หากเวลานั้นไร้ความขัดแย้งงานแต่งของเขากับฉินเซี่ยนเอ๋อก็คงจะไม่ถูกขัดขวาง เขาอาจจะได้เป็นราชาของเขตไปแล้ว ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่กับเจ้าสาวขี้เล่นน่ารัก พวกเขาอาจจะมีลูกด้วยก็ได้
ซือหยูถอนหายใจด้วยความหนักใจเขารู้สึกผิดต่อเซี่ยนเอ๋อ และเขารู้ว่านางจะต้องเกลียดเขาเมื่อตื่นขึ้นมา
ไม่มีสิ่งใดที่จะทำร้ายจิตใจนางได้มากกว่าการพบว่าบุรุษที่นางรักคนที่นางแต่งงานด้วย หาใช่คนที่นางคิดว่าเขาเป็น นางทุ่มเทต่อซือหยูอย่างมากแต่กลับได้ความจริงอันโหดร้ายตอบแทน ซือหยูไม่รู้เลยว่าเมื่อเจอหน้านางครั้งต่อไปจะต้องพูดเช่นใด
“อาจารย์ซือรองจ้าวดินแดนที่สามมาถึงแล้ว”
เจ้าตระกูลอู๋หยางเตือนเขาดึงซือหยูกลับสู่โลกความเป็นจริง ซือหยูรวบรวมสมาธิ
นั่นคือรองจ้าวดินแดนที่สามงั้นรึ?ซือหยูจดจำใบหน้าเอาไว้
“หลังจากแสดงความเคารพต่อฟ้าดินแขกพิเศษจะเข้ามามอบของขวัญ โอกาสดีใกล้เข้ามาแล้ว”
เจ้าตระกูลอู๋หยางเตรียมของขวัญและยื่นให้ซือหยู
“ท่านไม่ต้องลำบากอีกแล้วข้าเตรียมตัวมานานแล้ว”
ซือหยูบอกและยืนขึ้นเงียบๆ
“จากนี้ข้าจะจัดการเอง”
…
“ลำดับแรกคำนับต่อฟ้าดิน”
พิธีกรกล่าวดำเนินงาน
“ลำดับสองคำนับต่อบิดามารดา”
ในขั้นนี้คือขั้นที่ซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อถูกขัดขวาง มันจะไม่เกิดขึ้นในวันนี้
บุตรชายและลูกสะใภ้แสดงความเคารพรองจ้าวดินแดนที่สามน้อมรับด้วยความยินดี
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าลูกเอ๋ย เจ้าโตขึ้นแล้ว”
รองจ้าวดินแดนที่สามเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเขาหยินเอาไข่มุกขนาดเท่ากำมือออกมา
“นี่คือมุกพันปีข้าได้มาจากปู่เจ้าตอนที่เริ่มครอบครัว ครั้งนี้ขอส่งต่อมันให้กับเจ้าเพื่ออวยพรให้เจ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นสุข”
“ขอบคุณท่านพ่อ”
ทั้งสองรับไข่มุก
“บ่าวสาวคำนับกันและกัน”
ประกายแห่งความรักแสดงให้เห็นผ่านดวงตาของทั้งสอง
“พิธีสมบูรณ์แล้ว!ขอต้อนรับแขกทุกคน!”
การต้อนรับนี้คือรูปแบบการขอของขวัญสำหรับข้าวใหม่ปลามันคู่ใหม่ในวันนี้
“ยินดีด้วยท่านรองจ้าวดินแดนยินดีด้วย!”
