GGS:บทที่ 803 ตาบอด
“คุณซูครับ ผู้อาวุโสของผมเป็นคนที่อยู่ในศีลในธรรม เขาไม่ใช่คนที่จะสนใจสมบัติราคาแพงอะไรพวกนั้นหรอกครับ ยิ่งไปกว่านั้น
หัวใจพระสูตรและพระพุทธก็ถือว่ามีค่าต่อคนรุ่นเก่าสำหรับการทำสมาธิและดีต่อสุขภาพจิตใจ ผมขอให้ขายหัวใจพระสูตรและพระพุทธนี่ให้ผม เพียงแค่คุณบอกราคามาได้เลย”
ในขณะที่ทุกคนกำลังขึ้นบันไดไปอยู่นั้น ซุนหยูเฮงก็ยังไม่ถอดใจ ยังคงตื้อซูจิ้งให้ขายหัวใจพระสูตรและพระพุทธให้เขาให้จงได้
“คุณซุนไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ ลอ’ดูของสองอย่างที่ผมจะให้ดูก่อนดีกว่า” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้ม
กลุ่มคนเดินเข้ามายังชั้นสองไปซึ่งตอนนี้ไม่ใช่พื้นที่เก็บสมบัติอีกต่อไป เหตุผลที่ซูจิ้งนำสมบัติมาวางที่นี่เพียงเพื่อโชว์เท่านั้น
หากว่ายังมีของเหลืออยู่ที่นี่ก็เพียงเหตุผลเดียวก็คือของนั้นไม่สามารถนำไปไว้ในสถานีกำจัดห้วงเวลาฯได้
หลังจากเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง พวกเขาก็เจอผ้ากองใหญ่ พอมองดูดีๆมันเป็นผ้าผืนใหญ่ที่คลุมอะไรบางอย่างอยู่
ซูจิ้งได้ดึงผ้าที่คลุมออก เมื่อทุกคนเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น ใบหน้าทุกคนก้ดูดีมีสีหน้าเรืองรองในทันใด
แม้แต่โจวฮงหยวนและซุนหยูเฮงเอง ก็ทำได้แต่ยืนนิ่งอึ้งไป
ไม่นานนักเมื่อทั้งสองรู้สึกตัวก็ทำสายตาลุกวาวขึ้นมา พร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง
“เทพเซียนสวรรค์โปรด นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรอ” โจวฮงหยวนและซุนหยูเฮงก้าวเข้าหาสมบัตินั้นอย่างหน้ามืดตามัวและตื่นเต้นออกนอกหน้า
“เป็นไปได้ยังไงกัน ของสิ่งนี้ มัน…ของจริงใช่รึเปล่า” ดวงตาของซุนหยูเฮงในตอนนี้โตเท่าไข่ห่านเลยก็ว่าได้
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั่นคือคริสตัลขนาดใหญ่ ขนาดของมันมีความยาวอยู่ที่สามเมตรกว้างหนึ่งเมตร
คริสตัลนี้มีรูปร่างที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ใสและมีสีสันสววยงาม สีสวยเหมือนดอกไม้เลยก็ว่าได้
“นี่มันคืออะไรอ่ะ” พระหนุ่มเสี่ยวไจ๋ถามด้วยความแปลกใจ
“ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด มันสมควรจะเป็นอะราโกไนต์ น่าจะใช่นะ มันเป็นแร่คาร์บอเนตที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ
ที่พอจะเคยเห็นกันบ้างก็เป็นพวกหินงอกหินย้อยที่อยู่ภายในถ้ำนั่นแหล่ะ แต่ฉันเองก็ไม่เคยเห็นชิ้นที่สวยงามแบบนี้มาก่อนเลย” หวังซือหยาพูดออกมา
“เท่าที่ฉันรู้มา สีของอะราโกไนต์สีนี้น่าจะจัดอยู่ในพวกหายากนะ” โจวเทียนรุยพูดออกมา
“ไม่ใช่แค่หายากเท่านั้น”
โจวฮงหยวนพูดขึ้นมาในขณะที่กำลังสำรวจสอดส่องก้อนแร่นี้อย่างตั้งอกตั้งใจก่อนที่จะอธิบายเพิ่มเติมว่า
“เจ้าแร่อะราโกไนต์ก่อนนี้นอกจากจะมีขนาดที่ใหญ่แล้ว สีสันของมันยังมีอยู่หลากหลายสี
รวมถึงมีคริสตัลที่เจอได้จากสายแร่อื่นเจือปนอยู่ด้วย
เท่าที่ฉันดูนั้นจะมีคริสตัลที่มาจากเหมืองเหล็ก ทองแดง แคลเซียม สังกะสี สารหนู แถมดูๆแล้วน่าจะมีธาตุหายากที่ยังไม่มีชื่อที่เคยมีการค้นพบในมณฑลหยุนกุ้ย
สีแต่ละสีนั้นมีการกระจายตัวและแสดงเฉดสีที่ชัดเจน แถมยังมีความกระจ่างใสขนาดนี้
สมควรเรียกมันได้ว่าเป็นดอกไม้อัญมณีหลากสี ได้เลยนะ ฉันคิดว่าเจ้าสิ่งนี้น่าจะมีชิ้นเดียวในโลก
