ภาคที่ 4 บทที่ 217 ตามรอย

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 217 ตามรอย

“นั่นมันพลังมืดนี่ ? ช่างน่าคุ้นเคยจริง ๆ เหมือนจะเป็นวงเขตมืดนะ” หายตกใจชั่วขณะแล้ว ซูเฉินก็เริ่มหัวเราะออกมา

วิชาประเภทความมืดของใจสีเลือดมาจากการใช้สสารต้นกำเนิดแห่งความมืดนี่เอง

ไม่มีใครเข้าใจมันลึกซึ้งไปกว่าซูเฉินแล้ว

กระทั่งใจสีเลือดก็ตาม

“วันนี้เจ้านี่โชคไม่ดีเลยเนอะ ?” ซูเฉินหัวเราะ

ถุงมือบนมือซ้ายเรืองแสงสีดำแทบมองไม่เห็น เมื่อมันกะพริบ ร่างของเขาก็หายไปไม่เหลือรอย

วิชาซ่อนเงา

ซูเฉินไม่คิดจะใช้มันหลบสายตาใจสีเลือดพ้น แต่จะทำให้ใครอื่นไม่สามารถโจมตีเขาได้อีกนอกจากใจสีเลือด ผลของวิชาซ่อนเงายามที่ซ่อนกายอยู่ในความมืดยิ่งทบเท่าทวีคูณ

ในขณะที่เร้นกายในเงามืด เขาจึงเริ่มดูดซับสสารต้นกำเนิดแห่งความมืดเข้าไป

ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงแหล่งสสารต้นกำเนิดแห่งความมืดแล้ว มันมาจากตัวใจสีเลือดนั่นเอง แต่ไม่ใช่ว่าใจสีเลือดเป็นต้นพลัง เพียงแต่เปิดเส้นทางสู่สถานที่ที่มีสสารต้นกำเนิดแห่งความมืดหนาแน่นก็เท่านั้น จากนั้นดึงเอาพวกมันจำนวนมากออกมากักเก็บไว้ในร่าง หรือก็คือใช้ร่างตนเองเป็นตัวเชื่อมสสารต้นกำเนิดแห่งความมืด

อธิบายได้อีกอย่างคือ การใช้วิชาของเขาวิชานี้มีผลร้ายแรง ซูเฉินรู้ได้อย่างรวดเร็ว

“ใช้ร่างกายตนเองเป็นตัวเชื่อมสู่มิติอื่นได้ด้วยหรือ ? แข็งแกร่งจริง” ซูเฉินพึมพำออกมา แต่การล่วงรู้ถึงจุดนี้ก็ทำให้เขาต้องออกค้นคว้าในด้านใหม่ “จักรพรรดิอสูรกายก็เป็นเช่นนี้ รู้ว่าเรื่องเกิดแต่ไม่รู้สาเหตุ มีร่างกายเป็นขุมทรัพย์อยู่กับตนเอง หากข้าได้ร่างของพวกมันมา……”

เปลวเพลิงแห่งความปรารถนาลุกโชนในดวงตาซูเฉิน

หากเป็นปกติ ซูเฉินคงไม่กล้าสู้กับจักรพรรดิอสูรกายแม้จะมีความกล้าหาญมากกว่าปกติเป็น 10 เท่า เพราะอย่างไรเขาก็มีพลังต่ำกว่าถึง 3 ด่านเต็ม ทว่าใจสีเลือดตรงหน้าเขาดูแตกต่างออกไป

เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักนัก

ซึ่งก็หมายความว่าเขามีโอกาส

ซูเฉินจ้องใจสีเลือดนิ่งพลางเริ่มขยับกายอย่างระวัง

พริบตาที่ใจสีเลือดเห็นร่างซูเฉินเลือนหายไปกับความมืดก็รู้ว่าตนเสียจังหวะแล้ว

สุดท้ายเขาก็ยังรักชีวิตตนเอง เมื่อพลาดซ้ำเก่า ใจสีเลือดจึงได้แต่สงสายตาโกรธเกรี้ยวไปทางซูเฉินราวกลับจะสลักภาพเขาไว้ในใจแล้วก็เหินร่างจากไป

เขากำลังหลบหนี

เป็นตอนนั้นเองที่ซูเฉินกระโจนเข้าไป

เขากระโจนร่างไปทางใจสีเลือด ตวัดดาบหั่นภูผาใส่อีกฝ่าย

ใจสีเลือดแทนที่จะโกรธกลับรู้สึกตื่นเต้น ซัดกรงเล็บไปด้านหลังตน

แต่ซูเฉินไม่รอช้า ร่างจางหายไปทันที

เขาใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายหลบหนีออกมาอีกครั้ง

เดิมทีเขาไม่คิดจะสังหารใจสีเลือดอยู่แล้ว

เพียงแต่จะใช้ความลังเลและความไม่ยินยอมของใจสีเลือดมาถ่วงเวลาเท่านั้น

เมื่อใจสีเลือดชะงัก การโจมตีอีกระลอกของคนเถื่อนก็สาดเข้ามาทางเขาอย่างดุเดือด

“กรรร !”