“ฮ่าฮ่าขอบคุณที่ท่านมานะ ผู้เฒ่าหลี่”
“ยินดีด้วย!อีกไม่นานข้าจะได้เห็นหลานแล้ว ข้าจะได้มีความสุขเสียที”
“ฮ่าฮ่าข้าก็คิดเหมือนเจ้า!”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุขและถึงคราวของซือหยู
ในมือของเขามีสมุนไพรวิญญาณที่ได้มาจากแดนมณีมันอายุมากกว่าห้าร้อยปี แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาในจิวโจว มันเป็นของขวัญล้ำค่าที่หายากที่สุด
“ขอแสดงความยินดีกับท่านรองจ้าวดินแดนที่สาม”
ซือหยูยิ้มมอบของขวัญให้ด้วยมือทั้งสอง
รองจ้าวดินแดนที่สามเหลือบมองของขวัญด้วยรอยยิ้ม “รงค์หลิงจี่ห้าร้อยปีเป็นของหายากนัก”
“ขอแค่ท่านพอใจก็พอแล้วรองจ้าวดินแดนสาม”
ซือหยูยิ้มอย่างอ่อนโยน
รองจ้าวดินแดนที่สามไม่รับของขวัญรอยยิ้มของเขาได้เปลี่ยนเป็นใบหน้าเย็นชาที่มีจิตสังหาร
“ข้าพอใจกับของขวัญแต่คงไม่ดีแน่หากจะรับไว้! พวกเรามีแขกจากตำหนักโลหิตด้วยเรอะ? ข้ารอเจ้ามานานแล้ว!”
ตู้ม!
กระบี่จากด้านหลังรองจ้าวดินแดนที่สามฟันเป็นวงกว้างโค้งมาที่เอวของซือหยู
ซือหยูไม่เกรงกลัวเขาถอยหลบรัศมีกระบี่อย่างแม่นยำ
“เจ้าจะหนีไปไหน?!”
รองจ้าวดินแดนที่สามหายตกใจและเริ่มไล่ตามซือหยู กระบี่ของเขาฟาดฟันอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับมังกรที่ร่ายรำ
ซือหยูยิ้มและไม่โต้กลับหน้ากากของเขาหล่นลงเผยให้เห็นใบหน้าจริง
บางคนอุทาน
“เขาไม่ใช่อาจารย์ซือที่คิดลอบสังหารรองจ้าวดินแดน!”
ผู้พูดนั้นไม่ธรรมดาแต่เป็นเจ้าตระกูลอู๋หยาง
ผู้ที่สวมหน้ากากหาใช่ซือหยูแต่เป็นเสี่ยวไป่!
เสี่ยวไป่เหลือบมองเจ้าตระกูลอู๋หยาง
“นายท่านข้าคิดไม่ผิด!เจ้ามันเชื่อไม่ได้”
เจ้าตระกูลอู๋หยางหน้าหมอง
“เขาเดาได้นานแล้วรึว่าข้าหักหลังเขา?”
“ก็ใช่น่ะสิ!นายท่านเคยพูดว่าน้ำใจมิจำเป็นต้องได้รับการตอบแทน และก็มักจะได้ความชิงชังกลับมา” เสี่ยวไป่ปรับเสียงให้เหมือนกับน้ำเสียงของซือหยู
“นายท่านบอกว่าเมื่อน้ำใจติดตระกูลตระกูลย่อมเสี่ยงถูกกำจัด ตอนเจ้าทิ้งรกรากมาปักฐานใหม่ เจ้าย่อมมีภาระ! เจ้าอยากจะกำจัดภาระทิ้งเสีย แน่นอนว่าคนที่ถือหนี้บุญคุณกับเจ้าต้องตาย”
ตระกูลอู๋หยางตั้งรกรากที่ดินแดนมีดสวรรค์มาหลายร้อยปีรากฐานของตระกูลนั้นลึกล้ำ
เมื่อเข้าเรือนอู๋หยางซือหยูรู้ว่าเจ้าตระกูลอู๋หยางจะหักหลังเขา นี่เป็นอีกเหตุผลที่เขาไม่อยากอยู่กับตระกูลอู๋หยาง เจ้าตระกูลอู๋หยางยังคงใบหน้าตามเดิม
“ข้าทำเพื่อตระกูล!ข้าไม่ได้ทำผิด!”
เสี่ยวไป่หัวเราะเบาๆ
“นายท่านไม่ได้บอกว่าเจ้าทำผิดกลับกัน นายท่านเข้าใจเจ้าดีและบอกข้าว่าอย่าตอบโต้ถ้าไม่จำเป็น” เจ้าตระกูลอู๋หยางพูดไม่ออก
“นายเจ้าอยู่ไหน?เขาอยู่ที่ไหน?”
รองเจ้าดินแดนที่สามรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดเพี้ยนไป
“เราถูกหลอก!นี่เป็นแค่การตบตา!”
ซือหยูจากไปแล้วโดยใช้หุ่นเชิดเพื่อก่อความวุ่นวาย!