หากนำสิ่งนี้ออกไปให้เหล่าประชาชนให้เห็น ย่อมสร้างความตกตะลึงให้แก่วงการอุตสาหกรรมอัญมณีได้อย่างสบายได้เลย
แม้แต่ ดร.หวางชุนหยุน ที่ปรึกษางานวิจจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์ด้านธรณีเคมีวิทยาแห่งสถาบันกวางโจว นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจีน สุดยอดแห่งวงการธรณีวิทยา ยังต้องตกตะลึงและฉงนสนเท่ห์กับแร่ก้อนนี้อย่างแน่นอน
เจ้าอัญมณีดอกไม้หลากสีนี้สมควรจะถูกเก็บเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์แร่หากมีคนต้องการซื้อ ราคาของมันสมควรจะพุ่งสูงแตะขอบฟ้า
เอาจริงๆเจ้าคริสตัลนี่ไม่สมควรจะเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์หรอก คริสตัลก้อนนี้สมควรจะเอาไว้บนฟ้า ปล่อยให้แสงสาดส่องผ่านมันลงมายังพื้นดิน”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีอัญมณีที่สีสดใสและก้อนใหญ่ขนาดนี้อยู่ในโลกใบนี้”
หลังจากที่ซุนหยูเฮงได้สำรวจอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขานั้นก็ได้พยายามทำให้จิตใจให้สงบลงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ต่อให้มันไม่น่าเชื่อยังไง แต่ยังไงซะมันก็ได้ปรากฏต่อหน้าของเขาแล้ว ถึงจะไม่อยากเชื่อก็คงจะไม่เชื่อไม่ได้แล้ว
แน่นอนว่าแร่นี้สมควรจะเป็นแร่ธรรมชาติอย่างแน่นอน เพระให้ต่อให้มีเทคโนโลยีดีขนาดไหนก็ยังสร้างได้ยากอยู่ดี
“ธรรมชาตินี่ช่างมหัศจรรย์เสียจริง”
โจวฮงหยวนรู้สึกอัศจรรย์ใจขึ้นมา ต่อให้เขานั้นศึกษาพระธรรมจนจิตใจสงบลงมาแล้วแต่เมื่อเห็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ขนาดนี้มาอยู่ตรงหน้าก็ทำให้อยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้ตื่นเต้นไว้ได้
หวังซือหยาและโจวเทียนรุยเองต่างก็มองไปยังแผ่นอะราโกไนต์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างชื่นชม ยิ่งมองเท่าไหร่ก็ยิ่งหลงไหลเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่าได้อีกชิ้นหนึ่ง
การที่ผลึกที่เกิดจากแร่ธรรมชาติพวกนี้มีราคาสูงนั้นมีเหตุผลด้านการตลาดอยู่สี่ข้อประกอบด้วย
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงสีสันของอะราโกไนต์ก้อนนี้ที่เป็นเฉดสีสวยงาม มันถือได้ว่าหายากอย่างที่สุดและน่าค้นหาคำตอบอย่างยิ่งว่ามันเกิดได้อย่างไร
ซูจิ้งเองก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าเจ้าผลึกนี้หลุดออกไปจะสร้างความโกลาหลให้กับวงการอัญมณีแค่ไหนกัน
“คุณซู คุณไปได้อัญมณีดอกไม้หลากสีแบบนี้มาจากไหนกัน” ซุนหยูเฮงถามออกมา
“นายไม่ต้องถามหรอกน่า ที่นายต้องทำก็แค่ตัดสินใจว่าจะเลือกสิ่งนี้รึเปล่าแค่นั้นก็พอแล้ว” หวังซือหยามองหน้าซุนหยูเฮงก่อนจะหัวเราะออกมา
ต่อให้เธอนั้นรู้ว่าซูจิ้งเป็นจ้าวแห่งการให้ของขวัญและเคยเห็นเขาเอาของขวัญที่หน้าตื่นตาตื่นใจมาหลายหนแล้ว
แต่เธอเองก็ยังไม่คุ้นชินกับของขวัญที่ซูจิ้งยอมเอาออกมาให้แต่ละครั้ง
และเธอก็รู้อีกว่าของแต่ละอย่างนั้นซูจิ้งไม่ต้องการให้ใครรู้ที่มาที่ไปแต่อย่างใด
ซูจิ้งเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกริ่มออกมาและไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
ความจริงแล้วเจ้าอัญมณีดอกไม้หลากสีนี้เขาเจอมันจากขยะห้วงเวลาฯเทพฝั่งตะวันตกเมื่อสองวันก่อน
ตอนแรกนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร คิดไปแต่ว่าเป็นเศษแร่คริสตัลกองมหึมากองหนึ่งแค่นั้นเอง
