ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


เมื่อเห็นว่าจู่ๆหลินมู่เสวี่ยก็บรรลุขั้นที่เจ็ด กองทัพพันธมิตรมนุษย์ก็เต็มไปด้วยความหวัง ขณะที่ทางฝั่งซาแกรลาสแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

“ฮ่าฮ่า เด็กน้อยเอ๋ย จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังต้องการสังหารข้าอยู่งั้นหรือ? แต่ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้โอกาสนั้นแก่เจ้าอีกแล้ว ข้าจะไม่เล่นจนประมาทอีก ตอนนี้ข้าจะกำจัดเจ้าก่อนก็แล้วกัน” ซาแกรลาสฉีกยิ้มชั่วร้าย และสะบัดดาบดาร์กริปเปอร์ในมือพุ่งไปทางหลินมู่เสวี่ย

“บัดซบ หยุดมันไว้!” เห็นเช่นนั้นเซียวอว๊่ก็พลันสบถออกมา จากนั้นจึงรีบนำเหล่าฮีโร่พุ่งเข้าสกัดซาแกรลาส

ฮีโร่คนแล้วคนเล่าโถมออกมาข้างหน้าเซียวอวี๋เพื่อเข้าสกัดซาแกรลาส

ผู้ที่อยู่แถวหน้าสุดคือ คาร์นที่ร่างขยายใหญ่โตและมังกรน้อย มังกรน้อยในเวลานี้มีพลังอยู่ในระดับสุดยอดของขั้นที่ห้า และห่างจากขั้นที่หกอีกเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น แม้ว่าพลังระดับนี้จะไม่เพียงพอเป็นคู่ต่อสู้ของซาแกรลาส หากแต่มันก็ไม่มีปัญหาหากเพียงต่อสู้เพื่อซื้อเวลา

ในหมู่คนที่อยู่ที่นั่น มังกรน้อยเป็นหนึ่งเดียวที่สามารถต้านทานซาแกรลาสได้ระยะเวลาหนึ่ง

ตูม…….

ลูกไฟขนาดใหญ่ตกลงมาจากบนฟ้าโดยมีเป้าหมายคือมังกรน้อย นี่ย่อมเป็นฝีมือของซาแกรลาสที่ส่งลูกไฟออกมาล่วงหน้า

มังกรน้อยคำรามพลางกวัดแกว่งทอนฟาในมือฟาดเข้าใส่กลุ่มลูกไฟของซาแกรลาส

เกิดการระเบิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า เปลวเพลิงจากการระเบิดได้เข้ากลืนกินร่างของมังกรน้อยเข้าไป อย่างไรก็ตาม หลังจากเปลวเพลิงอ่อนกำลังลง มังกรน้อยยังคงยืนตระหง่านอยู่ที่เดิมขณะที่ดวงตาของมันฉายประกายดุร้ายออกมา

โฮก………..

นับตั้งแต่ดูดวับพลังมังกรมาที่อัลคีราฟ ศักยภาพของมังกรน้อยก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในยามนี้ ยามที่เผชิญหน้าซาแกรลาส พลังมังกรในร่างของมังกรน้อยก็เกิดการผสานกัน หลังจากถูกกลุ่มไฟกลืนกิน ร่างกายของมังกรน้อยก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยงแปลงไปถึงระดับที่คาดไม่ถึง

โฮก………….

มังกรน้อยคำรามออกมาอีกครั้ง และร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้น เปลวเพลิงที่อยู่โดยรอบก็ลุกโชนทำให้อุณหภูมิทั่วสนามรบพุ่งสูงขึ้น

ตูม……….

พร้อมกับการระเบิดอย่างรุนแรง บนศีรษะของมังกรน้อยมีเขางอกขึ้นมาอีกหลายเขา เกร็ดที่ร่วงหล่นจากร่างกายก็ค่อยๆงอกออกมาใหม่ กรงเล็บแหลมคมขึ้น ทั้งยังส่องประกายดูน่าเกรงขาม

“สวรรค์ มังกรน้อยบรรลุขั้นที่หกแล้ว!” เซียวอวี๋ที่อยู่ด้านหลังพลันโพล่งออกมาอย่างยินดี ความยินดีของเซียวอวี๋นั้นเป็นที่ทราบได้ การตัดผ่านขึ้นสู่ขั้นที่หกของมังกรน้อยในเวลานี้นับว่ามาได้ถูกเวลายิ่ง