“พวกเจ้ารับมือ!เดี๋ยวข้ากลับมา!”
รองจ้าวดินแดนที่สามเหมือนจะเดาได้ว่าซือหยูไปไหนเขารีบตามไปทันทีที่เรือนหอ
ด้านในเรือนหอมีห้องที่ตกแต่งอย่างดีเพื่อการฉลอง
เมื่อคู่รักเข้ามายังห้องหอทั้งสองก็ตกใจเมื่อเห็นว่ามีคนนั่งในเรือนใหม่ของทั้งคู่แต่เพียงลำพังและดื่มเหล้าของพวกเขา
เขายิ้มเมื่อเห็นคู่บ่าวสาว
“เหล้าเลิศรส!ยินดีด้วยที่เจ้าได้แต่งงาน”
“เจ้าเป็นใคร?” ในฐานะที่เป็นบุตรแห่งรองจ้าวดินแดนที่สามเจิ่งเฉิงได้แบกรับความรับผิดชอบตั้งแต่อายุยังน้อย เขาปกป้องเจ้าสาวให้อยู่ด้านหลังและถอยหนีทันที
ปัง!
ซือหยูดีดนิ้วประตูปิดดังลั่น ยันต์ลวดลายมายาได้แปะที่กลางห้อง
“อย่าได้กลัวข้าไม่อยากทำร้ายพวกเจ้า แต่โปรดอย่าทำให้ข้าโมโห”
ซือหยูพูดด้วยแววตาไร้ความอาฆาตมาดร้าย
เจิ่งเฉิงปิดบังความตกใจได้ดีคนคนนี้เข้ามาในเรือนได้อย่างไร? มีคนคุ้มกันมากฝีมืออยู่ด้านนอก เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาอย่างเงียบเชียบเช่นนี้ เขาไม่รู้เลยว่าคนคุ้มกันด้านนอกได้ตกอยู่ในมายาแบบใด ยากมากที่คนเหล่านั้นจะได้สติกลับมา
“เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่?บุกเข้ามาในเรือนรองจ้าวดินแดนที่สามและพังงานแต่งใหญ่รึ? คงไม่ใช่เพราะเรื่องเงินกระมัง?”
เขาเข้าขวางตัวเจ้าสาวมิดชิดขึ้นถ้าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อเงิน มันก็ต้องเป็นเหตุอื่นที่หนักหนาสาหัสกว่า
ซือหยูอธิบาย
“บุตรชายของรองจ้าวดินแดนที่สามฉลาดนักข้าจะพูดตรงไปตรงมา ข้ามาจากตำหนักโลหิต เป็นศัตรูกับดินแดนมีดสวรรค์ของเจ้า ข้ามาเพื่อชิงหลักฐานที่พ่อเจ้ามี”
เจิ่งเฉิงตกใจ
“หลักฐานนั่นล้ำค่าพอที่เจ้าจะบุกเข้ามาในดินแดนของเรารึ?”
“พ่อเจ้าสมคาคิดกับเผ่าภูติผีลงทุนมอบทรัพยากรให้กับมัน”
“เผ่าภูติผีเรอะ?เหลวไหล! ไม่มีทางที่ท่านพ่อจะร่วมมือกับพวกมัน!”
เจิ่งเฉิงโกรธแค้นอย่างชายหนุ่ม
ซือหยูเห็นภาพสะท้อนตัวเองในวัยก่อนหน้า “พ่อเจ้าอาจจะไม่ได้ทำแต่จ้าวดินแดนเจ้าทำ พวกเจ้าเป็นฝ่ายเดียวกัน มันก็ไม่ต่างกันนัก”
ซือหยูพูด
เจิ่งเฉิงย่อมต้องไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลใครกันจะลืมเรื่องความสูญเสียในสงครามเมื่อร้อยปีก่อนได้?
การปะทะกันกับเผ่าภูติผีนั้นทำให้เผ่ามนุษย์แทบจะล่มสลาย
“เอาเถอะต่อให้เจ้าพูดถูก หลักฐานก็ต้องอยู่กับพ่อข้า เจ้ามาหาพวกข้าเพราะอยากจะให้พวกเราเค้นเอากับท่านพ่อของเราเรอะ?”