พอดีว่าเขาเห็นหินสองชิ้นที่มันดูแล้วยังใสและสวยดีและพอที่จะต่อกันได้ก้อนใหญ่หน่อย เขาเลยให้ไบน้อยซ่อมแซมดู
ตอนแรกเขาก็ไม่คิดว่าขนาดไม่น่าจะใหญ่เท่าไหร่ พอรู้ตัวอีกทีกลายเป็นว่ากองเศษแร่กองนั้นเกิดมาจากของส่วนเดียวกันทั้งหมด เมื่อเห็นขนาดหลังจากการซ่อมแซมซูจิ้งเองก็ได้แต่ทำหน้าตาโง่งมออกมา
หลังจากที่ซูจิ้งลองนึกถึงเรื่องราวในห้วงเวลาฯเทพฝั่งตะวันตกดูแล้ว เขาก็คุ้นๆว่าสิ่งนี้สมควรจะเป็นน้ำนมปฐพี ที่พบได้ระหว่างชั้นหินหรือในถ้ำลึก
เช่นเดียวกับน้ำนมทั่วไป น้ำนมปฐพีเป็นสมบัติแห่งโลกที่เกิดจากการกลั่นตัวของพลังงานธรรมชาติที่ต้องการส่งต่อแร่ธาตุและพลังงานให้กับผืนปฐพีที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่
เป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อร่างกายสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกันเปรียบได้ดั่งเป็นยาวิเศษแห่งโลกมนุษย์
แน่นอนว่าสีของมันมีหลากสีสดใสเช่นเดียวกับแผ่นอะราโกไนท์แผ่นนี้
ต่อให้ซูจิ้งรู้แล้วว่าเจ้าแผ่นนี้คืออะไรและมีค่าแค่ไหนในโลกแห่งนี้
แต่สำหรับห้วงเวลาฯเทพฝั่งตะวันตกแล้วมันคือของธรรมดาถึงแม้จะไม่ได้หาง่ายแต่ก็เห็นได้บ่อยๆ
อีกทั้งการที่มันถูกทิ้งลงแบบจนแหลกขนาดนี้ ย่อมต้องหมายความว่าพลังงานและแร่ธาตุสำคัญที่มีอยู่ภายในสมควรถูกดูดซับออกไปจนหมด
ที่เหลืออยู่นี่สมควรเป็นเศษซากเท่านั้นเพราะเขานั้นไม่ได้รู้สึกความพิเศษของมันแต่อย่างใดจึงถูกโยนทิ้งออกมาแบบนี้
“คุณซุน คุณคิดว่าเจ้าอัญมณีดอกไม้หลากสีนี่เป็นยังไงบ้างครับ คุณต้องการสิ่งนี้เป็นของขวัญแทนหัวใจพระสูตรและพระพุทธรึเปล่าครับ” ซูจิ้งถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนครับ สมบัติแบบนี้ผมจะยอมปล่อยไปได้ยังไงกัน” ซุนหยูเฮงนั้นที่มาที่นี่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เจอสมบัติอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย
จิตใจของเขานั้นแน่วแน่กับการนำหัวใจพระสูตรและพระพุทธให้จงได้
แต่เขาไม่คิดว่าจะต้องมาเจออะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้แทน เมื่อเขาต้องเจอสถานการณ์แบบนี้มีหรือที่เขาจะอดใจไว้ได้
ซุนหยูเฮงในตอนนี้ถึงกับทำตัวอึกอักทำอะไรไม่ถูก
แน่นอนว่าเขานั้นต้องการเจ้าอัญมณีดอกไม้หลากสีนี่แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ปัญหาคือผู้อาวุโสที่เขารับปากว่าจะนำหัวใจพระสูตรและพระพุทธไปให้นี่สิ
คนๆนั้นมีความฝักใฝ่ในทางพุทธอย่างแรงกล้าเขายอมทุ่มเงินเป็นร้อยล้านเพื่อที่จะให้ได้มาอย่างไม่เสียดายเลย
แต่ถ้าเป็นของอย่างอัญมณีนี้เขาจะเห็นว่ามีค่าซักเท่าไหร่กัน
อย่าว่าแต่ประเมินราคาเลย สำหรับเขาก็สมควรจะเป็นหินข้างทางธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้น
แต่สำหรับเขาแล้วนั้น อัญมณีนี้มีค่ากว่าหัวใจพระสูตรและพระพุทธเป็นไหนๆ
ซุนหยูเฮงในตอนนี้จ้องมองไปยังซูจิ้งอีกครั้ง พลางชั่งใจอยู่ว่าจะทำยังไงดี
ซูจิ้งเองนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะขายหัวใจพระสูตรและพระพุทธแต่อย่างใด
แต่ไม่นานเขาก็นึกได้ว่าซูจิ้งบอกว่ามีสมบัติสองชิ้น หากนี่เป็นชิ้นที่หนึ่งล่ะก็ แล้วชิ้นที่สองล่ะ?
เขานึกได้ดังนั้นจึงได้ถามซูจิ้งออกไปว่า “คุณซู แล้วสมบัติชิ้นที่สองคืออะไรกันล่ะ ผมอยากขอลองดูก่อนจะตัดสินใจ”