ใจสีเลือดคำรามด้วยความโกรธ ระลอกพลังม้วนออกจากร่าง ปัดป้องกันโจมตีทั้งหลายไว้ แต่ใบหน้าซีดขาวลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายซวนเซไปเล็กน้อย เหมือนกับว่ายืนหยัดได้ยากขึ้นกว่าเดิม

“บัดซบ ข้าจะจำหน้าเจ้าไว้ ! จากวันนี้ไป แม้จะต้องตามล่าไปสุดขอบฟ้าก็จะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ !” ใจสีเลือดตะโกนเสียงเกรี้ยวกราดแล้วหลบหนีต่อ

ครั้งนี้ซูเฉินไม่ได้ไล่ตาม

เขามองใจสีเลือดเหินร่างจากไปแล้วเอ่ยเสียงเชื่องช้าขึ้น “ไม่ต้องห่วง ข้าก็จำหน้าเจ้าไว้แล้ว”

แดนแห่งความมืดจางหายไป ซูเฉินปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความมืดมิด

ตอนนี้เขาอยู่ในรูปร่างคนเถื่อนอีกครั้ง ทำให้สามารถเดินอยู่ท่ามกลางทหารคนเถื่อนนับหมื่นอย่างง่ายดาย

ครั้งนี้ไม่เกิดเรื่องขึ้นอีก ซูเฉินเดินออกจากสนามรบได้ไม่ยากเย็น

เขายังมุ่งหน้าต่อ สุดท้ายเดินผ่านป่าแห่งหนึ่ง แล้วมาถึงเนินเขาใกล้ที่ราบชมธาร จากตรงนี้เห็นธารน้ำไหลลงมาอย่างรุนแรงได้ เป็นสถานที่นัดพบที่เขาตกลงไว้กับทุกคน

เมื่อซูเฉิน เล่อเฟิงและคนอื่น ๆ ก็มารออยู่นานแล้ว

เมื่อเห็นว่าเขาเดินมา ทุกคนก็ตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก “ผู้บัญชาการปลอดภัยแล้ว !”

เหยียนไคและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงทันที “ขอบพระคุณผู้บัญชาการที่ช่วยชีวิตพวกเรา !”

“เอาเถอะ ลุกขึ้นได้แล้ว ก็ไม่ได้ช่วยครั้งแรกสักหน่อย น่าจะคุ้นเคยได้แล้วนะ” ซูเฉินหัวเราะ

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะตาม

“ในเมื่อผู้บัญชาการมาถึงแล้ว เราก็ไปกันเถอะ” เจียงหลิ่กล่าว

ซูเฉินว่า “พวกเจ้าไปก่อน ข้ามีทางไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปกับพวกเจ้า”

ทุกคนอึ้ง “ท่านจะไม่ไปหรือ ?”

“อืม ยังมีเรื่องต้องจัดการ ไม่ต้องห่วง คนเถื่อนจับข้าไม่ได้แน่” ซูเฉินว่า

คำกล่าวของเขานับว่าไม่ผิดนัก ความสามารถในการปลอมตัวในตอนนี้ของเขา กระทั่งคนเถื่อนที่มีตาทิพย์ยังมองไม่ออก ดังนั้นจะเดินเตร่อยู่ในแดนคนเถื่อนอย่างไรก็ทำได้ เทียบกับเล่อเฟิง เจียงหลิ่ว และคนอื่น ๆ พวกเขาหลอกตาได้เพียงคนเถื่อนพลังต่ำเท่านั้น หากพบผู้มีตาทิพย์ก็จะถูกเปิดโปงทั้งที ดังนั้นให้รีบจากไปจะดีที่สุด

เมื่อเข้าใจว่าซูเฉินตัดสินใจไปแล้ว จึงได้แต่กลับเข้าเรือเหาะจันทราเงินและเรือเหาะตะวันกรุ่น และบอกลากันเท่านั้น

ซูเฉินหมุนตัวเดินจากไป แต่ก้าวเท้าไปไม่เท่าไหร่กลับได้ยินเสียงคนพูดขึ้น “ผู้บัญชาการซู กลับอาณาจักรหลงซางไปแล้วอย่าลืมมาหาพวกข้านะขอรับ พวกเราจะเป็นข้ารับใช้ท่านเสมอ”

ซูเฉินหันไปเห็นพวกทหารคุกเข่าจ้องเขานิ่ง

ซูเฉินยิ้มน้อย ๆ “ได้เลย !”

