[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื่อน] ตอนที่ 31 ผู้ชายที่ดีที่สุด

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

“ท่านโหว คนหยาบอย่างพวกข้า ไม่รู้เรื่องของราชสำนัก ท่านอย่าหลอกพวกข้า ข้าเหล่ามั่ว ปีนี้อายุห้าสิบสาม คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ถือโอกาสตอนที่ยังมีแรง เตรียมสะสมทรัพย์สมบัติให้ลูกหลาน หากเรื่องที่ท่านพูดเป็นเรื่องจริง ข้าจะไปสมัครเดี๋ยวนี้ บรรพบุรุษของข้ามีแต่คนที่เป็นทหาร ตระกูลของข้าไม่เคยมีใครได้เป็นขุนนาง หากข้าได้เป็นนายพันอวี้อู่ ตระกูลของข้าจะจดจำความเมตตาของท่านไปตลอดชีวิต”

 

 

“เจ้าพูดอะไร ท่านโหวจะโกหกนักฆ่าอย่างเจ้าน่ะรึ” หงเฉิงเดินไปเตะเขาสองที ชายคนนั้นราวกับค้อนเหล็กไม่ขยับไปไหน ยืนนิ่งมองอวิ๋นเยี่ยอย่างรอฟังคำตอบ

 

 

“เหล่ามั่ว เจ้าฟังให้ดี ข้าจะพูดอีกหนึ่งรอบ ข้าได้เขียนฎีกาถึงฝ่าบาทแล้ว หากจะกอบกู้ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้กลับมา การจะทำเช่นนี้ได้ต้องมีขุนนางมาบริหารจัดการ ราชสำนักไม่ได้มีขุนนางมากมายขนาดนั้น เช่นนั้นจะทำอย่างไร ก็ต้องมาคัดสรรจากพวกเจ้า หนึ่งคือจะต้องจงรักภักดีต่อต้าถัง จะมาเป็นขุนนางวันนี้ พรุ่งนี้ก่อกบฏไม่ได้ สองคือชาวถังในหลิ่งหนานน้อยเกินไป ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นเมืองชนเผ่าอื่น หากขุนนางทั่วไปบริหารจัดการไม่ได้ก็ต้องให้พวกเจ้าจัดการ สามคืออายุของพวกเจ้าแต่ละคนก็ห้าสิบกันแล้ว รับใช้ต้าถังมาแล้วหลายปี ก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ แก่พวกเจ้า ถือว่าตอบแทนพวกเจ้า”

 

 

เหล่ามั่วกระโดดลงบนพื้นทันที ก้มหัวกระแทกกับพื้นและพูดเสียงดังว่า “ข้าเป็นคนของต้าถัง ตายไปก็เป็นผีของต้าถัง เมื่อข้าได้เป็นขุนนาง หากข้าก่อกบฏก็ให้ฆ่าตระกูลข้าให้หมด”

 

 

ในกองทัพทหารนี่ถือว่าเป็นคำสาบานที่เลวร้ายที่สุดแล้ว อวิ๋นเยี่ยพยุงเขาขึ้นมา ปัดดินที่หัวเข่าของเขาออกและพูดกับเขาว่า “ดีมาก มีเจ้าแล้วหนึ่งคน รอคำอนุญาตจากฝ่าบาท หากฝ่าบาทอนุญาต พวกเจ้าก็เข้าเมืองหลวงไปกับข้า ไปให้ฝ่าบาทตรวจสอบ จากนั้นก็มาประจำการ”

 

 

เหล่ามั่วยิ้ม ตำแหน่งขุนนางของต้าถังไม่ใช่ได้มาง่ายๆ พวกเขารู้อยู่แก่ใจ เห็นเหล่ามั่วไปลงชื่อสมัคร พวกเขาก็รีบพากันตามไปทันที พากันไปลงสมัคร กลัวว่าจะไม่ทันคนอื่น

 

 

“พวกเจ้า ไปลงทะเบียนกับหงเฉิงก่อน เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปตรวจสอบสถานะของพวกเจ้าทีละคน ทหารกองทัพต้องมาก่อน” อวิ๋นเยี่ยยิ้ม พูดเสร็จก็ยกขาขึ้นเตรียมขี่ม้า ทว่าสมบัติบนตัวมากเกินไป หนักเกินไป ทำให้เขาขึ้นม้าไม่ได้ เหล่ามั่วหัวเราะและช่วยจับเอวให้อวิ๋นเยี่ย ส่งเขาขึ้นม้าอย่างสบายใจ

 

 

