ตอนที่ 144-3 ตัดสินแพ้ชนะในกระบวนท่าเดียวเถอะ สุ่ยฮั่วอี

จำนนรักชายาตัวร้าย

‘ซย่าโหวฉิงเทียนรู้ความจริงตั้งแต่แรก เช่นนั้นที่เมืองเฮ่อ เขาจะวางกับดักเอาไว้หรือไม่นะ?’

 

 

แม้ว่าจะกังวลใจ แต่สุ่ยฮั่วอีก็ยังมั่นใจในทหารที่ตนเองส่งไปอยู่มากเช่นกัน

 

 

ศึกครั้งนี้สกุลสุ่ยก็ได้ส่งยอดฝีมือเข้าร่วมอย่างเต็มที่ สุ่ยเจ๋อซีถึงกับนำนักรบของสกุลสุ่ยไปยังเมืองเฮ่อด้วยตัวเอง ต่อให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเตรียมการเอาไว้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่เด็กหนุ่มที่เพิ่งโผล่มามีชื่อเสียงเช่นเขา จะมาต่อกรกับสกุลสุ่ยได้อย่างไรกัน!

 

 

เมืองเฮ่อ ต้องเป็นของสกุลสุ่ย!

 

 

มองดูยอดฝีมือที่สกุลหลิวหล่อหลอมฝึกฝนมาเป็นอย่างดีค่อยๆตายอย่างน่าอนาถภายใต้น้ำมือของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว หลิวอวี๋เซิงก็เลือดขึ้นหน้า ดวงตาแดงก่ำน่ากลัว

 

 

‘เขารู้ความจริงตั้งแต่แรกแล้ว? อดทนมาจนกระทั่งเดินทางถึงเมืองเฮ่อ?’

 

 

‘ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ไอ้คนบัดซบ!’

 

 

“นายเฒ่าฮั่วอี ท่านรีบลงมือเร็วเข้า!” ตอนนี้หลิวอวี๋เซิงเริ่มร้อนใจขึ้นมา

 

 

เขายังรอคอยให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นและสุ่ยฮั่วอีต่อสู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่งอยู่นะ!

 

 

ตอนนี้คนทั้งสองไม่เพียงไม่ต่อสู้กัน ตรงกันข้ามกลับเป็นคนของสกุลหลิวที่กำลังบาดเจ็บล้มตายอย่างน่าอนาถ แม้ว่าหลิวอวี๋เซิงจะเจ็บแค้นมากเพียงใด แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองมิอาจออกหน้าไปต่อกรกับซย่าโหวฉิงเทียนโดยตรงได้ จึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากสุ่ยฮั่วอีเท่านั้น

 

 

สุ่ยฮั่วอีเห็นอาการร้อนรนของหลิวอวี๋เซิงเช่นนั้นแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องยิ้มเยาะออกมา

 

 

“ไม่รีบร้อน! ไม่รีบร้อน!”

 

 

สุ่ยฮั่วอีรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า นักรบที่หลิวอวี๋เซิงนำพามาในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นสุดยอดฝีมือของสกุลสุ่ยทั้งสิ้น เพราะหลิวอวี๋เซิงให้ความสำคัญกับเมืองลู่ ตรงกันข้ามนับรบที่ส่งไปเมืองเฮ่อกลับไม่ได้เก่งกาจเท่าไหร่นัก

 

 

สุ่ยฮั่วอีนับเป็นโจรเฒ่าที่เจ้าเล่ห์เพทุบายมากคนหนึ่ง!

 

 

เขาไม่เชื่อหรอกว่าการที่หลิวอวี๋เซิงนำกำลังยอดฝีมือมามากมายเพียงนี้ เพราะเจตนาดีหวังจะช่วยเหลือ

 

 

ใครจะรู้เล่าว่าเจ้าหนุ่มนี่คิดการณ์อะไรไว้!

 

 

พอดีกันกับที่ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นก็ถูกหลอกเช่นกัน ตอนนี้เขาถึงได้ฆ่าคนระบายแค้น เช่นนั้นก็ให้เขาฆ่าเสียให้พอใจ!

 

 

เพราะอย่างไรเสียคนที่เขาฆ่าคือคนของสกุลหลิว ไม่ใช่คนของสกุลสุ่ยเสียหน่อย! อีกอย่าง ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นกระทำเช่นนี้ สุ่ยฮั่วอี ต้องรีบดีใจละสิไม่ว่า!

 

 

ตระกูลใหญ่ทั้งแปดแห่งเมืองอู๋โยว สกุลสุ่ยจัดอยู่อันดับต่อท้ายสกุลหลิว

 

 

หากว่ายอดฝีมือของสกุลหลิวล้มตายไป กำลังของสกุลหลิวย่อมต้องเสียหายอย่างหนักเป็นแน่!

