ภาคที่ 4 บทที่ 212 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 212 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ

เมื่อเก็บศิลาดนตรีแห่งสัจธรรมไปแล้ว การโจมตีของวังลอยฟ้าสีเลือดก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ฝุ่นปลิวไปทั่ว ระยะการโจมตีขยายขึ้นอีก 100 จั้ง เล็งมาทางอานู๋ปี่

ไปตอนนี้ ใจสีเลือดไม่จำเป็นต้องมีศิลาดนตรีแห่งสัจธรรมช่วยเพื่อดูว่าต้องโจมตีไปทางทิศใดแล้ว กลุ่มทหารกำลังล่าถอยโดยด่วน และคนที่นำอยู่คือตัวอานู๋ปี่

ใจสีเลือดมีสติปัญญาจึงเข้าใจในทันที แม้จะไม่รู้สาเหตุที่ศัตรูพลันเผยตัว แต่ก็รู้ว่านั่นคืออานู๋ปี่ตัวจริง อีกทั้งอานู๋ปี่ยังปล่อยกลิ่นอายหนึ่งในสมบัติเก่าของมันออกมาด้วย

มันไม่ใช่ศิลาดนตรีแห่งสัจธรรม แต่เป็นสมบัติที่เก็บไว้ในห้องชั้นนอก โคลนหอมเสน่ห์ ใช้เพียงนิดเดียวก็สามารถกระตุ้นพลังงานจิตได้สูง

ซูเฉินเอาไปป้ายอานู๋ปี่ไว้เล็กน้อย เมื่อมีศิลาดนตรีแห่งสัจธรรมเป็นตัวเรียกแรก และมีโคลนหอมเสน่ห์ให้ตามกลิ่น ทั้งยังฐานะของอานู๋ปี่ เท่านี้ก็พอที่ใจสีเลือดจะไม่ยอมปล่อยอานู๋ปี่ไปได้แล้ว

เมื่อจัดการเสร็จ ซูเฉินก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังรถม้าหลวง

ถึงเวลาชิงสมบัติแล้วจากไปแล้ว

การสู้รบยังคงเป็นไปด้วยความดุเดือด แต่สถานการณ์โดยรวมได้เปลี่ยนไปแล้ว

เดิมทีการต่อสู้ถูกหลุมพลังที่มีศูนย์กลางอยู่รอบวังลอยฟ้าสีเลือดครอบคลุมอยู่ แต่เมื่อวังลอยฟ้าเริ่มเปลี่ยนทิศ หลุมพลังก็บางลงมาก การไหลเวียนพลังเกิดการติดขัด ดังนั้นสถานการณ์ในสนามรบจึงเปลี่ยนไปโดยพลัน ก่อนหน้ายังดูมีทิศทาง แต่ตอนนี้อยู่ในความโกลาหล

การสู้รบเช่นนี้มักเปลี่ยนจากมีระเบียบระบบไปเป็นความปั่นป่วน การเปลี่ยนแปลงกะทันหันที่เกิดจากวังลอยฟ้าพลันเปลี่ยนทิศมีแต่ทำให้ปั่นป่วนเร็วมากขึ้นเท่านั้น

ในตอนนี้มองไม่เห็นแนวหน้าได้ชัดเจนแล้ว คนเถื่อนและอสูรกายกระจัดกระจายอยู่ทั่ว ต่อสู้เอาชีวิตรอด อสูรกายตีปีกกระทืบเท้า คนเถื่อนคำรามโต้กลับ เป็นภาพดุร้ายป่าเถื่อนนัก

เลือดเจิ่งนอง ชีวิตถูกคร่าอย่างไร้ปรานี

สัตว์อสูรและคนเถื่อนต่อสู้กันพัวพัน กร่อนพลังชีวิต ฝ่ายคนเถื่อนเริ่มได้เปรียบขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก นับตั้งแต่แรก คนเถื่อนก็แข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรอยู่แล้ว วังลอยฟ้าสีเลือดที่รุดหน้าออกไปไกลยิ่งทำให้พวกมันอ่อนแอ

แต่กระนั้นการกวาดล้างสัตว์อสูรในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

เกิดการฆ่าฟันชีวิตขึ้นทั่วสนามรบ ไม่เหลือระเบียบระบบอีก ไม่ใช้กลยุทธ์อีกต่อไป เหลือเพียงความแข็งแกร่งและใจสู้

