GGS:บทที่ 800 ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศในหอประลองยุทธ์ตอนนี้ค่อนข้างอึมครึม
เหล่าผู้ชมในสนามตอนนี้จ้องมองซูจิ้งราวกับเห็นสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน
เขาคือคนที่ซัดนักคาราเต้กว่า 40 คนลงนอนกองกับพื้นได้ด้วยตัวคนเดียว
ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง ภาพแบบนี้หากจะพอเคยเห็นอยู่บ้างก็เพียงแค่ในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้เท่านั้น
ขนาดนักข่าวที่ตอนซูจิ้งซัดคิมูระกระเด็นกลิ้งหลุนๆลงไปกองกับพื้นแล้วกำลังวิ่งจะไปสัมภาษณ์ ในตอนนี้พวกเขายังยืนนิ่งอยู่กับที่กลัวว่าจะโดนหางเลขไปด้วย
แต่ซูจิ้งนั้นดูเหมือนจะยังคงทำตัวธรรมดาสามัญทั่วไป เขายังคงแนะนำเพลงหมัดนี้ต่อเหล่าผู้คนที่กำลังชมการสตรีมของเขาอยู่
เขาหันไปพูดกับกล้องมือถือที่ฉือชิงกำลังถืออยู่ว่า “กระบวนท่าที่ผมใช้เมื่อครู่นี้เองก็เป็นกระบวนท่าในแต่ละรูปแบบของเพลงหมัดวัวคลั่งเช่นเดียวกัน
อย่างที่เห็น เพลงหมัดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าได้อย่างสอดคล้อง พร้อมรับทุกสถานการณ์และรุกได้เมื่อสบโอกาส
หากคุณได้เรียนรู้แล้ว ผมรับประกันได้เลยว่าคุณจะทำได้แบบเดียวกับผม
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าการฝึกเพลงหมัดนี้หลังจากฝึกแล้วจะเหนื่อยมาก เพราะฉะนั้นอย่าฝืนฝึกหากว่าไม่พร้อมแล้วค่อยกลับมาลองทีหลังก็ยังได้
หากว่าพวกคุณลองฝึกตามวีดิโอนี้แล้วพบว่า ร่างกายรับไหวและสนุกไปกับมัน พวกเขาสามารถเข้ามาเรียนรู้กระบวนท่าอื่นได้ที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้สัประยุทธ์ได้นะครับ”
หลังจากได้ยินที่ซูจิ้งพูด ฮัวเฟยหยุน ไชวูเฟิง และจี้เสี่ยวถิงต่างก็นิ่งอึ้งไปพร้อมๆกัน พวกเขาประหลาดใจมากที่ซูจิ้งโฆษณาโรงฝึกของพวกเขาอย่างนี้
ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาพูดอย่างนี้นั่นหมายความว่าซูจิ้งจะยอมสอนรูปแบบที่สองและสามแบบเต็มๆให้กับโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวของพวกเขา
หวู่หลงในตอนนี้ได้จ้องมองไปยังฮัวเฟยหยุนและคนอื่นๆ เขาเองก็ได้เห็นความกล้าหาญของคนพวกนี้ไม่น้อยเลยจึงตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวสัประยุทธ์ ต่อให้ต้องมอบโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวของเขาให้คนอื่นก็ตาม
“ซู ซูจิ้ง เพลงหมัดว..วัวคลั่งนี้มีที่มาที่ไปยังไงหรือ…ครับ” นักข่าวชายวัยกลางคนในที่สุดก็รวบรวมความกล้าจนสามารถเดินเข้าไปถามซูจิ้งเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่ดูเหมือนเขาก็ยังกลัวอยู่บ้างเลยยืนสัมภาษณ์แบบห่างๆกว่าที่ควรจะเป็น
“ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอกครับ ผมเองได้ลองสร้างศิลปะการต่อสู้ของตัวเองดูเพราะผมเคยได้เห็นวัวกระทิงถูกรุมด้วยคนหลายคนแต่ก็ยังรอดมาได้ ผมก็เลยลองเลียนแบบดูบ้างแค่นั้นเอง”