บอกลาเล่อเฟิงและคนอื่นเรียบร้อยแล้ว ซูเฉินจึงมุ่งหน้าต่อ

เขาเดินทางเลี้ยวไปมาอย่างสบาย ๆ ดูไม่ได้รีบร้อนไปไหน

บางครั้งก็จะเจอทหารคนเถื่อนหนีทัพ แต่หากไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายเขาก็ปล่อยไป

1 วันถัดมา ซูเฉินพบกับหัวหน้ากองกำลังคนเถื่อนผู้หนึ่ง เขากำลังพยายามรวบรวมเหล่าทหารแตกทัพ แต่ซูเฉินก็จัดการไปโดยง่าย

ซูเฉินได้ข้อมูลมาจากปากเขาว่าเมื่อวานพวกสัตว์อสูรได้แพ้สงครามใหญ่ไป มีสัตว์อสูรเกือบ 100,000 ตัวตายในการต่อสู้ แต่ชนเผ่าเพลิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ ทหาร 30,000 จาก 200,000 นายตายในสงคราม ส่วนมากเป็นบรพพชน กู่ฉาถูกสังหาร กงกู๋เอ่อร์ถูบาดเจ็บสาหัสจากการใช้แก่นพลังชีวิตมากเกินไป คงรอดได้อีกไม่นาน เห็นได้ชัดว่าสูญเสียใหญ่หลวงเพื่อชัยชนะในครั้งนี้ สุดท้ายก็ยังนับว่าแพ้อยู่ดี

ท้ายที่สุด ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดและโทเทมแห่งพลังชีวิตก็หายไปทั้งสอง

ภัยที่ใหญ่กว่าคงจะรออานู๋ปี่อยู่เมื่อครั้งเขากลับถึงปราการกู่หลาน

แต่มันไม่เกี่ยวข้องกับซูเฉินแล้ว

จัดการหัวหน้ากองทหารนั่นแล้ว ซูเฉินมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ใช้เวลา 2 วันได้ จึงเดินทางถึงป่าขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

เมื่อผิวปาก ตุ๊กตากระดาษขาวก็ลอยออกมา

“นายท่าน !”

แหวนพลังเก็บสิ่งมีชีวิตไม่ได้ ดังนั้นซูเฉินจึงสั่งให้ตุ๊กตากระดาษขาวรออยู่ที่นี่ก่อนไปปราการกู่หลาน แต่ก็ทิ้งทางติดต่อไว้ เมื่อเขาออกจากปราการกู่หลานไปจึงยังติดต่อกันได้

“กองทัพกำลังสวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง ?” ซูเฉินถาม

“นายท่าน พวกเขาเดินทางข้ามถนนโบราณธารน้ำเซียนไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว กังเหยียนทำภารกิจได้ดีเยี่ยม”

“พบกังเหยียนแล้วหรือ ?”

“ขอรับ”

“เขาเป็นอย่างไร ?”

“เขากลายเป็นผู้นำเผ่าหินผาพายุคลั่ง และช่วยเปิดทางให้กองทัพกำลังสวรรค์ แต่เผ่าหินผาพายุคลั่งก็เสียหายไม่น้อย สังเวยชีวิตไป 12 คน บาดเจ็บไปอีก 30 คน เขาหวังว่านายท่านจะมอบรางวัลให้กับความเสียสละนี้”

“ไม่มีปัญหา เขาต้องการอะไร ?”

