ตอนที่ 279 ฟ้าหลังฝน

รักเล่ห์เร้นใจ

หลายวันมานี้ฝนตกหนักบ้างเบาบ้างมาตลอด พอเจอเรื่องแบบนี้เข้า แม้แต่พระอาทิตย์ยังไม่ยอมออกมาพบหน้าเซียวจิ่งสือ เซียวจิ่งสือท้อแท้จนสิ้นหวัง วันๆ ไม่ทำอะไรคิดแต่จะทำอย่างไรให้บริษัทกลับมาดีเหมือนเดิม 

 

 

ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าบริษัทของเซียวจิ่งสือความลับรั่วไหล กำลังตกที่นั่งลำบากถึงขั้นล้มละลาย เมื่อก่อนตอนที่บริษัทยังมั่นคงดีผู้คนต่างก็มาประจบเอาใจเซียวจิ่งสือหวังจะได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์บ้าง ตอนนี้พอบริษัทตกที่นั่งลำบาก ผู้คนพากันหลบหน้าเขาราวกับเป็นตัวเชื้อโรค และยังมีบางบริษัทฉวยโอกาสนี้กว้านซื้อบริษัทที่เซียวจิ่งสือทำมาหลายปี ทั้งยังคิดจะซื้อตัวหลินหว่านไปด้วย ช่างรู้จักฉกฉวยโอกาสซะจริง แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าหลินหว่านไม่ทำแบบนี้ เธอรักเซียวจิ่งสือ เธอจะอยู่เคียงข้างเซียวจิ่งสือตลอดไป 

 

 

แม่ของหลินหว่านก็ใช้โอกาสนี้มาหาเธอ บอกว่าสามารถช่วยให้เซียวจิ่งสือผ่านพ้นวิกฤตไปได้ แต่หลินหว่านปฏิเสธเธอไป ถึงยังไงเธอก็ไม่ยอมให้อภัยเรื่องที่แม่ได้ทำกับเธอในหลายปีมานี้ มันเป็นฝันร้ายของเธอ พอหลินหว่านกลับถึงบ้าน เซียวจิ่งสือก็บอกว่าต้องการเข้าวงการบันเทิงเพื่อสู้ความลำบากกับเธอ แต่ถูกหลินหว่านปฏิเสธ หลินหว่านรู้ว่าวงการบันเทิงมีเบื้องลึกมากเกินไป หากไม่ระวังก็อาจเกิดเรื่องยุ่งยากได้ เธอไม่อยากให้เซียวจิ่งสือเข้ามาแปดเปื้อนในวงการนี้ 

 

 

เซียวจิ่งสือไม่ยอมลดละความพยายาม จึงไปหางานทำในเส้นทางกลับบ้านของหลินหว่าน พอหลินหว่านผ่านมาเขาก็ทำท่าว่าถูกเจ้านายด่าว่าตลอด หลินหว่านทนเห็นเซียวจิ่งสือเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงให้เซียวจิ่งสือลาออกจากงาน แล้วให้เขาติดตามอยู่ข้างกายเธอ 

 

 

ผู้คนที่แต่เดิมเคยประจบเอาใจเซียวจิ่งสือ ตอนนี้กลับเยาะเย้ยถากถางเขา แกล้งรังแกเขา ผู้กำกับบางคนยังแกล้งให้เขาทำเรื่องน่าขายหน้าด้วย เรื่องพวกนี้เซียวจิ่งสือยอมทน แต่หลินหว่านทนดูไม่ได้ จึงยันกลับไปทุกเม็ด ในเวลาเดียวกันนั้น อันซวี่กรุ๊ปก็ซื้อตัวผู้ถือหุ้นของบริษัทเซียวจิ่งสือไปหลายคน คนพวกนี้ต่ำช้าเกินไปแล้ว ราวสุนัขก็ไม่ปาน 

 

 