กองทัพชินกับการเห็นขุนนางชั้นสูงอย่างอวิ๋นเยี่ยมาหยิบเอาสมบัติล้ำค่าพวกนี้ไปอยู่แล้ว หากไม่หยิบเอา พวกทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็คงจะเป็นกังวล ไม่มีใครคิดว่าไม่ควรหยิบไป ขอแค่รับประกันผลประโยชน์ของพวกเขา ใครรายงาน คนนั้นก็จะกลายเป็นศัตรูของทุกคน ไม่ว่าจะไปอยู่กับแม่ทัพคนไหนก็ไปตายสถานเดียว

 

 

ในต้าถังก็มีแค่โหวจวินจี๋กับหลี่จิ้งที่เคยซวยมากก่อน แต่นั่นเป็นเพราะผลประโยชน์ของกองทัพพวกเขา หลี่ซื่อหมินรู้ ก็แค่ตำหนิเรื่องนี้ ไม่มีใครคิดจริงจัง

 

 

ช่วงนี้หลี่อันหลานค่อนข้างจริงจัง ลูกชายของนางถือไข่มุกสีดำขนาดเท่าไข่ไก่โยนไปโยนมา ทำให้นางรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก พึ่งจะคว้ามันจากมือของลูกชาย นางก็ได้ยินเสียงลูกชายร้องไห้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาคืนให้เขา นางไม่รู้ว่าเด็กในช่วงนี้กำลังสนใจในเรื่องของสีสัน

 

 

อุ้มลูกขึ้นมาด้วยความโมโห เอาหน้าเข้าไปใกล้ๆ ตัวลูก จมูกของนางดีมาก นอกจากกลิ่นของเด็ก แล้วยังมีกลิ่นที่คุ้นเคย บางครั้งกลิ่นนี้ก็จะปรากฏขึ้นในความฝัน ไม่ยอมหายไปไหน

 

 

นางเอาจมูกเข้าไปใกล้อีกครั้ง คราวนี้นางมั่นใจว่านั่นเป็นกลิ่นที่สดชื่นและพิเศษ เหมือนกลิ่นผ้าปูที่นอนใหม่ที่ตากแดดมาแล้ว กลิ่นเช่นนี้มีแค่คนเดียว

 

 

หลี่อันหลานร้องไห้ออกมาทันที ท่านพี่มาแล้วแต่ไม่มาหาตัวเอง แอบมาดูลูกแต่ก็ไม่มาดูตัวเอง รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแต่บอกใครไม่ได้ กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นที่เรียกว่าสบู่ ทั้งต้าถังมีแค่อวิ๋นเยี่ยคนเดียวที่ชอบใช้สิ่งนี้ คนอื่นคิดว่าสิ่งที่ทำมาจากน้ำมันของหมูนั้นน่าขยะแขยง มีเพียงเขาเท่านั้นที่ชอบใช้ คนของตระกูลอวิ๋นใช้มันซักผ้าเท่านั้น มีแค่อวิ๋นเยี่ยที่ใช้มันอาบน้ำ

 

 

บางทีเขาอาจจะซ่อนตัวแอบมองตัวเองอยู่อีกด้านหนึ่ง หลี่อันหลานก็เลยร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม

 

 

เสี่ยวหลิงตังไม่รู้ว่าทำไมองค์หญิงถึงได้ร้องไห้ นางก็เลยร้องไห้เป็นเพื่อน สาวใช้ทั้งห้องต่างก็ถูกความเศร้าของนางแพร่กระจายใส่ นึกถึงเรื่องราวความเศร้าเสียใจของตัวเอง ต่างก็พากันร้องไห้ออกมา

 

 

มีเพียงนายน้อยหลี่หรงที่กำลังนอนเล่นไข่มุกสีดำอยู่บนเตียง อ้าปากหัวเราะอย่างมีความสุข

 

 

หลี่อันหลานเห็นว่าการร้องไห้ของตัวเองไม่เกิดผล ผู้ชายใจร้ายคนนั้นไม่ยอมออกมา เมื่อนางเห็นลูกชายที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ความโมโหของนางก็พุ่งขึ้นมาทันที ไม่มีหัวใจเหมือนกับพ่อของเขา ข้าร้องไห้แต่เจ้ากลับไม่สนใจ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่สนใจลูกชายของตัวเองร้องไห้ เก่งนักก็ซ่อนตัวต่อไป

 

 

นายน้อยหลี่หรงกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน ในบ้านยังมีคนร้องเสียงดังตั้งหลายคน เรื่องเช่นนี้จะขาดเขาไปได้เช่นไร กำลังจะร้องสร้างบรรยากาศ แต่กลับรู้สึกเจ็บที่ก้นอย่างแรง เสียงร้องก็กลายเป็นเสียงร้องไห้โหยหวนทันที ร้องไห้เหมือนจะขาดใจ

 

 

พึ่งจะหยิกก้นลูกชายไป หลี่อันหลานก็รู้สึกเสียใจ รีบอุ้มขึ้นมาปลอบ ใครจะคิดว่าเขาร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียใจจนน้ำตาไหลออกมา เสียใจกว่านางเมื่อครู่ด้วยซ้ำ

