มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 1003
หลังจากทักทายกลับ จากนั้นมิสตี้ก็หันไปมองกลุ่มของเธอก่อนจะพูดขึ้น “มาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่า นี่คือเจอรัลด์ และฉันได้รู้จักเขาเมื่อวานนี้ เขาค่อนข้างเป็นคนดี และเขายังช่วยฉันไว้อีกด้วยซ้ำ รู้ไหม?”
“ฮึ่ม! เช่นนั้นนี่คือผู้ชายคนนั้นเองสินะ! ถ้าเขารู้ว่าพวกเราจะเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนสมบัติกัน งั้นทำไมถึงยังเลือกแต่งตัวแบบนี้ล่ะ?” หนึ่งในผู้หญิงคนอื่นพูดอย่างดูถูก ขณะที่เธอเอามือกอดอกไว้
ความเห็นของเธอมีสาเหตุจากข้อเท็จจริงที่ว่า งานแลกเปลี่ยนสมบัตินี้เป็นงานชุมนุมประเภทที่ส่วนใหญ่แล้วถูกสงวนไว้ให้สำหรับบุคคลที่มีเกียรติเท่านั้น เนื่องจากมีเพียงคนเหล่านั้นที่มีอำนาจและทรงอิทธิพลเท่านั้นที่ถูกคาดหวังให้เข้าร่วมงาน ชุดสูทและรองเท้าหนังจึงถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับงานเช่นนี้
เพราะเจอรัลด์เป็นคนเดียวที่แต่งกายเหมือนกับนักท่องเที่ยว มันจึงไม่แปลกที่ทำไมเพื่อน ๆ ของมิสตี้พบว่าเขาค่อนข้างน่าอับอายขายหน้า
ไม่ใช่เธอคนเดียวเหมือนกัน เพื่อนของเธอหลายคนก็คิดเกี่ยวกับสิ่งเดียวกันนี้เช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ใช่ไหม? พวกเราจะแค่สนุกไปด้วยกัน!” มิสตี้ตอบกลับ เธอที่ดูเหมือนไม่เข้าใจว่าเพื่อนของเธอไม่ชอบเจอรัลด์อย่างเห็นได้ชัดเจน
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเข้าไปในคฤหาสน์บาลบริคด้วยกัน ตัวคฤหาสน์เองก็กว้างใหญ่อย่างมาก และตามสิ่งที่มิสตี้เล่าให้เจอรัลด์ฟัง งานแลกเปลี่ยนถูกแบ่งออกเป็นบริเวณภายนอกและภายใน
ในขณะที่บริเวณภายนอกเพียงจัดแสดงของโบราณและสมบัติปกติทั่วไป แต่บริเวณภายในนั้นถูกสงวนไว้สำหรับสิ่งที่เรียกว่า ‘ของดี’
ขณะที่พวกเขาเดินดูไปรอบ ๆ ลิเดีย จอลลี่ เพื่อนคนหนึ่งของมิสตี้ ก็มองไปยังหนึ่งในผู้ชายในกลุ่มก่อนจะพูดขึ้นมา “บอกมาสิเจมี่ ฉันเพิ่งสังเกตเห็น นาฬิกาเรือนนั้นเป็นของใหม่หรือเปล่า?”
“ฉันดีใจที่เธอสังเกตเห็นนะ! แน่นอน มันใหม่!”
“โอ้? มันราคาเท่าไหร่กัน?” ลิเดียถาม
“มันก็ไม่ได้แพงขนาดนั้นเลยจริง ๆ ก็ประมาณสามพันดอลลาร์ได้! แต่ฉันยังคงซื้อมัน เนื่องจากสไตล์ของนาฬิกานั้นก็เหมาะกันกับสูทของฉันอย่างสมบูรณ์แบบมาก!” เจมี่ วอร์เนอร์ตอบกลับ
“นายช่างเป็นคนรวยอะไรอย่างงี้!” มิสตี้กล่าว ด้วยร่องรอยของความอิจฉาในนั้นเสียงของเธอ
แม้เธอพูดไปแบบนั้น แต่มิสตี้ก็ไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันมากเกินไปเลยจริง ๆ เธอยินดีพอแล้วกับความจริงที่ทุกคนสนุกสนานด้วยกัน
“เข้าใจแล้ว…งั้นชุดสูทล่ะ? ราคาเท่าไหร่กัน?”