มังกรขั้นที่หก ทั้งยังเป็นมังกรที่สืบทอดพลังจากมังกรโบราณ ความแข็งแกร่งนั้นเป็นที่คาดได้

มังกรน้อยจ้องไปทางซาแกรลาส และเสียงที่ออกมาจากลำคอของมังกรน้อยก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันกลายเป็นทุ้มต่ำลงหากแต่แฝงแววน่าเกรงขามแทน

“มารดามันเถอะ คิดว่าเจ้าเป็นไททันแล้วเจ๋งนักหรือ? ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความเกรียงไกรของเผ่าพันธุ์มังกร!” แม้ว่าน้ำเสียงจะเปลี่ยนไป หากแต่แนวทางการพูดจายังคงวางท่าราวกับอันธพาลเช่นเดิม

น้ำเสียงและวาจาที่ขัดแย้งกันแทบจะทำให้ทุกคนยกมือขึ้นกุมขมับ นี่มันมังกรอะไรกัน มังกรบ้านไหนเขาใช้วาจาเยี่ยงนี้

“ฮ่าฮ่า เป็นเผ่าพันธุ์มังกรนี่เอง ยามที่พวกเราสรรค์สร้างโลกใบนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้โลกปลอดภัย พวกเราจึงได้สร้างเผ่าพันธุ์มังกรขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าวันนี้เผ่าพันธุ์มังกรจะได้ทำหน้าที่ปกป้องโลกจริงๆ ถึงกระนั้น เจ้าคิดว่าสามารถหยุดข้าได้หรือ?”

สายตาของซาแกรลาสจ้องมองมังกรน้อยที่เพิ่งบรรลุขั้นที่หก กลิ่นอายของมังกรโบราณยังคงปกคลุมอยู่บนร่างของมังกรน้อย ในแววตาแฝงความอิจฉาอยู่จางๆ ถึงที่สุดแล้ว เผ่าพันธุ์มังกรก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดที่เหล่าไททันสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์

ถึงตอนนี้ อาจกล่าวได้ว่า อาวุธทรงพลังที่สุดที่เหล่าไททันสร้างขึ้นมากำลังหันคมดาบเข้าใส่ผู้สร้างเสียเอง

ขณะที่ซาแกรลาสปะทะอยู่กับเหล่าฮีโร่ ทางด้านอื่นเองก็ดุเดือดไม่แพ้กัน อาร์ทัสและกองทัพอันเดดยังบุกโจมตีกองทัพปีศาจอย่างดุดัน ภายใต้คมดาบฟรอสต์มัวร์ ไม่มีปีศาจตนใดที่รับเกินหนึ่งดาบ

ทางฝั่งกองทัพพันธมิตรมนุษย์ พวกเขาทราบดีว่าการปะทะกับกองทัพอันเดดในเวลานี้ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นกองทัพมนุษย์และกองทัพอันเดดจึงกลุ้มรุมกระหนาบกองทัพปีศาจโดยมิได้นัดหมาย

อาร์ทัสเรียกได้ว่าควบคุมสนามรบเอาไว้ในกำมือ และปีศาจที่เห็นดังนั้นจึงหมายสังหารเขาเป็นเป้าหมายแรก

อย่างไรก็ตาม อาร์ทัสยังคงขี่อาชาบุกไปทั่วทุกทิศพลางรับมือกับพวกปีศาจที่โถมเข้าหาจากทั่วทิศสารทิศ

เซียวอวี๋ที่เห็นสถานการณ์ของสนามรบดำเนินไปเช่นนี้จึงส่งจ้าวอัคคี อิลิดัน แพนด้าเฉิน และมูราดินไปโจมตีกองทัพปีศาจอีกแรง ขณะเดียวยังขอให้นิโคลัสส่งกำลังบางส่วนไปช่วยไม่ให้อาร์ทัสตกอยู่ในวงล้อมของกองทัพปีศาจ

ถึงตอนนี้ เซียวอวี๋ไม่สนใจอีกแล้วว่าผู้อื่นจะคิดเห็นอย่างไร เขาได้ลงมือช่วยเหลืออาร์ทัสอย่างเปิดเผย อาร์ทัสในเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในเวลานี้

