บทที่ 2461 บัณเฑาะก์ 2
นี่เป็นหญิงหรือชายกันแน่?!
อวิ๋นเยียนหลีถามตัวเอง มองเห็นรูปโฉมของคนผู้นี้ชัดเจนหมดแล้ว แต่ยังคงแยกเพศไม่ออกอยู่ดี
เรือนกายคนผู้นี้สูงยิ่งนัก สูงถึงร้อยแปดสิบเจ็ด! อาภรณ์ที่สวมก็ดูคล้ายบุรุษ
แต่รูปโฉมงามหยาดเยิ้มเช่นนี้ คล้ายสตรีด้วย…
ทุกอากัปกริยาล้วนพิศได้มิมีหน่าย
“ทำไมเจ้าเพิ่งมา? ทำให้ข้ารอตั้งนาน!”
เมื่อคนผู้นี้เห็นอวิ๋นเยียนหลีก็เปิดปากเอ่ย สุ้มเสียงราวกับสาวน้อยที่คอยชายคนรัก นัยน์ตารื้นน้ำ ราวกับจะเกี่ยววิญญาณคนได้
อวิ๋นเยียนหลีงงงันไปแวบหนึ่ง
นิ้วมือที่อยู่ในแขนเสื้อเขาจรดร่ายแล้ว
“เจ้าเป็นอะไรกับตี้ฝูอี?!”
คนผู้นั้นกะพริบตา
“เจ้าเดาสิ?”
อวิ๋นเยียนหลีร้องเหอะ
“เจ้าเป็นลูกน้องเขา!”
“ต๊ายตาย รู้แล้วยังจะมาถามอีก!”
คนผู้นั้นดีดนิ้วเล็กน้อย
คนผู้นี้เป็นสตรีกระมัง? ยั่วยวนคนได้ถึงเพียงนี้!
“พวกตี้ฝูอีอยู่ที่ไหน?!”
อวิ๋นเยียนหลีไม่ได้ให้ความงามมอมเมา ขยับเข้าไปก้าวหนึ่ง อำนาจบนกายข่มขวัญคน จนคลื่นทะเลที่กำลังจะซัดสาดยังต้องม้วนกลับไป
“ไอ๊หยา เจ้าดุดันจัง!”
คนผู้นั้นถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กระโดดลงจากโขดหินทันที กระโจนลงน้ำเสียงดังตูม
นี่จะฉวยโอกาสหนีกระมัง?!
อวิ๋นเยียนหลีหยักมุมปาก ในเมื่อถูกเขาหาพบแล้ว คิดจะเล็ดรอดจากใต้เปลือกตาเขาไปอีกไม่มีทางเป็นไปได้!
เขารวบนิ้วขยุ้มเล็กน้อย น้ำทะเลที่อยู่รอบๆ เดือดปุดๆ ขึ้นมา กลายเป็นสายน้ำนับไม่ถ้วนสานไขว้ถักทอกันอยู่ตรงนั้น สานจนกลายเป็นแหใหญ่ผืนหนึ่ง ในแหคือภูตปลาหมึกตนนั้น
เส้นผมเปียกโชก อาภรณ์เปียกชุ่ม คนผู้นี้ยืนอยู่ในแหวารี เสมือนดอกชบาที่โผล่พ้นน้ำดอกหนึ่ง แม้แต่บนขนตาก็มีหยดน้ำเกาะอยู่ เมื่อกะพริบตาเบาๆ หยาดน้ำก็ร่วงลงมาจากขนตา ไหลกลิ้งไปตามพวงแก้มขาวลออ ดุจโฉมงามหลั่งน้ำตา
ยามนี้โฉมงานมองอวิ๋นเยียนหลีอยู่ คล้ายขุ่นเคืองคล้ายแง่งอน
“น่าเสียดายถุงหนังที่หล่อเหลาถึงเพียงนี้ของเจ้า ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผา เจ้าคิดจะจับผู้อื่นเยี่ยงมัจฉารึ?”
ชั่วชีวิตนี้อวิ๋นเยียนหลีเคยพบพานหญิงงามมากกว่าเม็ดทรายเสียอีก ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วเขาจึงไม่มีจิตใจนึกรักหยกถนอมบุปผา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงหัวเราะหยันคราหนึ่ง มือค่อยๆ กำแน่น พร้อมๆ กับการขยับของเขา แหวารีผืนนั้นก็ค่อยๆ หดรัด พันคนผู้นั้นไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง พวกตี้ฝูอีอยู่ที่ไหน?! ถ้าเจ้าไม่พูดอีก ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าจะเฉือนเจ้าให้เป็นแปดซีก!”
เส้นแหของแหวารีรัดคนผู้นั้นไว้แน่น ไม่น่าเชื่อว่าคนผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะดิ้นรนเลย กลับเชิดหน้าขึ้น
“เจ้าเฉือนข้าให้เป็นสิบแปดซีกข้าก็ไม่พูด!”