เจิ่งเฉิงมิอาจปิดบังความขยะแขยงบนใบหน้า
“เค้นเอาหลักฐาน?แน่นอนว่าไม่”
ซือหยูปฏิเสธ
“เพราะหลักฐานไม่ได้อยู่กับพ่อเจ้า”
“เจ้ารู้ได้ยังไง?” เจิ่งเฉิงพูดอย่างเย็นชา
ซือหยูยิ้ม
“ไม่ยากพ่อเจ้ารู้ว่าตำหนักโลหิตจะส่งคนมาชิงหลักฐาน คงจะง่ายเกินไปหากเก็บหลักฐานไว้กับตัว และพ่อเจ้าก็ไม่รู้ว่าใครจะมาตามหา หากเป็นตัวภูติผีเองเล่า? เก็บหลักฐานไว้กับตัวจะคุ้มค่าแล้วหรือ? พ่อเจ้าจะต้องเก็บหลักฐานไว้ที่อื่นที่ข้าไม่รู้ ข้าจะถามเจ้าที่เป็นลูกชายว่าเจ้ารู้ที่ซ่อนของพ่อเจ้าหรือไม่”
ซือหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจิ่งเฉิงคิดว่าคำพูดของซือหยูมีเหตุผลเขามิอาจโต้แย้งได้
“เจ้าขู่เอาชีวิตข้าเพื่อให้ข้าพาเจ้าไปหาที่ซ่อนของของท่านพ่อเรอะ?”
เจิ่งเฉิงถาม
ซือหยูดื่มสุราที่เหลือและส่ายหน้า
“แน่นอนข้าไม่ได้จะเอาชีวิตเจ้า ข้าจะเอาชีวิตเจ้าสาวของเจ้า เชื่อข้าเถอะ ในสายตาศัตรู ข้าน่ะโหดร้าย” เจิ่งเฉิงเริ่มเป็นกังวลเขาไม่ห่วงชีวิตตนเอง แต่คู่ครองของเขา…
“แต่ข้าเปลี่ยนใจแล้วเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าพ่อเจ้าสมคบคิดกับเผ่าภูติผีจริงหรือไม่? มาดูด้วยกันเถอะ เจ้าจะได้คลายข้อสงสัย ข้าจะได้สิ่งที่ข้าต้องการ”
เจิ่งเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตกลง
อย่างแรกเขาอยากจะให้เจ้าสาวปลอดภัย และอย่างที่สอง เขาต้องการยืนยันข้อกังขาในใจ
“พี่เจิ่งอย่าโดนมันหลอกนะ ถ้ามันคิดจะเอาสมบัติของท่านพ่อล่ะ?”
เจ้าสาวหน้าใหม่เตือนเขา
“ฉิวเอ๋อครั้งนี้ฟังข้าเถอะ”
เจิ่งเฉิงจับมือที่เป็นกังวลของภรรยา
“ถ้าเขาแค่ต้องการเงินสิ่งที่ต้องจ่ายในการบุกเข้ามาที่นี่นั้นมากเกินไป มากยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติของเราเสียอีก” “เช่นกันก็นำทางไปซะ”
ซือหยูดีใจเขาเชื่อว่าเขาจะได้หลักฐาน
ไม่นานต่อมา
“นี่คือห้องนอนของท่านพ่อข้ารู้ว่ามีห้องลับอยู่ในห้องนอนที่เขาสร้างมาด้วยพลังมิติ ข้าเปิดได้โดยใช้พลังมิติ ยังมีอีกกลไล แต่ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”
เจิ่งเฉิงมองซือหยูที่เดินไปมาด้วยความไม่พอใจ
ห้องลับรึ?ซือหยูคิดครู่หนึ่ง กระบี่สีเงินปรากฏในมือ เขาเริ่มฟันกระบี่ไปมา มิติถูกตัดเป็นรอยแยกมากมาย
เจิ่งเฉิงมองดูกระบี่และพูดด้วยความตกใจ
“กระบี่ที่ตัดมิติได้มิใช่เพราะคมกระบี่แต่เป็นเพราะพลังของกระบี่ที่มีพลังมิติ”
ตู้ม!
ทันใดนั้นเองเมื่อกระบี่แล่นผ่านมุมหนึ่ง เสียงบางอย่างระเบิดก็ดังขึ้น