เซียวจิ่งสือร้อนใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว เขาไปดื่มเหล้าที่ร้านเหล้าจนเมาแล้วกลับบ้าน พอเห็นหลินหว่านนั่งอยู่บนโซฟาก็วิ่งเปะปะเข้าไปหา กอดหลินหว่านเอาไว้ เซียวจิ่งสือร้องไห้ออกมา “หลินหว่าน ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาทนลำบากกับผมแบบนี้ ผมมันไม่เอาไหน ถ้าคุณจะไปจากผมก็ไปซะเถอะ ผมจะไม่ว่าอะไรเลย เรื่องพวกนี้ให้ผมรับไว้คนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้คุณต้องมาลำบากด้วย ขอบคุณนะที่หลายปีมานี้ช่วยดูแลผม ผมขอโทษคุณจริงๆ ผมไม่ขอให้คุณให้อภัยผม คุณอย่าเกลียดผมก็พอแล้ว…” เขาอัดอั้นตันใจจริงๆ เขาไม่อยากให้หลินหว่านต้องมาพลอยรับการดูถูกไปกับเขาด้วย 

 

 

“ตาทึ่ม ฉันจะไปจากคุณได้ยังไงกัน คุณเป็นคนที่ชาตินี้ฉันไม่อาจแยกจากได้ ถ้าฉันไปจากคุณฉันก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำยังไงดี คุณอย่าคิดอย่างนี้เลยนะคะ เราจะต้องมีทางออกซักทางสิ แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง คนดี ขอแค่พวกเราอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างก็จะดีเอง…” 

 

 

หลินหว่านเอาแต่พูดไม่หยุด จนเซียวจิ่งสือไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เซียวจิ่งสือไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เขารักหลินหว่านเกินไป เซียวจิ่งสือได้แต่กอดหลินหว่านเอาไว้ ริมฝีปากเขาประทับลงอย่างหนักหน่วงบนริมฝีปากหลินหว่าน ทำให้หลินหว่านได้สติขึ้นมา แต่เธอไม่ได้ผลักเขาออก ยอมรับจูบแสนหวานนี้เอาไว้ 

 

 

บางครั้งการจูบก็ดีกว่าคำพูดมากมาย แล้วที่เกิดขึ้นตามมาก็เป็นไปครรลองที่ควรจะเป็น 

 

 

ผู้หญิงคนนี้มอบพรหมจรรย์ครั้งแรกให้กับผู้ชายที่เธอรัก เซียวจิ่งสือย่อมจะรับผิดชอบต่อเธอ  

 

 

พอทุกอย่างเสร็จสิ้นลง ทั้งคู่ต่างเหนื่อยล้าอยู่บนเตียงจนลุกไม่ขึ้น จู่ๆ ในหัวของเซียวจิ่งสือก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขารีบคลานขึ้นมา พูดกับหลินหว่านว่า “คุณยังจำหุ้นบริษัทที่คุณโยกออกไปได้ไหม? ผมว่าตอนนี้หุ้นพวกนี้น่าจะช่วยพวกเราได้!” 

 

 

หลินหว่านพูดว่า “ใช่เลย ถ้าคุณไม่พูดฉันคงลืมไปแล้ว ฉันจะโอนหุ้นพวกนี้ให้คุณทันที ต้องช่วยพวกเราได้แน่”  

 

 

ว่าแล้วเซียวจิ่งสือก็จูบหลินหว่านอีกครั้ง… 

 

 

ไม่นานนัก เซียวจิ่งสือก็มีหุ้นในมือจำนวนมาก เรื่องนี้ทำกันอย่างครึกโครม และไปเข้าหูบางคนที่เคยร่วมมือกันมาก่อน พวกเขาต่างพากันมาขอความร่วมมือกับเซียวจิ่งสือ เซียวจิ่งสือเองก็รู้ว่าพวกเขาแค่มาประจบ แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยบริษัทเอาไว้ เซียวจิ่งสือจึงประสานความร่วมมือกับพวกเขาอีกครั้ง บริษัทค่อยฟื้นตัวกลับคืนมา 

 

 

หลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น เซียวจิ่งสือได้รู้ว่าผู้ถือหุ้นก่อนหน้าพึ่งพาไม่ได้ จึงเปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ซื่อสัตย์ภักดีกลุ่มหนึ่ง ผลกำไรของบริษัทเริ่มฟื้นคืนกลับมาช้าๆ ตามมาด้วย…เซียวจิ่งสือจัดหนักกับอันซวี่กรุ๊ป แม้ว่าอันซวี่กรุ๊ปจะมาวิงวอนขอร้องอย่างไรก็ไม่เป็นผล ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้พวกเขาฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นลำบาก ตอนนี้ก็ต้องให้เขาเจอกับตัวเองบ้าง 

 

 

ทั้งสองเตรียมตัวกลับบ้าน หลินหว่านพูดว่า “จิ่งสือ เย็นนี้พวกเรากลับไปฉลองกันที่บ้านเถอะค่ะ พวกเราไปซื้อกับข้าวที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตมาทำอาหาร แล้วก็ซื้อไวน์แดง มาฉลองกันคืนนี้นะคะ” 

 

 

เซียวจิ่งสือพูดอย่างตามใจว่า “ได้สิ ว่ากันตามจริงแล้วพวกเราสองคนก็ไม่ได้นั่งทานมื้อค่ำด้วยกันที่บ้านอย่างสบายใจมาตั้งนานแล้วนะ วันนี้เรามาฉลองกันเถอะ!” 

 

 

พวกเขาขับรถไปตลาดด้วยกันซื้อของที่อีกฝ่ายชอบทานที่สุด เพียงครู่เดียวของที่ซื้อมาก็เต็มรถเข็น ทั้งคู่ซื้อของเสร็จก็กลับบ้านไปด้วยกันอย่างมีความสุข 

 

 

พอถึงบ้าน ทั้งสองก็ไปล้างมือ ช่วยอีกฝ่ายสวมผ้ากั้นเปื้อน ทำกับข้าวด้วยกัน อย่างมีความสุข ตอนทำกับข้าวพวกเขายังไม่ลืมจะเอาอกเอาใจกันสุดๆ ดูแล้วเป็นครอบครัวสุขสันต์กันจริงๆ 

 

 

เป็นภาพที่ทั้งสองต่างก็วาดหวังเอาไว้… 

 

 

“ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง” ภาพครอบครัวสุขสันต์ถูกเสียงกริ่งประตูรบกวน มีคนมาแล้ว หลินหว่านไปเปิดประตู ไม่เปิดดูก็ไม่รู้ พอเปิดออกก็ต้องสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ ผู้คนมากมายพากันเบียดอัดกันอยู่หน้าประตู หรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จู่ๆ ผู้กำกับที่เคยแกล้งเซียวจิ่งสือไว้ก็ก้มหน้ากระดิกหางเข้ามาพูดว่า “ต้องขอโทษด้วยครับ ตอนนั้นพวกเราทำความลำบากให้นายท่านเซียว ช่างน่าตายจริงๆ ขอให้พวกคุณให้อภัยพวกเราด้วยเถอะ ตอนนี้อันซวี่กรุ๊ปล้มไปแล้ว พวกเราไม่มีที่จะไปแล้ว คนแก่กับเด็กที่บ้านยังรอให้พวกเราไปดูแล งานการไม่มีแล้วพวกเราจะทำยังไงกันดี…” พวกเขาพากันร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังลั่น ร้องไห้พลางพูดว่า “ให้อภัยพวกเราด้วย พวกเราผิดไปแล้ว…” 

 

 

หลินหว่านโกรธมาก ช่วงเวลาแห่งความสุขถูกคนพวกนี้รบกวนจนหมดอารมณ์ หลินหว่านพยายามให้พวกเขากลับไป ตอนนี้เป็นเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังของพวกเขาสองคน เธอไม่ต้องการให้มีคนมารบกวนพวกเขา และยังเป็นเรื่องที่น่าโมโหอย่างมากเลยด้วย 

 

 

ทั้งสองกว่าจะมีเวลาได้อยู่ร่วมกันอย่างสบายใจ ได้จู๋จี๋กันเสียหน่อย คนพวกนี้กลับมาก่อกวนถึงที่นี่ ทำให้เธอโมโหฉุนเฉียวขึ้นมาจนทำอะไรไม่ถูก