บทที่ 1960 – ใช้ความแข็งแกร่งแทนคำพูด กระบวนท่าเดียวการโจมตีเดียว

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

ชิงสุ่ยสังเกตหญิงสาวที่เป็นผู้นำ รูปลักษณ์ภายนอกเธอมีอายุประมาณ 40 ปี แต่อายุที่แท้จริงชิงสุ่ยก็ไม่สามารถทราบได้ แต่เธอดูสง่างามแล้วเต็มไปด้วยความน่าดึงดูด เธอจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาหยิ่งยโส สายตาที่ดูเลวร้ายกว่าคำพูดก่อนหน้า
  ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง ริมฝีปากเรียวบาง ผนวกกับเครื่องประทินผิวยิ่งทำให้มันมีความสดใส รูปร่างทรวดทรงผอมเพียว ยิ่งทำให้เธอสามารถกดหัวผู้อื่นอายุต่ำกว่าตัวเองได้
  “ท่านเป็นใคร?”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถาม ในใจของเขาได้แต่หวังว่าหญิงสาวคนนี้จะไม่ใช่แม่ของเฉิงหยวน ถ้าหากชิงเป่ยต้องตบแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลเฉิง และอยู่ร่วมกับแม่สามีแบบนี้ เธอจะต้องเหมือนตกนรกแน่
  “ข้า? เขาคนนั้นคือผู้ชายของข้า ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามเจ้ากลับ เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร?”หญิงสาวผู้นั้นชี้นิ้วไปทางปู่ของเฉิงหยวน
  การแสดงออกของเธอยิ่งทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจอย่างหนัก ไม่น่าเชื่อเลยว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นคนหยิ่งยโสแตกต่างจากชายชราอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญตอนนี้สถานะของเธอก็คือย่าแห่งตระกูลเฉิง แต่ชิงสุ่ยก็มองเห็นความสามารถของเธออย่างทะลุปรุโปร่ง เธอไม่มีทางเทียบเป็นยอดยุทธ ดังนั้นเธอจึงไม่น่าจะใช่ภรรยาหลวง ที่สำคัญเธอไม่มีทางให้กำเนิดบุตรชายอย่างเฉิงป่าไป๋ออกมาได้
  ชิงสุ่ยมองดูชายชราตระกูลเฉิงด้วยความสงสัย แล้วคิดว่าทำไมคนอายุปูนนี้ ถึงจะแต่งงานกับหญิงสาว? ด้วยความรู้สึกมันก็น่าจะลบเลือนความหื่นกระหาย หรือแม้กระทั่งชายตามองหญิงอื่น
  “ในตอนแรก ข้าคิดว่าตระกูลเฉิงจะเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ต่างจากตระกูลสามัญทั่วไป”ชิงสุ่ยส่ายหน้าขณะจ้องมองหญิงสาวผู้นั้น
  “เขาเป็นใคร? ทำไมเขาถึงกล้าพูดจาเยี่ยงนี้กับพวกเราตระกูลเฉิง?”หญิงสาวคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงที่อาจจะฟังดูนุ่มนวล แต่มันก็เป็นไปด้วยความแข็งกระด้าง
  “เขาคือคนจากตระกูลชิง ซึ่งเป็นตระกูลของหญิงสาวที่หยวนเอ่อชอบ”
  “โอ้ พวกเขากำลังพยายามหาทางปีนป่ายขึ้นมายืนเทียบเคียงตระกูลเฉิง”
  ” หยวนเอ่อเป็นชายที่โดดเด่น ใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับหยวนเอ๋อล้วนโชคดี”
  …………………..