หนอยแน่! หัวแข็งเหลือเกินนะ!
อวิ๋นเยียนหลีก็ไม่พูดต่อแล้ว เพียงรวบแหให้แน่น
บนแหนี้ของเขาผสานพลังวิญญาณมหาศาลเอาไว้ ไม่เพียงแต่จะรัดรึงคนที่อยู่ด้านในอย่างแน่นหนาเท่านั้น ยังกรีดเฉือนคนเข้าไปทีละชุ่นๆ ด้วย
เส้นแหรัดรึงเข้าสู่ส่วนลึกของอาภรณ์คนผู้นั้นแล้ว บาดเข้าไปในผิวหนัง กล้ามเนื้อ…
อวิ๋นเยียนหลีหรี่ตานิดๆ เขาก็อยากเห็นเช่นกันว่าสุดท้ายแล้วคนผู้นี้จะหัวแข็งได้สักแค่ไหน จะต้านรับแหวิญญาณผืนนี้ของเขาได้หรือไม่!
ดูเหมือนนอกจากความชำนาญในการแปลงร่างเลียนเสียงแล้ว คนผู้นี้จะไม่มีความสามารถอื่นแล้วจริงๆ ถูกแหพลังวิญญาณของเขารัดไว้ก็ดิ้นรนออกมาไม่ได้…
เพราะคนผู้นี้เคยหนีไปแล้วครั้งหนึ่งอวิ๋นเยียนหลีจึงระมัดระวังยิ่งนัก จ้องเขาเขม็งตลอด ไม่กล้าเผอเรอเลยสักนิด
“ไอ๊หยา คนอย่างเจ้าช่างโหดเหี้ยมจริงๆ! ไม่น่าเชื่อว่าจะปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นนี้!”
คนผู้นั้นร่ำร้องออกมาน้ำตาหยดเผาะๆ
อวิ๋นเยียนหลีร้องเหอะ ไม่สนใจ
คนผู้นั้นกะพริบดวงตาฉ่ำน้ำทีหนึ่ง คล้ายจะคุยกับตัวเอง
“ดูเหมือนข้าจะมีเสน่ห์ไม่พอ หรือข้าต้องเปลื้องผ้าถึงจะได้ผล?”
อวิ๋นเยียนหลีพูดไม่ออกแล้ว…
หน้าไม่อาย!
————————————————————————————-
บทที่ 2462 บัณเฑาะก์ 3
สมกับเป็นคนของเผ่ามารจริงๆ ช่างหน้าไม่อายนัก!
อวิ๋นเยียนหลียังไม่ทันได้เอ่ยวาจาหยามหยันออกมา ก็พบว่าอาภรณ์บนร่างคนผู้นั้นสลายไปแล้ว สลายไปอย่างรวดเร็วทีละชุ่นๆ เผยท่อนแขนขาวกระจ่างออกมาก่อน จากนั้นก็เผยช่วงไหล่ที่ราวกับกระเบื้องเคลือบออกมา ช่วงอกโผล่ออกมา…
สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีเขียวคล้ำ ละสายตาไปตามสัญชาตญาณ…
เดี๋ยว ไม่ถูกสิ!
อกของคนผู้นั้น…
เมื่อกี้เขาเห็นแวบๆ ตรงหางตาว่าอกของคนผู้นั้นเรียบแบน…
ขณะที่เขากำลังจะเบนสายตากลับไป
ในช่วงเวลานี้เองได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน คลื่นน้ำทึบทะมึนสายหนึ่งก็ผุดออกมาจากพื้นใต้ฝ่าเท้าเขา ซัดเข้าใส่เขาทันที!
มารดามันเถอะ ไม้นี้อีกแล้ว!
ปฏิกิริยาตอบสนองของอวิ๋นเยียนหลีว่องไวจริงๆในช่วงคับขันเขาพลันพลิกตัว ร่างถอยห่างออกไปหลายจั้ง จากนั้นก็โบกแขนเสื้อ เกราะกำบังสีฟ้าอ่อนก่อขึ้นด้านหน้าเขา มวลน้ำทึบทะมึนสายนั้นพ่นเข้าใส่กำบังนั้นทั้งหมด แรงโจมตีมหาศาลกระแทกจนกำบังนั้นสั่นสะเทือน
รอจนมวลน้ำหมึกไหลลงพื้นแล้ว อวิ๋นเยียนหลีก็เงยหน้ามองไปที่โขดหินทันที พบว่าคนผู้นั้นหายไปจากแหวารีแล้ว
อวิ๋นเยียนหลีตกตะลึง
เมื่อครู่ถึงแม้เขาจะชักนำพลังวิญญาณบางส่วนกลับมาเพื่อสร้างเกราะกำบังปกปิด แต่ไม่ได้ละทิ้งแหวารีอย่างสมบูรณ์ มันน่าจะยังรัดแน่นอยู่สิแล้วคนผู้นั้นหนีไปได้อย่างไรกัน?!
