บทที่ 1958 – ยาเม็ดทองคำจักรพรรดิ ยาวาสนา เดินทางสู่ตระกูลเฉิง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

ความสำเร็จที่น่าเกรงขามของหยวนซูมันเป็นไปตามประสิทธิภาพของใบสั่งยา ด้วยความสามารถในการรักษาปัจจุบันของชิงสุ่ย เขาสามารถสร้างใบสั่งยาได้ง่ายๆ แต่สำหรับหยวนซูแล้วมันเหมือนการเติมเต็มส่วนที่ขาด เธอมีความสามารถในการรู้ว่าส่วนใดขาดหายแล้วจำเป็นต้องเติมเต็ม
  โดยปกติแล้วใบสั่งยาจะมีชื่อเป็นของตนเอง แต่แน่นอนว่าชื่อไม่ได้สำคัญอะไร สิ่งที่มันควรมีคือหน้าที่ผลลัพธ์ และส่วนบันทึกตัวยาที่จำเป็นของมันต่างหาก
  โดยปกติแล้ว ใบสั่งยาโบราณที่พบเจอมักจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือพวกที่มีผลลัพธ์ของยา แต่รายการตัวยาไม่ครบถ้วนต้องตามหาวัสดุเพื่อคาดคะเนว่ามันถูกใช้เป็นส่วนผสม
  ส่วนอีกพวกหนึ่งคือ ไม่มีผลลัพธ์มีเพียงตัวยา คนคนนั้นจะต้องคอยติดตามผลลัพธ์และสังเกตความเปลี่ยนแปลงตัวเอง
  แน่นอนว่าใบสั่งยาที่ไม่มีตัวยา ย่อมมีอัตราผลสำเร็จตามมากที่สุด
  ชิงสุ่ยจ้องมองใบสั่งยาที่ขาดหายไปทั้ง 2 อัน ในมือหยวนซู
  และเมื่อเขาเห็นรายชื่อของมัน เขาก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือ ยาเม็ดทองคำจักรพรรดิ เมื่อเขาเห็นผลที่ได้รับจากมัน มันคือการเปลี่ยนคนคนหนึ่งให้บรรลุระดับปราณจักรพรรดิทันที แต่สำหรับระดับขั้นของปราณจักรพรรดิจะยังคงขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้ แน่นอนว่าผู้ที่กินจะต้องมีพลังต่ำกว่าขั้นดินแดนปราณจักรพรรดิ
  แต่สำหรับผู้ที่กินยาเม็ดนี้ พลังของผู้นั้นจะหยุดพัฒนา วิธีการฝึกฝนทั่วไป โอกาสในการทะลวงผ่านระดับพลังถือว่ายากโหดหิน
  ชิงสุ่ยรู้เรื่องเหล่านี้ดี เพราะมันเหมือนกับตอนที่เขาสร้างยาเม็ดทองคำเซียนเทียน บนโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์ ชิงสุ่ยเองก็ไม่รู้ว่าจะมียาเม็ดทองคำจักรพรรดิอยู่บนโลกนี้หรือไม่
  หลังจากให้ดูส่วนผสมยาเม็ดทองคำจักรพรรดิ ชิงสุ่ยก็รู้ได้ทันทีว่ายาเม็ดทองคำนักบุญที่พึ่งได้มากลายเป็นของไร้ประโยชน์ไปในพริบตา ไปในขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่สามารถรวบรวมส่วนผสมที่ใช้สร้างยาเม็ดทองคำจักรพรรดิได้ เพราะมันมีส่วนผสมนึงที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
  นั่นก็คือแก่นแท้ปราณจักรพรรดิ ชิงสุยแทบไม่รู้เรื่องของมันและไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้และเอามาจากที่ใด
  ชิงสุ่ยจ้องมองหยวนซู ซึ่งเธอก็กำลังมองดูข่าวด้วยรอยยิ้ม จากแววตาของชิงสุ่ย มันทำให้เธอรู้ว่าชิงสุ่ยต้องการใบสั่งยานี้
  “ภรรยาสุดที่รักของข้า แก่นแท้ปราณจักรพรรดิมันคืออะไรกันแน่? เจ้าพอจะรู้เรื่องของมันหรือไม่?” เมื่อไหร่ที่ชิงสุ่ยค้นพบแก่นแท้ปราณจักรพรรดิ เขาก็จะสร้างยาชนิดนี้ได้ทันที