 

 

หลี่อันหลานกำลังจะถอดเสื้อป้อมนมลูก ปลอบลูก แต่กลับมีแขนข้างหนึ่งยื่นเข้ามา อุ้มลูกออกไปจากอ้อมแขนของนาง

 

 

ท่านหญิงใหญ่ตระกูลเหอได้ยินนายน้อยร้องไห้จนหัวใจแทบจะสลาย กำลังจะเดินเข้าไปแต่กลับเห็นว่าท่านโหวอุ้มนายน้อยอยู่ในห้อง เจ้าตัวน้อยร้องไห้น้ำมูกน้ำตาเปรอะไปหมด เอาหน้าเข้าไปหาพ่อด้วยความน้อยใจ เอาหน้าถูพ่อสักหน่อย

 

 

หลี่อันหลานไล่สาวใช้คนอื่นๆ ออกไป ตัวเองสะบัดผ้าเช็ดหน้านั่งลงบนเก้าอี้ มองดูอวิ๋นเยี่ยที่กำลังยุ่ง ส่วนเสี่ยวหลิงตังก็โง่ไปตั้งนานแล้ว

 

 

“อั๊ยยายา ข้าคิดว่าอวิ๋นโหวจะใจแข็ง ข้ากับเสี่ยวหลิงตังร้องไห้แทบตายแต่เจ้ากลับทำเป็นเหมือนพวกข้ากำลังร้องเพลง ลูกตัวเองร้องนิดเดียวก็อดไม่ได้ซะแล้ว ช่างเป็นพ่อที่ดีจริงๆ”

 

 

อวิ๋นเยี่ยไม่มีอารมณ์สนใจผู้หญิงบ้าคลั่งคนนั้น เอาลูกชายวางไว้บนตักดูว่าเขาไม่สบายตรงไหน สุดท้ายเห็นรอยแดงที่ก้น ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่า ผู้หญิงบ้าคนนั้นเป็นคนหยิก

 

 

ทำหน้าดำหน้าแดงตำหนินางว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไร หยิกลูกจนแดงไปหมด”

 

 

“เราร้องไห้ไม่ได้ผล เพียงแค่ลูกชายของเจ้าร้องไห้เจ้าถึงยอมร้องไห้ออกมา ข้าไม่มีวิธีอื่น หากเจ้าแอบทำภารกิจเสร็จแล้วก็หนีกลับไปอย่างเงียบๆ มันคงจะผิดต่อเสี่ยวหลิงตังที่แม้แต่ฝันก็ยังเรียกพี่อวิ๋น เศร้าเสียใจเช่นนั้น เจ้าได้ยินหรือไม่ จิตใจโหดร้ายอย่างเจ้าข้าก็พึ่งจะเคยเห็น”

 

 

ทันใดนั้นใบหน้าของเสี่ยวหลิงตังก็แดงขึ้นมา หยิบผ้าขึ้นมาปิดที่หน้าแล้ววิ่งหนีไป หลี่อันหลานใช้มือชี้ไปที่ท่านหญิงใหญ่ตระกูลเหอแล้วพูดว่า “ออกไป”

 

 

ท่านหญิงใหญ่ตระกูลเหอมองดูนายน้อยที่กำลังสะอื้น แต่สุดท้ายนางก็ออกไป แล้วยังปิดประตู…

 

 

นายน้อยร้องไห้จนเหนื่อยล้า หลี่อันหลานอุ้มลูกมา ปลดกระดุมเสื้อป้อมนมลูกต่อหน้าอวิ๋นเยี่ย ตบๆ กล่อมเขานอนหลับ

 

 

อวิ๋นเยี่ยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำมูกน้ำตาบนหน้าของตัวเอง นั่งดูหลี่อันหลานป้อนนมลูกชายอยู่ตรงนั้น เต้านมของนางอวบอิ่มมากกว่าแต่ก่อน น้ำนมก็เยอะ เจ้าตัวน้อยดูดแรงเกินไป น้ำนมล้นออกมาจากมุมปากหมด หลี่อันหลานหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดออก จากนั้นก็เช็ดใบหน้าเล็กๆ ที่เหมือนลูกแมวอีกครั้ง นางรู้ว่าอวิ๋นเยี่ยกำลังดูอยู่ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง แล้วยังยืดอกที่อวบอิ่มของตัวเอง รู้สึกภาคภูมิใจที่ตัวเองเลี้ยงลูกให้มีร่างกายแข็งแรง

 

 

