บทที่ 6 บทที่ 116 หวังเพียงว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ไม่ได้ ยังไงก็ต้องคิดหาวิธีไปจากสามคนนี้ ไม่ถูกต้อง…สองคนกับอีกหนึ่ง…ปีศาจ?

 

 

ถึงจะบอกว่าพลังของมังกรแท้จริงถูกผนึกทำให้ดูเป็นเหมือนเด็กหญิงมนุษย์ธรรมดา…แต่สายตาของหลงซีรั่วยังดีอยู่ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้ขนาดนี้ เธอยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังปีศาจที่ถูกซ่อนเอาไว้ดีมากสายหนึ่ง

 

 

ปีศาจเด็กผู้หญิงที่กำลังกินลูกอมตนนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่

 

 

หลีจื่อไม่รู้ว่าสถานะของตนเองถูกเปิดเผย ตอนนี้เมื่อเห็นเด็กหญิงมองตนเองไม่กะพริบตาก็คิดว่าหลงเอ๋อร์อยากกินลูกอมของตนเองจึงหยิบลูกอมแท่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพาย “ฉันเหลือแค่รสนี้แล้ว อยากกินไหม”

 

 

ใครอยากกินของพรรค์นี้กัน

 

 

 “ฉัน ฉันอยาก…” หลงเอ๋อร์อ้าปาก เหมือนคิดอะไรอยู่แต่ยังไม่พูดออกมา

 

 

ตอนนี้เองใบหน้าของมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพแดงขึ้น

 

 

แสงไฟในสมองของเริ่นจื่อหลิงสว่างวาบ เขย่ามือของหลงเอ๋อร์และพูดว่า “หลงเอ๋อร์ หนูปวดฉี่ใช่ไหม”

 

 

ถ้าหากอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำน่าจะเป็นโอกาสดีในการหนี

 

 

แต่หากต้องยอมรับต่อหน้ามนุษย์สองคนและปีศาจหนึ่งตนว่า ‘ใช่แล้วหนูอยากไปฉี่’ ล่ะก็

 

 

ใครจะทำออกมาได้

 

 

ฉันเป็นถึงมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพนะ

 

 

 “หลงเอ๋อร์ หนูเป็นอะไร หน้าแดงจังเลย ไม่สบายตรงไหนไหม” เริ่นจื่อหลิงลูบหน้าผากของเด็กหญิง พูดอย่างเป็นห่วงว่า “ร้อนนิดหน่อย คงไม่ได้เป็นหวัดหรอกใช่ไหม ไปตรวจดูที่โรงพยาบาลไหม”

 

 

 “ไม่ ไม่ต้อง…” หลงซีรั่ว…หลงเอ๋อร์พูดเบาๆ ว่า “ฉัน ฉันอยาก…อยากไป…”

 

 

 “อยากอะไร”

 

 

เสียงของเด็กหญิงเบาเกินไป เริ่นจื่อหลิงจึงแนบใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย

 

 

 “ห้อง ห้อง ห้อง…ห้องน้ำ”

 

 

 “อะไรกัน ที่แท้ก็ปวดฉี่มากนี่เอง”

 

 

เริ่นจื่อหลิงหัวเราะพูดว่า “ดูหนูกลั้นจนหน้าแดงแล้ว อยู่บนรถคงไม่กล้าพูดกับลุงอ้วนใช่ไหม…ไม่กล้าพูดก็ถูกต้องแล้วเพราะลุงอ้วนไม่ใช่คนดี”

 

 

 “เริ่นจื่อหลิง ผมกับคุณมีความแค้นอะไรกัน ทำไมถึงบอกว่าผมไม่ใช่คนดี” เซอร์หม่าไม่พอใจ

 

 

 “นายเป็นคนดี หรือนายยังคิดจะอุ้มเธอไปห้องน้ำอีก” เริ่นจื่อหลิงกลอกตาใส่อีกครั้ง

 

 

หม่าโฮ่วเต๋อไร้คำพูดจะตอบโต้

 

 

เริ่นจื่อหลิงอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาพูดว่า “มาๆ ฉันจะพาหนูไปเข้าห้องน้ำเอง”

 

 