 

 

ถึงตอนนั้น สกุลสุ่ยก็จะได้มีโอกาสเบียดสกุลหลิวจนตกไป

 

 

นี่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก อีกทั้งการฆ่าคนต้องสูญเสียทั้งพละกำลังและพลังวิเศษ รอให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรง สุ่ยฮั่วอีถึงจะออกหน้า เก็บกวาดพวกอ่อยด้อยที่เหลือนั้นอย่างไรเล่า

 

 

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

 

 

ดังนั้น ไม่ว่าหลิวอวี๋เซิงจะขอร้องอ้อนวอนอย่างไร สุ่ยฮั่วก็เอาแต่ยืนอยู่กลางเวหานิ่ง ไม่กระดิกตัวไปไหน

 

 

ในที่สุดสุ่ยฮั่วอีก็เข้าใจเสียที อะไรที่เขาเรียกว่าคนชั่วย่อมต้องมีคนที่ชั่วช้ากว่ามาจัดการ!

 

 

ก่อนหน้านี้หลิวอวี๋เซิงยังวางแผนคิดเล่นงานสุ่ยฮั่วอี คิดตลบหลังสกุลสุ่ย คิดจะชุบมือเปิบฉกฉวยเอาผลประโยชน์เอาไว้เพียงคนเดียว แต่เห็นทีว่าหลิวอวี๋เซิงคงจะรอไม่ถึงวันนั้น ตนเองกลับต้องกลายเป็นผีไปเสียก่อนกระมัง

 

 

การกระทำของสุ่ยฮั่วอีในตอนนี้ เฉกเช่นเดียวกันกับการกระทำของหลิวอวี๋เซิงก่อนหน้านี้ทุกประการ!

 

 

“นายเฒ่าฮั่วอี ท่านลืมแล้วหรือว่าพวกเราเป็นพันธมิตรกันนะ?”

 

 

“ข้าหลอกล่อให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมาที่นี่ ท่านลงมือสังหารเขา เขตแดนของสกุลหนานกงเราสองตระกูลแบ่งกันคนละครึ่ง ท่านลืมไปแล้วหรือ! เพราะอะไรตอนนี้ท่านถึงได้เห็นคนตายแล้วไม่ช่วย! ท่านปฏิบัติเช่นนี้กับพันธมิตรหรือ?” หลิวอวี๋เซิงเงยหน้ามองไปยังสุ่ยฮั่วอีที่ยืนอยู่กลางอากาศ พร้อมกับตะโกนออกไปด้วยความคลั่งแค้น

 

 

“พันธมิตร? พันธมิตรอะไรกัน? ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่อง?” สุ่ยฮั่วอีขมวดคิ้ว ทำหน้าตายราวกับไม่รู้เรื่องรู้ใดๆ

 

 

“ข้ารู้แต่เพียงว่า เจ้าและประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นสมคบคิดกัน ก็เพื่อต้องการที่จะล้มล้างสกุลสุ่ย แต่ตอนนี้พวกเจ้ายังไม่บรรลุเป้าหมาย พวกเจ้าก็หักหลังกันเองเสียก่อน…”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของสุ่ยฮั่วอี หลิวอวี๋เซิงก็ถึงกับพร่ำออกมา ตาก็จ้องมองสุ่ยฮั่วอีอย่างคาดไม่ถึง

 

 

“นายเฒ่าฮั่วอี เหตุใดท่านกลับคำ พูดอย่างทำอย่างเช่นนี้!”

 

 

“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” ถูกหลิวอวี๋เซิงกล่าวโทษ ทำให้สุ่ยฮั่วอวีเริ่มทนไม่ได้

 

 

“เอาแต่ขอร้องผู้อื่น ไม่สู้เจ้าลองคิดดูว่าจะรวบรวมกำลังพลที่เหลือของพวกเจ้าให้ร่วมมือกันต่อกรกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นอย่างไร! ดูสิ จักรพรรดิอาวุโสตายไปอีกคนแล้ว!”

 

 

การปฏิเสธที่จะช่วยเหลือของสุ่ยฮั่วอี ทำให้หลิวอวี๋เซิงรู้สึกอับจนหนทาง รู้สึกว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยังคงเข่นฆ่าคนของเขาต่อไป หลิวอวี๋เซิงไม่เข้าเลยว่า เพราะเหตุใดซย่าโหวฉงิเทียนถึงได้ตามหานับรบของสกุลหลิวจนเจออย่างง่ายดายเช่นนี้ได้

 

 

ศพต่างๆที่เรียงรายอยู่ที่ลานกลางเมืองเริ่มมีมากกว่าสิบสี่คนเข้าไปแล้ว หากว่าเขายังไม่ทำอะไรสักอย่างอีกละก็ สกุลหลิวต้องพินาศอย่างแน่นอน

 

 

“นักรบแห่งสกุลหลิวจงฟัง รวมพล!”

