว์อสูรได้หายไป! เซียนมณีเองก็กำลังซุ่มโจมตีทวีปราวกับสัตว์ประหลาดกระหายเลือด! ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย
แต่ที่เสวี่ยเหลียนตกใจมากที่สุดก็คือ…ซือหยูเขาคือบุรุษวิถีอสูรคนนั้น!!
“ไอ้คนขี้โกง!”
เสวี่ยเหลียนกัดฟันพูดด้วยความโมโห
ซือหยูหัวเราะเบาๆ เขาขึ้นขี่วิหคไม้พร้อมกับฉีกมิติบนนภา
“ข้าขอตัวก่อน”
เขาพูด
“เดี๋ยวเจ้าคิดจะไปหารองจ้าวดินแดนอันดับสามและหาหลักฐานที่ดินแดนมีดสวรรค์ร่วมมือกับเผ่าภูติผีรึ?”
เสวี่ยเหลียนอยากรู้ความตั้งใจของซือหยู
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะหยุดข้าหรอกนะ” เสวี่ยเหลียนหยิบกระดุมสีแดงออกมาจากแหวนของนางยื่นให้ซือหยู
“เอาสิ่งนี้ติดตัวเจ้าไปด้วย!”
ซือหยูรับมันและมองเสวี่ยเหลียนเขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
“สลายลับตำหนักโลหิตอยู่ดินแดนมีดสวรรค์มาหลายปีเราย่อมมีเครือข่ายเหลืออยู่บ้าง สิ่งนี้คือของแทนจากเจ้าตระกูลอู๋หยาง ตระกูลช่างใหญ่แห่งดินแดนมีดสวรรค์! เจ้าใช้สิ่งนี้เพื่อหาตัวเขาได้ เขาจะทำให้เขาได้เข้าใกล้รองจ้าวดินแดนอันดับสาม”
เสวี่ยเหลียนกล่าว
“ข้อมูลที่เราได้มาทำให้รองจ้าวดินแดนอันดับสามระแวงมากรอบกายมียอดฝีมือหลายคนคุ้มกันตลอดเวลา ยากที่คนแปลกหน้าจะเข้าหาได้ แต่เจ้าตระกูลอู๋หยางเป็นข้อยกเว้น เขาติดหนี้พวกเราอย่างใหญ่หลวง ตอนที่พวกเราย่ำแย่ เขาคิดจะช่วยพวกเราด้วยกำลังของทั้งตระกูล” “เขาเป็นคนพึ่งพาได้มอบสิ่งนี้ให้กับเขา เขาจะหาทางให้เจ้าได้เจอกับรองจ้าวดินแดนอันดับสาม ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็อยู่ที่เจ้า จะสำเร็จหรือล้มเหลว…อยู่ที่เจ้า”
นางมีคนแบบนี้อยู่ในมือด้วยหรือ?ซือหยูหายไปในรอยแยกมิติด้วยรอยยิ้ม
….
ที่คุกใหญ่ดินแดนมีดสวรรค์
พลังอสูรเนรมิตรหลายสายเคลื่อนย้ายฉวัดเฉวียนไปตามคุกเขตสามคนเจ็ดคนยื่นตระหง่านทั้งบุรุษและสตรี ทุกคนสีหน้าตึงเครียด
คลื่นพลังรอยแยกมิติเหนือคุกใหญ่ทำให้พวกเขาตกใจเมื่อพวกเขาเข้ามาสืบดูก็พบสิ่งที่ทำให้ใจหาย
สายลับทั้งหมดจากตำหนักโลหิตถูกช่วยออกไปแล้ว!