  หยวนซูที่ได้ยินคำเรียกภรรยาก็เริ่มรู้สึกเขินอายและกล่าวว่า “แก่นแท้ปราณจักรพรรดิ ก็เหมือนกับแก่นแท้อสูรทั่วไป เพียงแต่มันได้มาจากสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ”
  ใบหน้าของชิงสุ่ยค่อนข้างมืดมน ใบสั่งยานี่กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ส่วนผสมอื่นอาจขาดได้ แต่สำหรับแก่นแท้แล้วมันเหมือนกับตัวขับเคลื่อนพลังที่เป็นส่วนสําคัญ หากขาดส่วนสำคัญที่ไป ยาเม็ดทองคำจักรพรรดิก็จะไม่ใช่ยาเม็ดทองคำจักรพรรดิอีกต่อไป
  หยวนซูยิ้มไม่เห็นใบหน้าและการแสดงออกของชิงสุ่ย “อย่าทำหน้าบึ้งตึงสิ แม้ว่าแก่นแท้ปราณจักรพรรดิจะเป็นสิ่งหายาก แล้วไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน มีเพียงสัตว์อสูรระดับปราณจักรพรรดิ์เท่านั้นที่จะครอบครองแก่นแท้ปราณจักรพรรดิ มันอาจจะหายากและมีจำนวนน้อย แต่มันต้องมีคนบางกลุ่มที่คอยไล่ล่าสัตว์อสูรเพื่อตามหาแก่นแท้ปราณจักรพรรดิ”
  ชิงสุ่ยยิ้ม “ไม่ต้องเร่งรีบหรอก ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไป”
  จากนั้นเขาก็มองตรงไปยังใบสั่งยาอีกใบนึง มันทำมาจากหนังสัตว์ที่ดูเรียบง่าย และชื่อของมันก็ค่อนข้างโดดเด่น
  ยาวาสนา!!
  คำอธิบายของมัน บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ายาเม็ดชนิดนี้คือยาเม็ดที่ใช้ปลดผนึกพันธนาการรหัสพันธุกรรม ถ้าหากจะใช้อธิบายด้วยคำศัพท์ของโลกสมัยใหม่ มันคือการปลดผนึกพันธุกรรมในร่างกายมนุษย์ ให้วิวัฒนาการเหนือระดับมนุษย์ เช่นมนุษย์อาจจะยกน้ำหนักได้ 100 เท่าเหมือนความแข็งแกร่งของมด
  เมื่ออยู่ในโลกเก้ามหาทวีป มันก็เช่นเดียวกับการกลายพันธุ์ ที่ทำให้มนุษย์วิวัฒนาการจนมาอยู่ในระดับปัจจุบัน
  ยาวาสนา ผลของมันก็ขึ้นอยู่กับชื่อ อาศัยวาสนาและโชคชะตาเท่านั้น บางคนกินมันเข้าไปก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย หรือบางคนก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มเล็กน้อย แต่รากฐานของร่างกายก็แข็งแรงขึ้นและเสถียรขึ้นเช่นกัน บางคนทะลุทะลวงจากพลังขั้นเทพเซียนเทียน ข้ามขั้นขึ้นไปสู่ระดับปราณจักรพรรดิทันที
  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโอกาส จึงมีคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่จะโชคดีได้รับผลจากมัน
  “ยาเม็ดนี้เหมือนง่าย แต่ดูเหมือนวิธีปรุงจะไม่ง่าย โดยเฉพาะส่วนผสมที่หาไม่ได้เลย”ชิงสุ่ยกล่าว
  “ข้าเจอส่วนผสมส่วนใหญ่ของมันแล้ว แต่ก็ยังหาบางส่วนไม่ได้ บางทีพวกมันอาจแทนที่ด้วยอย่างอื่นได้ แต่ก็คงส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ มิฉะนั้นก็คงไม่มีวิธีการปรับแก้ไขๆได้อีก”หยวนซูยิ้มตอบ
  “ข้า เชื่อเสมอว่าหยวนซูของข้าเป็นคนมีความสามารถ ทำไมเราไม่ลองมาทำอย่างอื่นดู”
  หยวนซูแสดงใบหน้าเขินอาย “เจ้า…….เจ้า……..”  แต่แล้วเสียงร้องครวญครางก็ดังออกจากปากของเธอ ดวงตาเปิดเพียงแค่ครึ่งเดียว วิญญาณเหมือนกำลังรถออกจากร่าง สติสูญหายไปชั่วขณะ แม้ว่าเธอจะอายแต่เธอก็ไม่ได้หยุดยั้งชายที่กำลังแนบชิดอยู่กับล่างของเธอ