การเคลื่อนไหวในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่เมื่อเข้าใจการตอบสนองของทะเลปราณแล้ว ซูเฉินก็สามารถเคลื่อนไหวผ่านความวุ่นวายได้ง่ายขึ้น ตอนนี้เขาเหมือนปลาในน้ำ พุ่งไปมาโดยมีลูกน้องเผ่ามนุษย์ติดตามมาไม่ห่าง รอบข้างคือฉลามตัวใหญ่ที่กำลังต่อสู้ แต่ปลาตัวน้อยก็หลบเลี่ยงพื้นที่อันตรายได้ง่าย เลี่ยงไปใช้พื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า บางครั้งก็เสี่ยงดวงรุดหน้าผ่านกลุ่มสองกลุ่มทรงพลังที่กำลังเข้าห้ำหั่นกัน

กลุ่มของเขารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทะลวงผ่านความโกลาหลทั้งหลายไปได้อย่างราบรื่น ไม่นานก็มาถึงจุดที่เต็มไปด้วยอสูรกาย

“นี่คือจุดที่อสูรกายแยกกัน จึงกลายเป็นจุดที่เข้มข้นที่สุด หากผ่านตรงนี้ไปได้ก็จะถึงรถม้าแล้ว แจ้งทหารทุกคนให้ใช้ดาบบิน เราจะบุกเข้าไปในอีกไม่ช้า !” ซูเฉินตะโกนลั่น

ถึงตอนนี้ไม่จำเป็นต้องยั้งมือแล้ว

“ขอรับ !” ทหารที่ตามซูเฉินมาตะโกน

ดาบบินราว 70 เล่มถูกดึงออกมาในทันที กลายเป็นริ้วแสงพุ่งออกไปด้วยความเร็วเหลือเชื่อ กระทั่งซูเฉินก็ดึงอาวุธวิญญาณและดาบเงาจันทร์เหมันต์ไหลออกมาโจมตีไปพร้อมกัน ด้วยพลังจิตของเขาในตอนนี้ จะคุมอาวุธวิญญาณ 2 ชิ้นไม่ใช่เรื่องยาก

การต่อสู้ก่อนหน้านี้คือการยั้งมือ ดังนั้นจึงแทบคุมสถานการณ์ไม่อยู่และปกป้องตนเองไม่ได้ แต่ตอนนี้นับว่าเขาใช้กำลังเต็มที่แล้ว

หลังจากได้ฝึกฝนวิชาบ่มเพาะพิสุทธิ์และได้ดาบบิน ทุกคนก็แข็งแกร่งขึ้นมาก โดยเห็นผลเป็นพิเศษเมื่อออกท่าโจมตี

เฟี้ยว ฟ้าว ! เมื่อเร็วแสงวาดออกไป อสูรกายที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ถูกฟันดวงใจขาดเป็นสองท่อนทันที

ชีวิตคนเถื่อนหลายคนรอดไปก็ด้วยเช่นนี้ แต่เมื่อหันไปพบว่าเป็นพวกมนุษย์ช่วยเหลือไว้ก็ได้แต่ยืนอึ้ง

“กรรร !” แรดศึกหนังเหล็กตัวใหญ่พุ่งเข้ามา ผิวกายแผ่พลังต้นกำเนิดออกมาจนมองเห็นได้ แท้จริงแล้วมันเป็นเจ้าอสูรกายนั่นเอง

“ระวังด้วย มันเป็นเจ้าอสูรกาย !” ทหารคนเถื่อนร้องขึ้น

แต่ทหารมนุษย์กลับพุ่งเข้าใส่มัน

ทหารคนเถื่อนถอนใจ คิดว่าอีกฝ่ายคงถึงจุดจบแล้ว

เจ้าอสูรกายมีพละกำลังสูงส่ง ทหารมนุษย์ธรรมดาคงไม่อาจรับมือได้

แต่พริบตาต่อมา ภาพน่าตกใจก็ได้เกิดขึ้น

พวกมนุษย์บังคับดาบ 70 เล่มให้มารวมตัวกันเป็นดาบยักษ์เล่มหนึ่ง

“ซัดลงมา !” ทหารผู้หนึ่งร้องขึ้น

ดาบยักษ์จึงฟันลงมาใส่ร่างแรดศึก แรดศึกร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเพียงสั้น ๆ ด้วยถูกฟันแบ่งร่างเป็นสองส่วนจากบนลงล่าง

ทหารคนเถื่อนนิ่งอึ้งไปทันใด

เป็นเจ้าอสูรกาย !

เจ้าอสูรกายถูกทหารมนุษย์สังหารโดยง่ายเช่นนี้เลยหรือ ?