เหล่าผู้จัดการคุกที่ประตูเองก็ไม่ได้ส่งข้อความออกมาสักครั้งก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพวกเขาไม่คาดหวังว่าจ้าวเทวะระดับเก้าสองคนจะกำจัดศัตรูได้ทุกคน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะส่งข่าวได้บ้าง แต่พวกเขากลับถูกพาตัวออกไปอย่างไร้วี่แววทั้งอย่างนั้น
นอกเหนือจากนั้นกรงที่ทำจากเหล็กอสูรผลึกเวทที่พวกเขาภูมิใจก็ถูกทำลายอย่างย่อยยับ! ดูจากร่องรอยความเสียหาย มันถูกฟันด้วยอาวุธมีคม พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลย! เพราะแม้แต่อสูรเนรมิตรก็ไม่มั่นใจว่าจะหนีออกจากกรงนี้ได้
“ไม่สำคัญว่าใครจะมาช่วยอีกแล้ว”
อสูรเนรมิตรร่างกำยำคนหนึ่งพูดทำลายความเงียบ
สตรีวัยกลางคนที่ยืนด้านหน้าเขาทำหน้าเยือกเย็น
“เจ้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ได้อย่างไร? เรื่องใหญ่เช่นนี้ ท่านจ้าวดินแดนจะปล่อยเราไปหรือ?” ชายกลางคนร่างกำยำพูดเสียงดังฟังชัด
“พวกมันหายไปจากคุกของข้าข้าต้องรับผิดชอบเต็มที่ เจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้าเลย”
ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นรองจ้าวดินแดนส่วนชายวัยกลางคนคือรองจ้าวดินแดนอันดับสามที่กุมความลับ เมื่อเขาเสนอจะรับผิดชอบทั้งหมดด้วยตัวเอง รองเจ้าดินแดนคนอื่นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
“เจ้าคิดจะจัดการอย่างไร?เสียคนพวกนั้นไปไม่ใช่เรื่องเล็ก”
รองจ้าวดินแดนคนหนึ่งเป็นห่วงเขา
จ้าวดินแดนมีดสวรรค์ไม่เคยเป็นคนมีเมตตาเมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง เขาจะไม่ลังเลที่จะกำจัดเศษเบี้ยที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เช่นเดียวกับรองจ้าวดินแดนอันดับสามที่มีความลับอยู่ในมือ เขาอาจถูกจ้าวดินแดนฆ่าปิดปากก็ได้
“ข้าถึงพูดว่าไม่สำคัญว่าคนที่มาช่วยจะเป็นใครเรื่องสำคัญคือใครที่กำลังจะมาตามหาข้าต่อจากนี้”
ความเยือกเย็นแสดงบนสายตาของรองจ้าวดินแดนอันดับสาม
ไม่ผิดแน่เพื่อที่จะได้หลักฐานการร่วมมือกับเผ่าภูติผีของดินแดนมีดสวรรค์ ดินแดนพรสวรรค์จะต้องส่งคนมายังรองจ้าวดินแดนอันดับสามเพื่อขโมยหลักฐานจากเขาไป
ทุกคนเงียบและพากันสลายตัว
“รองจ้าวดินแดนสามถนอมตัวด้วย เราอยู่ด้วยกันมาหลายปี ข้าหวังว่าเจ้าจะฝ่าฝันอุปสรรคไปได้”
“ลาก่อน”
ทุกคนจากไปรองจ้าวดินแดนอันดับสามแหงนหน้ามองนภาและถอนหายใจเงียบ ๆ
….
ณเมืองมีดสวรรค์ ชายหนุ่มสวมชุดงดงามยืนหน้าประตูตระกูลอู๋หยาง
ตระกูลอู๋หยางขึ้นชื่อในงานช่างและจำนวนคนในตระกูลที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตระกูลของพวกเขากำลังรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก อีกทั้งพวกเขายังมีสายสัมพันธ์กับอสูรเนรมิตรและจ้าวเทวะในเมืองมีดสวรรค์อีกหลายคน พื้นฐานของตระกูลลึกล้ำไม่มีตระกูลใดเทียบได้
หลังจากยื่นกระดุมเม็ดสีแดงซือหยูถูกพาไปหาเจ้าตระกูลอู๋หยางอย่างรวดเร็ว
จุดที่เขาถูกพาไปคือห้องลับในสวนหลังเรือนมันเป็นที่ลับตาและห่างจากเรือนอื่น
“ใครส่งท่านมาหรือ?”