 

 

อากับกริยาสีหน้าของหลิวอวี๋เซิงเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเสียงของเขากล่าวดังออกไป นักรบของสกุลหลิวที่หลบซ่อนตัวอยู่ตามที่ต่างๆก็ออกมารวมกันที่เบื้องหน้าของหลิวอวี๋เซิงทันที เมื่อนับจำนวนแล้ว รวมกับหลิวอวี่เซิงอีกคน ทั้งหมดสิบห้าคน

 

 

“ยังเหลืออีกสองคน?”

 

 

ขณะที่หลิวอวี๋เซิ้งกำลังตามหาคนด้วยความร้อนใจนั่นเอง ศพสองศพก็ลอยมาตกลงตรงหน้าหลิวอวี๋เซิงพอดิบพอดี

 

 

ศพทั้งสองศพเหมือนกันทุกอย่าง นั่นก็คือใบหน้ากระแทกพื้น ศีรษะแหลกเหลว มันสมองแตกกระจาย

 

 

“ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” หลิวอวี๋เซิงและนักรบของสกุลหลิวที่กำลังยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ที่เบื้องหน้าของหลิวอวี่เซิง ต่างก็ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว

 

 

ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาสู่เมืองลู่ พวกเขายังเป็นสหายร่วมทางของตนอยู่เลย พวกเขายังรอคอยที่จะได้เห็นจุดจบที่น่าอนาถของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ใครจะคาดคิดว่า เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ พวกเขาเหล่านั้นกลับกลายเป็นศพที่ทั้งเย็นและแข็งทื่อไปเสียแล้ว…

 

 

ส่วนประชาชนชาวเมืองลู่เมือได้เห็นความเด็ดขาดเ**้ยมโหดของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นกับตา แต่ละคนต่างก็พยายามหลบหนีออกไปจากเมืองลู่ทันที

 

 

แต่ทว่า ประตูเมืองกลับถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา นับรบของสกุลสุ่ยไม่ยินยอมปล่อยพวกเขาให้ออกไปได้

 

 

คราวนี้ทำเอาผู้คนเริ่มหวาดผวาลนลาน

 

 

แต่ทว่าก็ยังมีชาวบ้านผู้บางคนที่พอมีวรยุทธ์รวมทั้งมีกล้าหาญมากหน่อยมองหาสถานที่ๆทั้งปลอดภัยและสามารถเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้อย่างชัดเจนเพื่อหลบภัย ขณะเดียวกันพวกเขาอยากที่จะรับชม เหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ที่หาชมได้ยากครั้งนี้ด้วย

 

 

‘แม่เจ้า!’

 

 

‘ฆ่าราชาอาวุโสได้อย่างง่ายดายราวกับราวกับหักคอไก่ก็ไม่ปาน ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเจ๋งชะมัด! ว่าไหมเล่า!’

 

 

‘ยิ่งกว่านั้นบรรพชนเฒ่าถึงกับออกมาด้วยตัวเอง เรื่องนี้ยิ่งน่าสนุกไปใหญ่! หนุ่มใหม่ไฟแรงปะทะขิงแก่ที่เผ็ดร้อน สุดท้ายแล้วเมืองลู่จะตกเป็นเป็นของใคร?’

 

 

‘น่าจับตาดูยิ่งนัก!’

 

 

“ข้าว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจะชนะ!”

 

 

“ข้าพนันข้างบรรพชนเฒ่าสกุลสุ่ย!”

 

 

“ลงเงินๆ!”  แม่เจ้า ในเวลาเช่นนี้หากยังไม่ลงเงินอีก อาจจะพลาดเหตุการณ์สำคัญที่ไม่เคยมีมาก่อนและอาจไม่มีอีกต่อไปนี้ไปเป็นแน่!

 

 

ต่อให้เมืองลู่ทั้งเมืองเข้าสู่ภาวะตึงเครียด ด้วยแรงกดดันมหาศาลก็ตามที แต่ก็มักจะมีพวกที่รักในการพนันขันต่อ มักจะกระทำการที่ขัดต่อสถานการณ์ออกมาอยู่ดี

 

 

เมื่อมีพวกที่ชื่นชอบการพนันขันต่อริเริ่มขึ้นมาเช่นนี้ ชาวบ้านคนอื่นๆที่กำลังตื่นเต้นตึงเครียดถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลงไปบ้าง

 

 

ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็มีคนค้ำอยู่ กลัวอะไรเล่า!

 

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านต่างก็เริ่มทยอยกลับเข้าไปในเมืองลู่ ในขณะเดียวกันประตูบ่อนการพนันของเมืองลู่ก็เปิดออก การแทงพนันในศึกครั้งใหญ่ของบรรพชนเฒ่ากับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจึงเริ่มขึ้น

 

 

หลิวอวี๋เซิงมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบกาย และมันช่างน่าสะเทือนใจยิ่งนักในสายตาของเขา

 

 

เขาถูกสุ่ยฮั่วอีหลอกเข้าให้!