เอาจริงๆเขาก็ไม่อยากพูดออกมาอย่างนี้ซักเท่าไหร่แต่ถ้าจะให้บอกความจริงว่ามาจากห้วงเวลาอื่นฯเขาก็ไม่ไหวจะเคลียเหมือนกัน เขาจึงขอสมอ้างเองดีกว่า
“แล้ววว..ผู้หญิงสามารถฝึกได้รึเปล่าคะ” นักข่าวหญิงคนหนึ่งได้ถามออกมา
“ได้อย่างแน่นอนครับ การฝึกเพลงหมัดชุดนี้ไม่เพียงจะทำให้มีวิชาไว้ใช้ป้องกันตัวเองได้ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยกระชับสัดส่วน หากว่าใครก็ตามที่อยากออกกำลังกายเพียงเพื่อการกระชับสัดส่วนอยู่แล้ว ผมขอแนะนำเพลงหมัดนี้เป็นทางเลือกให้พวกคุณครับ” ซูจิ้งพูดออกมา
ความจริงนั้นเขาไม่ค่อยชอบการให้สัมภาษณ์นักข่าวแบบนี้เลย แต่เวลานี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เพราะยิ่งเขาสร้างชื่อเสียงให้เพลงหมัดนี้มากเท่าไหร่ ค่าการใช้ประโยชน์ของฉิงหยุนก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าไม่นำเพลงหมัดมาแสดงออกสื่ออย่างนี้ล่ะก็ คงอีกนานกว่าจะได้ค่าการใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน
นอกจากนี้วิธีการนี้ยังช่วยเพิ่มค่าความศรัทธาของเหรียญตราเทวฑูตและค่าความโหดร้ายของเหรียญตรายมฑูต(ปีศาจ)ได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่สัมภาษณ์ คิมูระ โอฉิงซงและสมาชิกสำนักคาราเต้ยังพยายามจะตะเกียกตะกายออกจากที่นั่น
พวกเขาเองไม่อยากจะเป็นที่สนใจของนักข่าวอีกต่อไปเพียงอยากออกไปจากที่นี่ก็พอ แต่ที่พวกเขาทำได้ตอนนี้ก็เพียงการคลานไปกองอยู่ขอบสนามเท่านั้น
นักข่าวยังคงสัมภาษณ์ซูจิ้งต่อไปเป็นเวลาร่วมๆ 20 นาที ในที่สุดซูจิ้งและคนอื่นๆก็ได้พากันออกจากหอประลอง
ซูจิ้งไม่ได้ตรงกลับบ้านแต่เลือกที่จะไปโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้สัประยุทธ์เพื่อที่จะสอนเพลงหมัดวัวคลั่งทั้งสามรูปแบบให้กับฮัวฮงหยาง ฮัวเฟยหยุน จี้เสี่ยวถิง และไชวูเฟิง
แน่นอนว่าทุกคนแม้แต่ฮัวฮงหยางเองก็ไม่สามารถจะจดจำและเรียนรู้ได้หมดในคราวเดียว ซูจิ้งจึงได้อัดวีดิโอเอาไว้ให้พวกเขา
ฮัวฮงหยาง ฮัวเฟยหยุน จี้เสี่ยวถิง ไชวูเฟิง และนักเรียนคนอื่นๆต่างก็รู้สึกได้ว่า หลังจากเรียนเพลงหมัดนี้แล้ว ร่างกายมีความอบอุ่นมากขึ้น ความรู้สึกเหมือนกับว่าทุกส่วนของร่างกายแข็งแกร่งขึ้นแบบนี้ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมหัศจรรย์ใจ
พวกเขาต่างก็คิดกันว่าซูจิ้งเปรียบได้ดั่งผู้วิเศษในวงการศิลปะการต่อสู้
เขาพึ่งจะเข้าวงการนี้มาได้แค่ประมาณปีหนึ่ง ขนาดไม่ค่อยได้เรียนเท่าไหร่ด้วยซ้ำ
แต่กลับมีฝีมือเทียมฟ้าเหนือผู้คน แถมยังสร้างเพลงหมัดที่ทรงพลังขนาดนี้ขึ้นมาได้อีก
ในขณะเดียวกัน ข่าวที่ซูจิ้งดวลเดี่ยวกับนักคาราเต้สี่สิบคนพร้อมกันด้วยตัวคนเดียวโดยใช้เพียงเพลงหมัดวัวคลั่งนี้ได้แพร่กระจายไปบนอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว มีหลายคนที่ลองฝึกเพลงหมัดวัวคลั่งนี้ตามวิดีโอแล้วเหมือนกัน