เจ้าตระกูลอู๋หยางเป็นชายแก่สวมหมวกขาวแต่เขาดูกระปรี้กระเปร่า คำพูดของเขาแสดงความแปลกใจ
คนนอกอาจจะไม่รู้เรื่องเหตุในคุกใหญ่แต่เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?
“เสวี่ยเหลียน”
ซือหยูตอบสั้นๆ
“นางบอกว่าด้วยสิ่งนี้เจ้าตระกูลอู๋หยางจะยื่นมือเข้าช่วย” เจ้าตระกูลอู๋หยางโศกเศร้า
“ตอนที่ข้าได้ยินว่าพวกนางถูกจับข้าพยายามจะช่วยพวกนาง แต่พวกนางรู้ความลับทุกอย่าง การจับกุมของพวกนางจึงแน่นหนา ข้ายินดีนักที่พวกนางถูกช่วยก่อนที่ข้าจะลงมือ”
เขาพูดต่อ
“ถ้าเจ้ามีสิ่งนี้กับตัวโปรดบอกเถิดว่าต้องการให้ข้าช่วยเรื่องอันใด ข้าจะไม่ปฏิเสธหากทำได้”
ซือหยูยิ้มและพยักหน้า
“ข้าอยากเข้าใกล้รองจ้าวดินแดนที่สาม”
ซือหยูพูดตรงไปตรงมาในเรื่องเหตุผลของการมาครั้งนี้
เจ้าตระกูลอู๋หยางผงะใบหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้น
“แล้วยังไงต่อรึ?”
“ฆ่ามันถ้าข้าต้องทำ” ซือหยูพูดเพื่อชิงหลักฐาน เขาอาจจะต้องเผชิญหน้าตาต่อตากับรองจ้าวดินแดนที่สาม จะเป็นอย่างไรต่อก็ไปก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ซือหยูพูดต่อหลังจากหยุดพัก
“เรื่องนี้อาจส่งผลกระทบต่อตระกูลอู๋หยางโปรดคิดให้ดี ท่านเจ้าตระกูล”
เจ้าตระกูลอู๋หยางเงียบผ่านไปนาน เขาตัดสินใจ
“ตระกูลอู๋หยางของข้าเต็มใจช่วยด้วยกำลังของเรา!แม่นางเสวี่ยเหลียนช่วยชีวิตข้าและตระกูลของข้า ข้ามิอาจตอบแทนน้ำใจนางได้มากพอ”
ในฐานะสายลับที่มีข่าวกับตัวเสวี่ยเหลียนได้ช่วยพวกเขาแก้วิกฤติด้วยข้อมูลที่นางมี
“ตั้งแต่ที่ตระกูลอู๋หยางมาตั้งรกรากในดินแดนมีดสวรรค์พวกเราเจริญรุ่งเรืองขึ้นในทุกวัน เป็นธรรมดาที่เราต้องตกเป็นเป้าของคนริษยา หนึ่งในนั้นคือรองจ้าวดินแดนที่สองเขาใส่ความตระกูลข้าและพยายามใส่ร้ายว่าเราขโมยสมบัติของจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ เคราะห์ดีที่แม่นางเสวี่ยเหลียนเตือนพวกเราทันการ พวกเราจึงระวังภัยได้ล่วงหน้า เรารอดพ้นวิกฤตินั้นมาได้ น้ำใจของนางคือสิ่งที่ข้าไม่มีวันตอบแทนได้”
ซือหยูยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ท่านเจ้าตระกูลไม่ต้องอธิบายหรอกโปรดบอกว่าท่านจะทำให้ข้าได้เข้าใกล้รองจ้าวดินแดนที่สามอย่างไร”
เจ้าตระกูลอู๋หยางลูบเคราคิดเขาตอบ
“ท่านจะว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้!ถ้าหากเป็นเวลาอื่น ท่านต้องรออย่างน้อยสักเดือนหรือนานกว่าที่จะได้เข้าใกล้รองจ้าวดินแดนที่สาม แต่อีกสองวัน บุตรชายของรองจ้าวดินแดนที่สามกำลังจะแต่งงาน ฝั่งเจ้าสาวที่จัดการเรื่องงานแต่งงานนี้ก็คือลูกสาวของรองจ้าวดินแดนที่สอง งานวิวาห์ของทั้งคู่ได้ถูกหมั้นหมายมานานแล้ว”
“งานแต่งนี้เป็นเรื่องใหญ่ในดินแดนมีดสวรรค์หลายตระกูลจะเข้าร่วมการเฉลิมฉลอง มีแขกมากนัก ตระกูลอู๋หยางของเราก็ได้รับคำเชิญ ท่านสามารถติดตามไปด้วยได้ แล้วท่านจะได้โอกาสเข้าใกล้รองจ้าวดินแดนที่สาม”
ช่างบังเอิญนัก!