ดาบใหญ่น่าผวายังคงตัดลงมาถูพื้น ส่งหินขนาดใหญ่กระเด็นไปทั่ว เหลือรอยลึกไว้บนผืนพสุธา

อสูรกายตัวใดที่ขวางทางการโจมตีถูกทำลายสิ้น

แม้โจมตีเพียงครั้งดาบยักษ์ก็หายไป กลายเป็นดาบเล็กนับไม่ถ้วนที่กลับไปสู่มือของพวกมนุษย์ แต่หนทางสู่รถม้าหลวงก็ได้เปิดออกแล้ว

“บุก !” มีคนร้องขึ้น

ทหารจึงพุ่งเข้าใส่รถม้าหลวง

คนเถื่อนเห็นเหตุการณ์จึงเอ่ยเสียงมึนงงขึ้นว่า “พวกมนุษย์หรือ ? เชลยมนุษย์ ? ทหารเดนตาย ?”

“ใช่แล้ว เป็นทหารเดนตาย” คนเถื่อนอีกคนตอบ

“หากพวกมันเป็นทหารเดนตาย แล้วพวกเราล่ะ ?”

“ข้าไม่รู้หรอก แค่ยังไม่ตายก็ดีใจแล้ว เท่านั้นก็พอ” คนเถื่อนอีกคนคลี่ยิ้ม

แสงดาบฟันผ่านร่างศัตรูเรากับมันเป็นผักเป็นปลา ส่งผลให้ทหารมนุษย์บุกฝ่าเข้าเขตประตูไปได้อย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันนั้นรถม้าหลวงก็พุ่งเข้ามา

เพื่อรักษาชีวิตราชาตนไว้ แม่ทัพคนเถื่อนทั้งหลายที่ก่อนหน้าคอยปกป้องรถม้าหลวงต่างก็บุกตะลุยออกไปด้านหน้าเพื่อสังหารสัตว์อสูร ทำให้รถม้าเหลือเพียงตัวปลอมอย่างเล่อเฟิง บรรพชนและทหารไม่กี่คนที่คอยจับตามองเท่านั้น

หรือก็คือมีเพียงคนพวกนี้ที่คอยดูไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดและโทเทมแห่งพลังชีวิตไว้

ซูเฉินมาถึงด้านหน้ารถมาอย่างรวดเร็ว

บรรพชนที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหยุดเขาไว้ “ท่านหลงถู หยุดตรงนี้เถอะ”

“ฝ่าบาทและผู้นำบรรพชนส่งข้ามารับไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดกับโทเทมแห่งพลังชีวิต นี่คือตราคำสั่ง” ซูเฉินพูดแล้วก็ดึงตราคำสั่งออกมาให้ตรวจสอบ

บรรพชนรับมันมา ดูแล้วว่าเป็นของจริงจึงให้เขาผ่านไป

ซูเฉินก้าวเข้าไปในแท่นสูงบนรถม้า

เมื่อล่อเฟิงเห็นเขาก็ยิ้มกล่าว “ท่านมาแล้ว”

“ข้ามาแล้ว” ซูเฉินตอบแล้วยิ้มกลับ รับไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดและโทเทมแห่งพลังชีวิตมาจากมือเล่อเฟิง

สำเร็จแล้ว !

ซูเฉินรับไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดมาด้วยใจนิ่งสงบ สิ่งที่รู้สึกคือมีพลังลึกล้ำไหลม้วนไปทั่วร่าง รู้ว่านี่คือผลจากพลังงานชั่วขณะของกระดูกต้นกำเนิด แต่ทันทีที่นิ้วแตะโดนโทเทมแห่งพลังชีวิต ทั่วร่างก็ชาหนึบ พลังประหลาดจากโทเทมแห่งพลังชีวิตเริ่มไหลเวียนไปทั่วร่าง เขารู้สึกว่าจิตใจสั่นสะท้านเมื่อร่างถูกเติมเต็มไปด้วยพลังชีวิต

ในเวลาเดียวกันนั้น โทเทมแห่งพลังชีวิตก็ส่องแสงจนร้อนรุ่ม ส่งริ้วแสงหนึ่งขึ้นสู่ฟ้า

“หือ ?! นี่มัน ?” ซูเฉินชะงัก

ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนนิ่งอึ้ง บรรพชนมองเขาด้วยความตกใจ เล่อเฟิงก็นิ่งอึ้งไป

“นี่…… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?” เล่อเฟิงถามด้วยสีหน้าตกตะลึง

“ข้าไม่รู้” ซูเฉินตอบเสียงลังเลแล้วจ้องโทเทมแห่งพลังชีวิตในมือ

ตอนที่ถือโทเทมวิญญาณสายฟ้าไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน

บนผิวโทเทมเกิดแสงกะพริบต่อเนื่อง พลังชีวิตไร้ที่สิ้นสุดพุ่งเข้าสู่ร่างกาย

ทันใดนั้น ซูเฉินก็รู้สึกว่าเขาสามารถดูดกลืนโทเทมแห่งพลังชีวิตได้

ซูเฉินจึงทำตามนั้น เปิดกายใจตนเองปล่อยให้พลังไหลเข้าร่าง จากนั้นก็มองโทเทมที่สั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ในมือ

มันสั่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบหลุดมือ

แต่ซูเฉินก็ถือมันไว้ให้มั่น ในตอนนี้ ทั่วร่างเชื่อมต่อกับโทเทม ซึ่งส่องสว่างมากกว่าเก่า รัศมีแสงจ้ามากจนทำให้เล่อเฟิงถอยไปหลายก้าว

จากนั้นก็เกิดภาพน่าตกใจขึ้นตรงหน้า

โทเทมแห่งพลังชีวิตปล่อยขี้เถ้าออกมาเรื่อย ๆ

“มันลอกคราบ !” เล่อเฟิตะโกน

“ข้ารู้” ซูเฉินตอบ

หากเขาปล่อยมันก็อาจหยุดเหตุการณ์ตรงหน้าไว้ได้ แต่เขาไม่อยากทำเช่นนั้น

เขารู้สึกว่าตนเองกำลังประสบพบเจอเรื่องมหัศจรรย์ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์

หากพลาดโอกาสนี้ไปก็คงไม่มีอีกแล้ว !

ดังนั้นเขาจึงไม่ปล่อยมือ

ใช้สายตาจ้องโทเทมในมือ ซึ่งคล้ายกับจะมีทรายเม็ดเล็กสลายตัวจากตัวโทเทมชั้นแล้วชั้นเล่า

ระหว่างที่มันสลาย พลังไร้ขอบเขตก็พุ่งเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เขารู้สึกยินดีเป็นล้นพ้น ในเวลาเดียวกันนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดคล้ายกับถึงขีดจำกัดของร่างกาย

สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องร้องเสียงเจ็บปวดออกมา

เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาอิ่มตัว พลังงานไม่สามารถแล่นไปตรงไหนได้อีก แต่ในใจเขาบอกว่าตอนนี้เขาไม่สามารถปล่อยมันไปได้ ไม่เช่นนั้นที่ผ่านมาก็จะสูญเปล่า

เขาจึงได้แต่กัดฟันทนความเจ็บปวด เส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมาราวกับคนคลั่ง

“สวรรค์ ! เจ้าทำอะไรกัน ?!” บรรพชนตะโกน

บรรพชนคนหนึ่งพึมพำขึ้น จากนั้นยกมือขึ้นปล่อยริ้วแสงใส่ซูเฉิน

หากแต่เมื่อถูกลำแสง ริ้วแสงนี้ก็เหมือนกับจะสลายหายไป ราวกับเจอดวงตะวันกรุ่น พริบตาเดียวก็หายไป

ซูเฉินยังคงแหงนหน้าร้องด้วยความเจ็บปวด

ร่างกายเขาถึงขีดจำกัดแล้ว ทุกอณูในร่างเต็มไปด้วยพลังงานและขยายขึ้นจนแทบระเบิด

“อ๊ากกกก !” ซูเฉินคำรามเสียงขื่น

ทำกลางความเจ็บปวดแทบไม่อยากเชื่อ เขาไม่อ่านคงร่างแปลงไปได้อีกต่อไป ร่างแปลงคนเถื่อนจึงสลาย กลับคืนสู่ร่างเดิม

ในจังหวะนั้น โทเทมแห่งพลังชีวิตก็สลายกลายเป็นผง ถูกลมแผ่วเบาพัดหายไป พลังเสี้ยวสุดท้ายหายไปจากอุ้งมือ พริบตาต่อมาเขาก็รู้สึกว่าที่อกรู้สึกอุ่น ๆ

เขาลองฉีดเสื้อดูอกตนเอง เห็นว่ามีอักขระแปลกประหลาดปรากฏขึ้น

เป็นโทเทมแห่งพลังชีวิต

มันสละตนเองลงบนร่างของเขา

เมื่อโทเทมนี้ปรากฏขึ้น ความรู้สึกแออัดภายในกายจึงลดลง แทนที่ด้วยความกระหายไร้ที่ดับ

“มนุษย์ มันเป็นมนุษย์ !” บรรพชนและคนเถื่อนเริ่มร้องขึ้น

“สุดท้ายความลับก็เปิดเผยอยู่ดีสินะ ? เร็วกว่าที่คิดไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา” ซูเฉินว่าแล้วหมุนตัวไป เผยสีหน้าโหดเหี้ยม

“เยี่ยมไปเลย กำลังต้องการอยู่พอดี”

เขาเริ่มออกท่าโจมตี !!