“ดินแดนสักแห่งที่เหมาะให้พวกเขาอาศัยอยู่”

ซูเฉินพยักหน้า “เขาจะได้ตามคำขอ”

กระบวนความคิดของกังเหยียนดูเติบใหญ่ขึ้นหลังจากได้เป็นผู้นำชนเผ่า

หุบเขาพายุคลั่งไม่สามารถหล่อเลี้ยงหลายชีวิตได้ คำขอของกังเหยียนไม่ได้มากมายแต่อย่างไร ดังนั้นซูเฉินจึงตกปากรับคำ การหาที่เหมาะสมให้พวกเขาอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเผ่าหินผาสามารถอาศัยอยู่ได้ทุกที่ ปัญหาคือต้องมีคนคอยปกป้อง หากมีคนคอยปกป้อง ที่นั่นก็นับว่าเป็นสวรรค์บนดิน ไม่เช่นนั้นก็มีแต่ต้องอยู่ในสถานที่อย่างหุบเขาพายุคลั่งเท่านั้น

อีกทั้งเผ่าหินผามีความอดทนสูง เมื่อมีกังเหยียนอยู่ด้วย ซูเฉินจึงพร้อมอ้าแขนต้อนรับพวกเขา

“พวกเราจะกลับกันแล้วหรือขอรับ ?” ตุ๊กตากระดาษขาวเหลือบมองซูเฉิน

“ไม่ใช่ ยังต้องทำบางอย่างก่อน” ซูเฉินตอบ

“อะไรหรือ ?”

ซูเฉินไม่ตอบ แต่จ้องฟ้าเอ่ย “ข้าไม่รีบ”

พูดแล้วก็เดินจากไป ตุ๊กตากระดาษขาวเห็นดังนั้นก็รู้สึกประหลาด แต่ก็ไม่คิดมากแล้วติดตามซูเฉินไป

พวกเขาเดินทางอีก 2 วัน

2 วันถัดมา ซูเฉินก็มาถึงภูเขาลูกเล็กแห่งหนึ่ง

มันปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์เขียวขจี

เมื่อเห็นแล้วก็พึมพำออกมา “น่าจะที่นี่ ท่าจะถูกเวลาพอดี”

พูดจบก็ก้าวเข้าป่าไป

เดิน ๆ ไปก็มาถึงที่เปิดอย่างรวดเร็ว

ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แปลกนัก สมควรจะมีพืชพันธุ์อยู่มากมาย แต่ไม่รู้ทำไมต้นไม้ใหญ่ทั้งหลายจึงได้เหี่ยวเฉาและตายไปกันหมด

ตรงกลางเป็นที่ยุบ แต่เพราะมีฝุ่นปกคลุม จึงไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น

ซูเฉินยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง

“เงามรณะ เจ้าไปดูหน่อย”

“ขอรับนายท่าน” ตุ๊กตากระดาษขาวเดินไป ไม่เห็นกลิ่นอายใด ดังนั้นจึงเดินไปยังที่ยุบและเริ่มดูดซับฝุ่นในนั้นบางส่วน

ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายสูงส่งก็พัดผ่านร่างไป

“ใครกัน ? ใครกันที่กล้ามาขัดการหลับใหลของข้าผู้นี้ ?!”

กลิ่นอายนี้ !

ตุ๊กตากระดาษขาวตกตะลึง

เป็นกลิ่นอายสูงส่งของจักรพรรดิ

ตุ๊กตากระดาษขาวร้องเสียงแหลมพยายามถอยออกมาทันทีแต่ถูก ซูเฉินคว้าไว้ “บอกหรือว่าไปได้ ?”

“นั่นมันจักรพรรดิ….. เป็นจักรพรรดิ……” ตุ๊กตากระดาษขาวกลัวจนคิดอะไรไม่ออก

“ข้ารู้” ซูเฉินตอบเสียงเย็นแล้วโยนตุ๊กตากระดาษขาวออกไป

“อ๊าก !” ตุ๊กตากระดาษขาวกรีดร้อง

ตู้ม !

คลื่นพลังรุนแรงซัดตุ๊กตากระดาษขาวกระเด็นลอยไปไกลก่อนกระแทกลงพื้นอย่างหนักหน่วง

ตุ๊กตากระดาษขาวอยากหนี แต่ถูกซูเฉินเรียกไว้ ข้อจำกัดพลังจิตทำให้มันได้แต่กลับไปหาเขา

“นายท่าน นั่นมัน…… จักรพรรดินะ !” ตุ๊กตากระดาษขาวเค้นคำ

“ข้ารู้แล้ว แต่ไม่รู้สึกว่ามันอ่อนแอไปสักหน่อยหรือ ?” ซูเฉินถามยิ้ม ๆ

ตุ๊กตากระดาษขาวชะงักไป สุดท้ายก็รู้สึก หากเป็นพลังของจักรพรรดิปกติเขาคงตายคาที่ไปแล้ว

เกิดอะไรขึ้น ?

“ดูท่าจะไร้หนทางแล้วนะ นายท่าน” ซูเฉินเอ่ยเสียงเรียบ