“7,000 กว่าดอลลาร์นิด ๆ น่ะ ฉันซื้อมันในอิตาลีตอนที่ฉันไปเที่ยวที่นั่นก่อนหน้านี้”
“ดีจัง!” ลิเดียตอบกลับ ขณะที่เธอและชายหญิงอีกสองคนในกลุ่มยังคงพูดคุยเกี่ยวกับเสื้อผ้าและไลฟ์สไตล์ของพวกเขากันต่อไป
มันชัดเจนว่าลิเดียเชี่ยวชาญในการยืมมือคนอื่นเพื่อทำเรื่องสกปรกให้เธอ ท้ายที่สุดแล้ว เธอจงใจเริ่มหัวข้อบทสนทนานั้น โดยเฉพาะก็เพียงเพื่อจะทำให้เจอรัลด์อับอาย
เธอกำลังพยายามอย่างมากที่จะขับไล่ และทำให้เขาจากไป เพราะเธอรู้สึกว่าเขาน่าอับอายสำหรับเธอและเพื่อน ๆ ของเธอ เพราะเขาแต่งตัวได้แย่แค่ไหนสำหรับงานใหญ่เช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น พูดตามตรงเธอก็โกรธเขาเล็กน้อยเนื่องจากเดิมทีเธอทึกทักเอาเองว่าเจอรัลด์เป็นชายหนุ่มร่ำรวยบางคน หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นเจ้าชายรูปงามสักคนหลังจากมิสตี้เล่าให้พวกเธอฟังเกี่ยวกับการผู้ช่วยชีวิตของเธอ
แม้เธอต้องยอมรับว่าเขาค่อนข้างดูดี แต่สุดท้าย เขาก็เป็นเพียงไอ้ขี้แพ้ที่แต่งกายได้ย่ำแย่คนหนึ่ง!
เพราะทั้งหมดนั้น ลิเดียจึงรู้สึกจำเป็นต้องทำให้เขาเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาแตกต่างจากพวกเธออย่างไร
ขณะที่แผนการของเธอยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น บางคนก็ตะโกนขึ้นมาฉับพลัน “คุณกล้าดียังไงถึงได้พยายามเอาสิ่งนั้นมาจัดแสดงพร้อมกับสิ่งของของพวกเรา? คุณกำลังพยายามที่จะทำให้เราขายหน้าอยู่หรือเปล่า? ไปให้พ้น!”
เมื่อหันไปมองว่าใครกำลังก่อความวุ่นวาย ทุกคนก็เห็นชายชราคนหนึ่งที่ดูเหมือนพยายามจะตั้งแผงร้านของตัวเองเพื่อแสดงสมบัติของเขา
เนื่องจากเขาสามารถนำมันมาที่นี่ได้ตั้งแต่แรก มันก็ชัดเจนว่าเขาได้จัดการผ่านขั้นตอนการระบุสมบัติมาแล้ว
ทั้ง ๆ ที่มีสิทธิ์เต็มที่ที่จะตั้งแผงร้านของตัวเองที่นั่น แต่คนอื่นส่วนใหญ่ที่ตั้งร้านของพวกเขาเองแล้วสำหรับงานนี้ต่างก็มาจากครอบครัวใหญ่กันทั้งนั้น รวมถึงผู้คนไม่กี่คนที่อยู่ใกล้ชายชราที่พยายามตั้งแผงร้านของเขาด้วย
ไม่มีใครอื่นภายในบริเวณด้านในเป็นคนทั่วไปอย่างชายชราคนนั้นเลย ซึ่งทำให้เจ้าของแผงลอย ที่ตั้งแผงร้านอยู่ใกล้กับชายชราวางแผนใส่ร้ายเขาด้วยเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อจะทำให้เขาจากไป
ชายชราได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ว่านี่คงจะไม่ดีแน่ โดยการยกสมบัติในอ้อมแขนขึ้นมา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแผ่นเหล็กอันหนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มเดินออกไปเพื่อค้นหาอีกจุดหนึ่งเพื่อจะตั้งแผนร้านของเขา
ขณะที่เจอรัลด์เฝ้ามองชายชราจากไป เขาก็รู้สึกว่าเปลือกตาของเขากระตุกเล็กน้อยทันที ที่เขามองเห็นแผ่นเหล็กนั้นอย่างละเอียด
เจอรัลด์รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นระรัว ขณะที่เขายังคงจ้องแผ่นเหล็กนั้นต่อไป ซึ่งมีรอยเปื้อนอยู่ทั่วพื้นผิวของมัน มันเป็นความรู้สึกที่เขาแทบจะไม่เคยสัมผัสเลยตั้งแต่ที่เขากลายมาเป็นหนึ่งในนักต่อสู้