หากเปรียบเทียบเพลงหมัดวัวคลั่งนี้กับเพลงหมัดที่ได้จากห้วงเวลาฯเฉินมู่แล้ว เพลงหมัดวัวคลั่งนี้ฝึกตามได้ง่ายกว่ามาก
และหากลองเทียบกับศิลปะการต่อสู้อื่นบนโลกแล้ว เพลงหมัดนี้ก็ยังถือว่าฝึกง่ายกว่าศิลปะการต่อสู้อื่นๆอยู่พอสมควร
และต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้มีทักษะการต่อสู้ดีซักเท่าไหร่ ตราบใดที่ยังคงฝึกอย่างสม่ำเสมอมันก็ยังส่งผลดีกับร่างกายและใช้ป้องกันตัวได้พอสมควร
แต่หากเป็นคนที่มีทักษะการต่อสู้แล้วจะยิ่งแสดงอาณุภาพได้ดียิ่งขึ้น
ผู้คนทั่วประเทศจีนในตอนนี้ต่างก็รับรู้ได้ถึงความวิเศษของเพลงหมัดวัวคลั่งแล้วในตอนนี้
พวกเขาเองก็ได้ลองฝึกตามวิดีโอแล้วเหมือนกัน ทันทีที่ฝึกพวกเขารู้สึกได้เลยว่าสุขภาพของพวกเขาดีขึ้น
ตอนนี้มีพวกเขาจำนวนมากที่ได้แต่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในทุกวัน
ในหมู่พวกนั้นมีคนที่เป็นโนคกระดูกพรุน หรือไม่ก็เป็นพวกมีอาการบางอย่างที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก แต่
คนเหล่านี้เมื่อได้ลองฝึกเพลงหมัดนี้ ต่างก็รู้สึกว่าร่างกายส่วนนั้นมีอาการดีขึ้น เรียกว่าได้ผลดีเสียยิ่งกว่าไปหาหมอซะอีก
ในโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้แห่งหนึ่ง มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่โดยที่เขาได้วางเท้าข้างหนึ่งไปข้างหน้า เท้าข้างหนึ่งอยู่ข้างหลังเล็กน้อยและได้ย่อตัวลง
เขาทำการจับเส้นเอ็นที่ต้นขาทั้งสองข้างพร้อมทั้งทำการเขย่าอย่างรุนแรงและทำการกรีดเส้นและทำการทุบอย่างแรงจนกระทั่งเส้นเอ็นดังกล่าวส่งเสียงดังปึ้ดเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาก็จับไปบริเวณน่องแล้วทำเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นจึงปล่อยมือแล้วก้าวเดินออกไป
นี่เป็นกระบวนท่าหนึ่งของเพลงหมัดวัวคลั่งรูปแบบที่หนึ่งหมัดวัวคลั่ง
ชายวัยกลางคนคนนั้นยังคงพยายามต่อไป
เมื่อเขาเดินไปได้อีกหลายก้าว ในตอนนี้เขารู้สึกได้ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในขาของเขา และเกิดอาการคล้ายกันในทุกส่วนของร่างกาย
ด้วยความรู้สึกแข็งแกร่งที่เขาสัมผัสได้ในตอนนี้ เขาเริ่มครางออกมา หลังจากนั้นเขาก็ได้กัดฟัน กลั้นลมหายใจ และตั้งสมาธิไว้ที่แขนของตนเอง และต่อยออกไป
กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายสั่นไหวในขณะที่ปล่อยหมัด มันเหมือนกับว่ามีพลังงานบางอย่างไหลไปรวมอยู่ที่หมัดของเขา มันความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันทั้งทรงพลัง สดชื่น และผ่อนคลาย
“เพลงหมัดชุดนี้ช่างทรงพลังจริง ซูจิ้งนี่วิเศษมาจากไหนกัน เขาถึงสามารถสร้างเพลงหมัดดีๆแบบนี้ทั้งที่ยังเยาว์นัก
ดูเหมือนว่าในที่สุดฉันเองก็พบศัตรูที่คู่ควรแล้ว” ชายวัยกลางคนคนนี้ได้หยุดการฝึกลงพร้อมมองร่างกายตัวเองด้วยความตกใจ
ด้วยการที่ตัวตนของเขานั้นแทบจะอยู่ในจุดสูงสุดของวงการศิลปะการต่อสู้ในตอนนี้แล้ว จึงรับรู้ได้ถึงอาณุภาพของเพลงหมัดวัวคลั่งนี้ดียิ่งกว่าใคร
ในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนตัวสูงได้ยืนข้างหน้าชายหนุ่มตัวสูงสามคน ชายวัยกลางคนได้พูดขึ้นมาว่า “เข้ามาเลยทั้งสามคน ขอฉันได้ลองหมัดวัวคลั่งนี่หน่อยเถอะ”
“ครูฝึกจะให้พวกเราสามคนเข้าไปพร้อมกันเลยหรือครับ” ชายทั้งสามได้ถามด้วยความจริงจัง
ที่ผ่านมานั้นพวกเขาเป็นทีมเดียวกันมาตลอด และตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยชนะครูฝึกคนนี้ได้เลย ถึงแม้จะเลื่อนยศมาระดับเท่ากันแล้วแต่ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ครั้งนี้หากพวกเขาร่วมมือกันแล้วชนะพวกเขาก็ไม่คิดจะอิดออดแม้แต่น้อยเพราะได้ระบายแค้นอยู่บ้าง
“แน่นอน เข้ามา” ครูฝึกวัยกลางคนยิ้มยั่ว
“ดีงั้นพวกผมไม่เกรงใจล่ะนะ” ชายสามคนมองหน้ากันด้วยแววตาแห่งชัยชนะก่อนที่จะพ่งุเข้าไปด้วยกัน ขณะเดียวกันก็ได้มีเสียงดังมาจากโดยรอบนั่นก็คือสมาชิกคนอื่นที่คอยส่งเสียงเชียร์ให้คนต่อยกัน
“ปังปังปัง” ไม่ถึงสองนาที ชายทั้งสามก็ร่วงลงไปนอนกับพื้น พร้อมเสียงเชียร์จากผู้ชม ชายตัวสูงที่กำลังยืนอยู่นิ่งๆดูสภาพของชายสามคนที่นอนกองกับพื้นด้วยฝีมือของตัวเองได้พูดขึ้นว่า “ไอ้ตัวเหม็นเอ้ย พวกแกน่ะท้าทายฉันได้ แต่กว่าจะสู้ฉันได้ รอไปอีกร้อยปีแล้วกัน ฮ่าฮ่าฮ่า”
ชายสามคนนั้นรู้สึกจิตตกในทันที ขนาดพวกเขาร่วมมือกันสามคนยังเอาชนะเพลงหมัดนี้ไม่ได้ ช่างเป็นเพลงหมัดที่ทรงพลังจริงๆ
หลังจากเห็นอาณุภาพของเพลงหมัดวัวคลั่งแล้ว คนอื่นๆในกลุ่มของพวกเขาก็ตะลึงไม่น้อย
มันเหมือนกับว่าในทุกที่ในเมืองจีนตอนนี้มีคำสั่งลับๆออกมาว่าให้ทดลองฝึกเพลงหมัดวัวคลั่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสอนศิลปะการตอ่สู้ ค่ายทหาร โรงพละ หรือแม้แต่สนามประลองก็ตาม
ทั่วทั้งประเทศในตอนนี้ได้หลั่งไหลให้ความสนใจในการฝึกเพลงหมัดวัวคลั่งนี้กันอย่างล้นหลาม
เพลงหมัดนี้ได้รับความนิยมประหนึ่งดังเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไปแล้ว
คนที่ฝึกล้วนแต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหลังจากฝึกเพลงหมัดวัวคลั่งแล้วทำให้ร่างกายรู้สึกสบายขึ้น ผ่อนคลายมากขึ้น รูปร่างดีขึ้น ตลอดจนถึงกับทำให้อาการของโรคบางอย่างหายไปได้
สำหรับซูจิ้งเองนั้นในตอนนี้อันดับของเขาในรายการจัดอันดับดาราได้พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ชนิดที่แม้แต่คนในวงการบันเทิงที่ออกงานอยู่บ่อยครั้งก็ยังต้องโง่งมเมื่อพวกเขาทราบข่าว
พวกเขาต่างสงสัยกันว่ากะอีแค่เพลงหมัดชุดเดียวทำให้คนๆหนึ่งเด่นดังขนาดนี้ได้ยังไง
ซูจิ้งเองก็มีความสุขไม่น้อยเช่นกัน แต่ไม่ใช่พระจากอันดับดาราที่เพิ่มสูงขึ้น และไม่ใช่จากเหรียญตราเทวฑูตและยมฑุตแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะค่าการใช้ประโยชน์ของฉิงหยุนที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วต่างหาก