ในที่สุดเจ้าตัวน้อยก็ไม่ดูดนมอีก เอียงหัวแล้วหลับไป หลี่อันหลานลุกขึ้นเอาลูกไปนอนไว้ในเปล ไกวเปลเบาๆ เช็ดน้ำตาและถามอวิ๋นเยี่ยเบาๆ ว่า “มานานแค่ไหนแล้ว”

 

 

“ไม่นานมาก แค่สิบกว่าวัน เอ่อใช่ ทองคำที่อยู่บนโต๊ะข้าเป็นคนเอามาเอง”

 

 

“สิบสองวัน สิบกว่าวันนี้เจ้าอยู่ที่จวนหรือ ยืนดูพวกเราใช้ชีวิต ข้าก็ว่าคนรับใช้พวกนั้นเหตุใดถึงได้พูดดีกับข้า ข้าต้องการอะไรก็ได้หมดทุกอย่าง ที่แท้ก็เป็นรางวัลที่ข้าให้เจ้ามาดูลูก เป็นเช่นไร เลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า ข้าเลี้ยงดูดีไหม”

 

 

“ดีมาก เจ้าสบายดี ลูกสบายดี หลิงตังสบายดี ข้าก็วางใจ ไม่เสียแรงที่ข้าฝ่าฟันความยากลำบากในป่าเขามาหาพวกเจ้า ไม่ทำให้ข้าผิดหวัง นี่คือสิ่งตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อครู่เห็นเจ้าป้อนนมลูก ข้านึกถึงเรื่องราวมากมาย เรื่องราวในอดีต อดไม่ได้ที่จะมั่นใจในวันข้างหน้า อะไรที่เจ้าอยากได้ข้าจะหามาให้ ดินแดนแห่งนี้ช้าเร็วก็จะตกอยู่ในมือของเจ้า เจ้าพยายามก็ควรได้รับมัน หากไม่มีอะไรผิดพลาด คนที่รบกวนเจ้าในดินแดนแห่งนี้คงตายไปหมดแล้ว เฝิงอั้งก็ควรจะมาได้แล้ว เขาต้องมีคำอธิบายให้ข้า”

 

 

“เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเจ้าเป็นคนวางแผนหรือ ข้าก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ แต่หาสาเหตุไม่เจอ ในเมื่อเจ้าลงมือทำเช่นนี้ ข้ากับลูกก็คงจะมีชีวิตที่ปลอดภัยและสงบสุข ลูกโชคดีกว่าข้า เขามีพ่อที่รักและเอ็นดูเขา แค่เขาได้รับความไม่เป็นธรรมเล็กน้อย พ่อของเขาก็จะปรากฏตัว ช่วยไล่คนเลวพวกนั้นออกไป ท่านพี่ ข้ามีลูกเพียงคนเดียว เจ้าอย่าเอาเขาไปจากข้าได้หรือไม่”

 

 

คำว่าท่านพี่ของหลี่อันหลานเคาะเปลือกแข็งของอวิ๋นเยี่ยแตกเป็นชิ้นๆ ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มันเป็นพัฒนาการที่ดี

 

 

“เจ้าเป็นคนคลอดลูก แน่นอนว่าลูกจะต้องอยู่กับเจ้า ขอแค่เขารู้ว่าเขามีพ่อ ถึงแม้ว่าพ่อจะอยู่ไกลแต่ความรักที่มีให้เขาไม่เคยลดน้อยลงแม้แต่น้อย โตขึ้น เขาจะต้องเรียนรู้สิ่งที่คนของตระกูลอวิ๋นควรจะเรียนรู้กับข้า รอให้เขาอายุสิบห้าก็ส่งเข้ามาอยู่กับข้า หรือให้ข้ามารับ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเขาก็เป็นลูกของข้า สิ่งที่เขาควรได้รับต้องไม่มีบกพร่อง”

 

 

หลี่อันหลานเงยหน้าขึ้น น้ำตาไม่อาจหยุดไหล แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับสดใสขึ้นเรื่อยๆ กอดอวิ๋นเยี่ยและพูดว่า “ผู้ชายที่ข้าเลือกไม่มีทางผิด ผู้ชายที่ข้าเลือกถูกต้องเสมอ นี่ถึงจะเป็นผู้ชาย ที่แท้ผู้ชายก็เป็นเช่นนี้ พระเจ้า ข้าพลาดอะไรไป”

 

 

“เก็บอาการหน่อย อย่าแสดงออกมากเกินไป ที่หลิ่งหนานกำแพงมีหูประตูมีช่อง ดินแดนแห่งนี้ร่ำรวยเกินไป เพื่อที่จะจัดการชีวิตของเจ้าและลูก ข้าได้ปล่อยปีศาจออกไปตัวหนึ่ง ตอนนี้คงตายไปแล้วจำนวนมาก…”

 

 

หลี่อันหลานไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ ใช้ปากของตัวเองจูบไปที่ปากอวิ๋นเยี่ย…