  ชิงสุ่ยฟังเสียงคำพูดทั้งหมด ซึ่งมาจากปากของหญิงสาวส่วนใหญ่ มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าคนเหล่านี้ช่างไร้ความรู้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลย คนส่วนใหญ่ที่มีทรัพย์สินร่ำรวยแข็งแกร่ง ก็มักจะผันแปรกลายเป็นคนหยิ่งผยองเสมอ
  “อืม เจ้าคนจากตระกูลชิง เจ้ามาที่นี่เพื่อสู่ขอใช่หรือไม่?”ย่าเยาว์วัยของตระกูลเฉิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มแต่ก็แฝงไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  “ฮ่าฮ่าฮ่า ตระกูลเฉิงไม่ดีพอสำหรับน้องเป่ยของข้า พวกเจ้าทุกคนล้วนขี้ขลาด ได้แต่หลบซ่อนอยู่ภายในดินแดนวิหคอัคคีร่ายรำ พวกเจ้ามีอะไรที่ภาคภูมิใจในตัวเองบ้าง?”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเรียบง่าย
  ในที่สุดใบหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไป เขาจ้องมองชิงสุ่ยกลับมาด้วยสายตาเย็นยะเยือก และหันไปบอกทุกคนรอบบริเวณว่า “พวกเจ้าทุกคนหุบปาก”
  หลังจากนั้นชายชราก็หันกลับมามองชิงสุ่ย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
  จากปฏิกิริยาตอบสนองบนใบหน้าชายชรา ชิงสุ่ยรู้ได้ทันทีว่าถ้าหากเขาเดาไม่ถูก อย่างน้อยคำตอบที่เขาพูดไปก็จะต้องตรงความจริงเกิน 80 ส่วน ดังนั้นเขาจึงยิ้มตอบกลับอย่างง่ายๆ “คนตระกูลเฉิงอาจจะดูเหมือนคนหยิ่งยโส แต่ในใจลึกแล้วทุกคนเหมือนเก็บงำความไม่พอใจที่เกิดขึ้นจากความอับอาย ความจริงที่ว่าทุกท่านอบพยบมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลยเพราะที่เดิมของพวกท่าน พวกท่านเพิ่งถูกขับไล่ออกมา ถึงแม้ว่าพวกท่านจะแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนเสแสร้งให้คนอื่นได้เห็น แต่ในใจของพวกท่านยังคงเก็บความอับอายและความแค้นไม่มีวันเสื่อมสลายหายไป”
  “ไร้สาระ!! ข้าจะทำให้เจ้าก้มหัวแสดงความเคารพตระกูลเฉิง!!” ในขณะเดียวกันชายวัยกลางคนก็เดินออกมา ชายคนนี้หล่อเหลาแล้วดูดีเป็นอย่างมาก รูปลักษณ์ของเขาช่างเหมือนกับเฉิงป่าไป๋ไม่ผิดเพี้ยน
  “ท่านลุง พี่ชายชิงสุ่ยไม่ได้มีเจตนาร้าย ได้โปรดปฏิบัติต่อเขาด้วยความสุภาพด้วย นั่งลงแล้วพูดคุยกันเถอะ”เฉิงหยวนขมวดคิ้ว
  “หยวนเอ๋อ เจ้าเป็นคนตระกูลเฉิง เต้าควรให้ความสำคัญกับคนตระกูลเราเป็นอันดับแรก ฟังข้าให้ดี เจ้าจะต้องตัดความสัมพันธ์กับตระกูลชิง แล้วพวกเราจะหาหญิงสาวที่ดีกว่ามาเป็นภรรยาของเจ้า” ชายคนนั้นขมวดคิ้ว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
  เฉิงหยวนรีบหันมามองชิงสุ่ย “ข้าขอโทษจริงๆพี่ชายชิงสุ่ย โปรดมั่นใจได้เลยว่า ถ้าหากว่าได้แต่งงานกับน้องเป่ย ข้าขอรับประกันว่าจะไม่มีใครได้ทำผิดกับนางแน่”
  “หยวนเอ๋อ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ข้ายังเป็นย่าของเจ้าอยู่อีกหรือไม่?”หญิงสาวผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
  “ย่าของข้าตายจากข้าไปนานแล้ว!!”เฉิงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  “หยวนเอ๋อ ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ยังเป็นผู้อาวุโสของเจ้า”
  “ข้าไม่รู้สึกว่าคำพูดของข้านั้นผิด ย่าของข้าได้ตายจากข้าไปแล้ว”
  …………….
  ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้ม หญิงสาวผู้นี้เป็นคนเอาแต่ใจ เธอสามารถดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นได้ ก็เพราะฐานะที่เธอได้รับต่างหาก  ตระกูลเฉิงค่อนข้างซับซ้อน ปัญหาที่พวกเขามีตอนนี้จะถูกกำหนดอยู่ 2 ประเด็น ตัวอย่างง่ายๆเลยก็คือลุงของเฉิงหยวน ที่หวังจะให้เฉิงหยวนแต่งงานกับตระกูลสูงศักดิ์ เพื่อให้ได้รวมตระกูลเฉิงเข้ากับตระกูลสูงศักดิ์ยกระดับตนเอง
  ส่วนประเด็นที่ 2 คือตระกูลเฉิงถูกใครบางคนบีบบังคับให้ต้องจนมุม ชิงสุ่ยอยากรู้เรื่องนี้มากกว่า แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ตอนนี้ชิงสุ่ยอารมณ์เสียอย่างมาก ที่คนมีประสบการณ์ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนอย่างชายชรา กลับเหมือนคนตาบอดทุกครั้งที่ตัดสินผู้อื่น
  “ข้าแก่มากแล้ว นี่ก็นานมาแล้วที่ข้าไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูล ตอนนี้ข้าอยากจะพักผ่อนเหลือเกิน” ชายชรายิ้มพยายามเปลี่ยนสถานะการให้ดูตลก และหันหลังกลับไปห้องของตน
  ชิงสุ่ยค่อนข้างแปลกใจ ชายชราผู้นี้ไม่เพียงแต่จะหน้าหนา เขายังสามารถกระทำการไร้ยางอาย ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อผลักเรื่องให้ไปเป็นภาระคนอื่น แม้ว่าตระกูลเฉิงจะถูกชิงสุ่ยด่า ชายชรากลับไม่โกรธแค้น
  ในขณะเดียวกันชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาก็เดินตรงมาหาชิงสุ่ย “ข้าคือพ่อของเฉิงเอ๋อ เฉิงสือเสิน ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลเฉิง มาคุยกันที่บ้านข้าสิ”
  เฉิงสือเสินมีใบหน้าที่อ่อนโยน แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นหากนับแล้วดูอ่อนแอกว่าเฉิงหยวน
  ก่อนที่ชิงสุ่ยจะได้พูดอะไร ลุงของเฉิงหยวนก็พูดแทรกทันที “น้องสาม ในเมื่อเจ้าเด็กนี่กล้าดูหมิ่นตระกูลเฉิง หากเขาไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสมมาแก้ต่าง ข้าจะไม่ยอมให้เขาไปไหน”
  “ท่านพี่ ตระกูลเฉิงไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว โปรดหยุดท้าทายกันเถิด”พ่อของเฉิงหยวนกล่าว
  และแล้วชิงสุ่ยก็แสดงรอยยิ้มให้เห็น “ในเมื่อพวกเราต่างก็เป็นผู้ฝึกวรยุทธ พูดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เรามาตัดสินปัญหากันด้วยหมัดดีกว่า”
  แน่นอนว่าคำพูดของชิงสุ่ยเป็นสิ่งที่ชายทุกคนชื่นชอบ เขาไม่พูดอะไรต่อและรีบพุ่งเข้าโจมตีชิงสุ่ย คนอื่นๆรีบกระจายตัวออกห่างด้วยสัญชาตญาณ เปิดพื้นที่การต่อสู้ให้กับทั้งสองคน
  ชายคนนั้นรู้สึกแต่ว่าเด็กหนุ่มเป็นคนโง่ โง่ที่จะท้าทายเขา เขามั่นใจในพลังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 6 ของตัวเองมาก และมั่นใจว่าถ้าเด็กน้อยไม่มีทางมีพลังแม้จะเอาไปเทียบกับเฉิงหยวนเอง ในเมื่อเฉิงหยวนเป็นเด็กรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุด แล้วตัวเขาเองก็มีพลังเหนือกว่าเฉิงหยวน เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ ชายหนุ่มคนนี้จะต้องยอมศิโรราบ
  แต่ชายคนนี้ไม่มีทางจะได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของชิงสุ่ย……พวกเขาเห็นเพียงแค่ระดับพลังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแรกเริ่มในตัวชิงสุ่ย แม้ว่าในสายตาของคนส่วนใหญ่ ระดับพลังเกินขั้นสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและมีอำนาจพอจะควบคุมผู้อื่น แต่มันก็ยังห่างไกลกับความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง ฉะนั้นแล้วการท้าทายทั้งหมดคงจะจบลงอย่างรวดเร็ว
  ชิงสุ่ยมองดูชายที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหา จากนั้นก็ค่อยๆกางแขนออกไป
  ฝ่ามือกระชากมังกร!!
  ผนึก!!
  ชิงสุ่ยจับคู่ต่อสู้เหมือนมดโยนลงไปกระแทกพื้น เพียงแค่กระบวนท่าง่ายๆ ลุงของเฉิงหยวนก็ถึงกับล้มลุกคลุกคลานนอนอยู่บนพื้น เลือดสดๆไหลรินออกจากมุมปาก
  กระบวนท่าเดียวการโจมตีเดียว เปลี่ยนแปลงสถานะการ……
  ไม่ว่าจะเป็นความคิดใด ท้ายที่สุดแล้วพลังเพียงน้อยนิดของชิงสุ่ยก็เอาชนะศัตรูได้อย่างง่ายดายสมบูรณ์แบบ หากเขาต้องการจบชีวิตศัตรู มันก็คงง่ายเหมือนกับการขยับนิ้ว