สองวันถ้าเป็นอีกสามวันจากวันนี้ ซือหยูคงต้องลังเลเพราะอุปสรรคแห่งโชคชะตาของเขากำลังจะเริ่มขึ้น
“ดีล่ะข้าจะกลับมาในอีกสองวัน”
ซือหยูลุกขึ้น
“ใยไม่พักเรือนตระกูลข้าเล่า?”
เจ้าตระกูลเสนอ
ซือหยูโบกมือด้วยรอยยิ้ม
“น้ำใจท่านน่าเลื่อมใสแต่จะยุ่งยากหากมีคนเห็นข้า ข้าอยู่ให้ห่างจะดีกว่า”
เมื่อพูดจบเขาหายตัวไปราวกับผี
นอกจากการไม่อยากแสดงตัวเขาต้องปฏิเสธข้อเสนอด้วยอีกเหตุผล เพราะเขาไม่อยากจะสร้างปัญหาให้ตระกูลอู๋หยาง
คงไม่สะดวกหากต้องเคลื่อนไหวในตระกูลอู๋หยาง
…
สองวันให้หลังทั้งเมืองมีดสวรรค์อึกทึกคึกโครม ถนนทุกสายถูกตกแต่งด้วยของประดับหลากสีสัน ราวกับว่าเทศกาลใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
งานแต่งของบุตรรองจ้าวดินแดนที่สองและสามแห่งดินแดนมีดสวรรค์ถือเป็นงานใหญ่แขกพิเศษทั้งหมดในเมืองต้องเข้าร่วมงานเพื่อแสดงความยินดี
“นายน้อยซือท่านจะเข้าร่วมงานได้หากปลอมตัวเป็นคนตระกูลเรา”
เจ้าตระกูลอู๋หยางมองชายหนุ่มสวมหน้ากากสีเงินตรงหน้าเขาพยายามจะมองทะลุหน้ากากไป แต่ทุกอย่างที่เห็นก็คือความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ เขารู้ทันทีว่ามันคือสมบัติมิติล้ำค่าจากทักษะการช่างของเขา มันคือสมบัติที่จะทำให้ผู้สวมใส่ปิดบังใบหน้าตัวเองจากพลังภายนอกได้
ซือหยูมองถนนที่มีบรรยากาศความยินดี
“สบายใจได้ท่านเจ้าตระกูลพอข้าได้เข้าไป ข้าจะพยายามเปลี่ยนตัวตนเพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลอู๋หยางมีส่วนเกี่ยวข้อง”
“ไม่เห็นเป็นไรสองวันที่ผ่านมา ตระกูลอู๋หยางเตรียมตัวมาแล้ว”
เจ้าตระกูลอู๋หยางพูดอย่างไม่เคร่งเครียดนัก
หลังจากส่งบัตรเชิญให้ทั้งสองก้าวเข้าไปยังตำหนักและรอในโถงรับแขกอย่างเงียบเชียบเพื่อรอให้งานวิวาห์เริ่มขึ้น
ฤกษ์งามยามดีได้มาถึงแล้ว
เสียงประทัดดังก้องหูคู่สร้างคู่สมสวมชุดแดงเดินเข้ามาด้วยสายตาปลื้มปิติ
ซือหยูตกอยู่ในภวังค์เมืองมองคู่รักเขารู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในตำหนักเขตเซี่ยนหยู