อวิ๋นเยียนหลีกวาดตามองรอบข้าง มองเห็นเพียงท้องทะเลเวิ้งว้าง ไม่เห็นเงาร่างคนอีกเลย
ไม่น่าเชื่อว่าจะหลบหนีไปเช่นนี้!
อวิ๋นเยียนหลีโมโหนัก
คนที่สุขุมลุ่มลึกอย่างเขาก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกันสบถประโยคหนึ่งออกมา
“ไอ้บัณเฑาะก์ที่น่าตาย!”
โฉมงามที่หยาดเยิ้มอรชรผู้นั้นไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นชายทั้งแท่ง!
อวิ๋นเยียนหลีรู้สึกว่าสามมุมมองของตนถูกทำลายอีกครั้งแล้ว…
เขามองท้องทะเลที่มีระลอกคลื่นซัดโถม ยิ้มหยันแวบหนึ่ง
นึกว่าน้ำทะเลจะสามารถขัดขวางการติดตามรอยของเขาได้หรือ?
ฝันไปเถอะ!
เขาเป็นซ่างเสิน วิชาเวทวารีก็ยอดเยี่ยมนัก ท้องทะเลอันกว้างใหญ่นี้ไม่มีทางขวางเขาได้!
เขาทะยานร่างขึ้น ร่อนลงไปในทะเล ดำดิ่งสู่ส่วนลึก
เขาจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนกู้ซีจิ่วเคยบอกเขาไว้ เล่าว่านางมีตำหนักบาดาลแห่งหนึ่งอยู่ที่โลกเบื้องล่าง ทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี ก็จะไปนั่งเล่นที่นั่น พักผ่อนหย่อนใจ
จากสิ่งนี้จึงทราบได้ว่า ศาสตร์วารีของนางล้ำเลิศอย่างยิ่ง!
ครั้งนี้มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่านางจะพาตี้ฝูอีไปซ่อนตัวใต้ทะเลแห่งนี้ ไม่แน่ว่าก้นทะเลของแดนอสุราอาจมีวังบาดาลอันใดอยู่เช่นกัน…
พิรุณโลหิตกำลังจะตกแล้ว กู้ซีจิ่วจะต้องพาตี้ฝูอีไปเสาะหาสถานที่หลบเลี่ยงพิรุณโลหิตแน่นอน
และสถานที่ที่สามารถหลบเลี่ยงพิรุณโลหิตได้ก็มีเพียงสองแห่งเท่านั้น หนึ่งคือทะเลแห่งนี้ สองก็คือเมืองเล่อกั่ว
มีเพียงสองแห่งนี้ที่พวกเขาสามารถไปถึงได้ก่อนฟ้ามืด
ในเมื่อลูกน้องคนนี้ของตี้ฝูอีเป็นชาวบาดาล เช่นนั้นมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่พวกเขาจะไปซ่อนใต้ทะเล
เมื่อเทียบกับเมืองเล่อกั่วบนบกที่เป็นขุมกำลังหลักของอวิ๋นเยียนหลีแล้ว เห็นได้ชัดว่าใต้ทะเลแห่งนี้ปลอดภัยกว่า
ต่อให้อวิ๋นเยียนหลีอยู่ในน้ำความเร็วก็ยังว่องไวยิ่งนัก แหวกผ่ายสายธาราปานกระสุนปืนใหญ่ลูกหนึ่ง ในไม่ช้าก็ตรวจพบกลิ่นอายของมนุษย์หมึกตนนั้น…
วิชาสืบรอยทั่วไปเมื่อตามมาถึงริมน้ำร่องรอยของอีกฝ่ายก็จะหายไป เนื่องจากสายน้ำจะชะล้างกลิ่นอายทุกอย่างบนร่างคน
แต่วิชาสืบรอยของอวิ๋นเยียนหลีติดตามร่องรอยของพลังวิญญาณโดยตรง ดังนั้นต่อให้กลิ่นอายทุกอย่างของมนุษย์หมึกชะล้างไปกับสายน้ำแล้ว อวิ๋นเยียนหลีก็สามารถหากลิ่นอายของเขาได้อยู่ดี
เขาเสียท่าให้คนผู้นี้หลายครั้งแล้ว เพลิงโทสะในใจจึงพวยพุ่งสูงครึ่งนภาแล้ว!
สาบานไว้ว่าจะจับคนผู้นี้ให้ได้ เลาะหนังปลาหมึกของเขาออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
รอจนจับมนุษย์หมึกตัวนี้ได้ ค่อยไปตามหาพวกกู้ซีจิ่วที่ซ่อนตัวอยู่ในวังบาลดาลใต้ทะเล พยายามรวบจับทั้งหมดให้ได้ในคราวเดียว!
ในไม่ช้าเขาก็ลงมาถึงก้นทะเลแล้ว