  ชิงสุ่ยมองดูรอบๆ และรีบดึงตัวของหยวนซูขึ้นมาไว้บนตัวของเขา “เอาละ ดูเหมือนเจ้าชายม้าขาวจะต้องเสด็จสึกเสียที”
  หยวนซูได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มขยับ ภูเขาหิมะสีขาวเคลื่อนไหวขึ้นลงไปพร้อมกับเสียงที่น่าดึงดูดใจ
  …………………
  เมื่อเขาตื่นขึ้นท้องฟ้าก็สว่างไสวแล้ว หยวนซูมอบใบสั่งยาให้กับชิงสุ่ย รวมทั้งส่วนผสมมากมาย ตัวเธอเองพยายามผลิตพวกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทุกครั้งก็จบลงด้วยการล้มเหลว เมื่อเห็นว่ามันไม่มีโอกาสสำเร็จแล้ว หยวนซูจึงคิดว่าสิ่งที่เธอต้องทำคือการมอบหมายให้กับชิงสุ่ย ให้ชิงสุ่ยสร้างบันทึกความพยายาม ถ้าหากชิงสุ่ยล้มเหลวอีกคน นั่นก็หมายความว่ามันจะต้องมีบางอย่างผิดปกติ ส่วนผสมผิดพลาด หรือไม่ก็ทั้งสองอ่อนแอเกินกว่าจะมีพลังสร้างยาเม็ดนี้ได้
  หลังจากเสร็จธุระยามค่ำคืน ชิงสุ่ยก็เตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังตระกูลเฉิง ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ของเขานั้นไปในนามรุ่นเยาว์ ไม่ใช่ไปด้วยเหตุผลอื่นใด
  ถ้าหากมันเกี่ยวข้องกับชิงเป่ย ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายชายที่จะต้องจัดเตรียมมาสู่ขอที่ตระกูลชิง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงรู้สึกได้ว่าจะไม่มีผู้ใดย่างกายมาทำร้ายชิงเป่ยได้
  ตระกูลเฉิง!!
  นับตั้งแต่ที่ตระกูลเฉิงเดินทางมาตั้งรกราก ณ ที่แห่งนี้ พวกเขากลายเป็นกลุ่มใหญ่สุดโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี มีบางครั้งที่ตระกูลท้องถิ่นกดดันรังแกตระกูลเฉิง และในท้ายที่สุด พวกเขาก็พบเจอกับการต่อต้านที่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ยิ่งหลังจากที่ตระกูลเฉิงค้นพบและแสดงพลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขาอีกเลย
  อย่างไรก็ตามตระกูลเฉิงก็ยังคงทำตัวถ่อมตนเช่นเดิม พวกเขาไม่คิดสร้างปัญหาหรือแม้กระทั่งใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ดังนั้นผู้คนมากมายจึงเริ่มสงสัยแล้วว่าตระกูลเฉิงอาจจะกำลังซ่อนตัวจากศัตรูของพวกเขาอยู่ก็เป็นได้?
  ที่จริงแล้วชิงสุ่ยก็มีความคิดเช่นนั้นมาก่อน เพราะมันแปลกเกินไปที่คนแข็งแกร่งกับแสดงความอ่อนแอทำตัวต่ำต้อย ยิ่งแสดงความนอบน้อมถ่อมตนให้ผู้อื่นได้เห็น ยิ่งทำให้มันยากเกินกว่าจะเชื่อได้
  ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็แข็งแกร่งพอจะเทียบเท่าได้กับพระราชวังอมตะ แม้ว่ากลุ่มตระกูลเฉิงจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่บนโลกที่แท้จริงได้ แต่การถ่อมตนของพวกเขามันก็ดูยากที่จะเชื่อเกินไป ประจวบเหมาะกับความแข็งแกร่งของพวกเขามันไม่ควรค่าต่อการตั้งรกราก ณ ที่แห่งนี้  ในขณะที่ชิงสุ่ยมาถึงหน้าประตูตระกูลเฉิง เฉิงหยวนก็มารอคอยอยู่ข้างนอกประตูเรียบร้อยแล้ว
  “พี่ชายชิงสุ่ย!!”เฉิงหยวนยิ้มขณะขานเรียกชิงสุ่ย
  ��