เหตุผลที่เลือกส่งจ้าวอัคคีและแพนด้าเฉินไปก็เพราะความเกลียดชังที่พวกเขามีต่ออาร์ทัสนั้นมีไม่มาก มิเช่นนั้นหากเป็นฮีโร่คนอื่น เกรงว่าพวกเขาจะหันคมดาบเข้าฟาดฟันกันเองตั้งแต่เริ่มต้น

และแม้ว่าอิลิดันและมูราดินจะมีความเป็นศัตรูกับอาร์ทัสอยู่จางๆ ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ห้ำหั่นกันเองทันทีที่พบ

จ้าวอัคคีนั้นไม่ได้มีความบาดหมางโดยตรงกับอาร์ทัส แพนด้าเฉินเองก็เช่นกัน

เวลานี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในขั้นที่หก ซึ่งนี่นับเป็นโอกาสอันดีที่จะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งด้วยการกำจัดปีศาจไปด้วยในตัว

อิลิดันถือดาบวงพระจันทร์ไว้ในมือทั้งสองข้าง และเมื่อเข้าสู่ใจกลางวงล้อมของพวกปีศาจได้เขาก็พลันเปิดฉากฆ่าฟันเป็นวงกลมทันที ตัวเขาเองก็เป็นปีศาจ อิลิดันในเวลานี้ได้เปิดใช้ร่างปีศาจของเขาออกมาโดยไม่กลัวว่าจะถูกคำสาปอีกแล้ว เขาเพียงหวังพึ่งพาพลังเพื่อกำจัดศัตรูให้ได้มากที่สุด

อิลิดันที่อยู่ในร่างปีศาจเริ่มมีขนาดร่างกายใหญ่โตขึ้น และที่ด้านหลังของเขาเองก็มีร่างแยกปรากฏออกมาอีกหลายร่าง และพัลงที่ปะทุออกมานี้ยังได้ดึงดูดความสนใจจากเหล่าปีศาจทรงพลังที่กำลังกลุ้มรุมอาร์ทัสให้หันมาทันที

จ้าวอัคคียังคงใช้เพลิงแผดเผาพวกปีศาจไปตลอดทาง ซึ่งอันที่จริง พวกปีศาจนั้นไม่ได้เกรงกลัวไฟ ดังนั้นจ้าวอัคคีจึงสร้างความเสียหายให้กับพวกปีศาจได้ไม่มาก

หากแต่ในทางกลับกัน การโจมตีส่วนใหย๋ของพวกปีศาจก็ประกอบไปด้วยไฟ และนั่นไฟย่อมไม่อาจสร้างความเสียหายต่อจ้าวอัคคี

เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวอัคคีเพียงลำพังจึงสามารถโรมรันกับพวกปีศาจจำนวนมากได้โดยที่พวกปีศาจไม่อาจทำอย่างไรต่อจ้าวอัคคี

พลังสัประยุทธ์ของแพนด้าเฉินยิ่งมาก็ยิ่งทรงพลัง แม้ว่าเขาจะอาศัยเพียงพลังจากสองฝ่ามือ กระนั้นแต่ละหมัดของเขายังอันตรายกว่าอาวุธทั่วไปเสียอีก

ทางด้านของราชันย์แห่งขุนเขา แม้ว่ามูราดินจะตัวเล็ก กระนั้นกลับคล่องแลค่งยิ่ง ด้วยค้อนและขวานในมือทั้งคู่ เขาได้บุกเข่นฆ่าอย่างสมใจ ทุกคนต่างทราบว่ามูราดินนั้นเป็นราชันย์แห่งขุนเขา แม้ว่าร่างกายของเขาจะดูเตี้ย หากแต่พละกำลังของเขานั้นไม่ได้แตกต่างไปจากยักษ์ตัวโตแม้แต่น้อย

ตึง ตึง ตึง…..

ทุกคราที่มูราดินฟาดอาวุธออกไป พวกปีศาจล้วนตื่นตกใจ ด้วยร่างกายที่เล็กเตี้ย พวกปีศาจจึงไม่อาจจับตัวมูราดิน และกลายเป็นฝ่ายถูกมุราดินทุบฟาดอยู่ฝ่ายเดียวอย่างน่าสงสาร…..