 “พี่เริ่น ใกล้จะเริ่มแล้วนะ” หลีจื่อพูดขึ้น

 

 

เริ่นจื่อหลิงหยักไหล่ “เธอเข้าไปก่อนเถอะ ถ่ายอะไรหลังเวทีสักหน่อยก็ส่งงานได้แล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะตามไป”

 

 

หลีจื่อพยักหน้าบอกว่าได้ จากนั้นก็แยกเดินเข้าไปในสนามกีฬา เริ่นจื่อหลิงอุ้มเด็กหญิงเดินไป…อย่างรีบร้อน

 

 

 ‘เฮ้…แล้วฉันทำอะไรล่ะ’ เซอร์หม่ามองเห็นรอบด้านไม่มีใครก็รู้สึกเหมือนมีลมเย็นๆ พัดผ่านจึงคิดถึงคำถามนี้ขึ้นมา

 

 

เขามองไปรอบด้าน ทันใดนั้นก็คิดถึงคำพูดที่เริ่นจื่อหลิงพูดเมื่อวานว่า วางดอกไม้ไฟไว้ที่นี่ตั้งเยอะ ไม่เรียกพนักงานดับเพลิงมาเหรอ ถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นมาล่ะจะทำยังไง

 

 

 “แปลกจริง…ไม่เห็นรถดับเพลิงสักคันเลย” เซอร์หม่าขมวดคิ้ว จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา

 

 

 “ฮัลโหล ผมหม่าโฮ่วเต๋อจากสำนักงานตำรวจ หัวหน้าของพวกคุณอยู่ไหม…ได้ ผมจะรอ…อ่า เหล่าเหอ ผมเอง หม่าโฮ่วเต๋อ…ไม่มีเรื่องอะไรหรอกแค่อยากถามคุณหน่อย วันนี้ได้ส่งคนมาที่สนามกีฬาไหม…เอ่อ ใช่ พอดีผมผ่านทางมาเลยถาม…ส่งรถออกมานานแล้วเหรอ แต่ผมไม่เห็นใครเลยนะ คุณลองตรวจสอบดู ผมจะรอข่าว…ฮ่าๆ ไม่รีบๆ ผมไม่ได้มีธุระอะไร”

 

 

 

 

 “ว้า เคยมีใครทำความสะอาดที่นี่ไหมเนี่ย…”

 

 

เริ่นจื่อหลิงจูงมือหลงเอ๋อร์มาในห้องน้ำ เธอขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเมื่อพบกับผู้ชมจำนวนมากในคืนนี้ จึงเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยง ‘บรรยากาศ’ ภายในห้องน้ำที่เลวร้ายเช่นนี้…ที่อื่นก็คงไม่ต่างกันมาก

 

 

ในที่สุดก็หาห้องที่ค่อนข้างสะอาดเจอ เริ่นจื่อหลิงผลักประตูเข้าไป “เอาล่ะ ห้องนี้เถอะ ห้องนี้พอได้”

 

 

เห็นเพียงหลงเอ๋อร์ร่างกายแข็งทื่อเดินเข้าไป พักหนึ่ง ถึงหันกลับมาพูดว่า “เธอ…พี่สาว หนู หนูจะปิดประตู…”

 

 

 “อ๋อ” เริ่นจื่อหลิงหัวเราะและพูดว่า “ฉี่ไม่ออกเหรอ ไม่เป็นไร หนูปิดประตูเถอะ ฉันจะอยู่ข้างอ่างล้างมือรอหนู จะได้ล้างหน้าด้วย”

 

 

หลังปิดประตูแล้วหลงเอ๋อร์ถึงได้ถอนหายใจ

 

 

ต่อจากนี้ปัญหาก็เหลือแค่จะหนีไปจากสายตาของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไรแล้ว ร่างกายของเด็กไม่สะดวกจริงๆ

 

 

ทันใดนั้นประตูก็ถูกเคาะ เธอตกใจไปชั่วขณะ ได้ยินเสียงเริ่นจื่อหลิงพูดว่า “หลงเอ๋อร์ หนูฉี่เสร็จหรือยัง”

 

 

 “ยัง ยังไม่…”

 

 

 “ก็ดี” เริ่นจื่อหลิงพูดขึ้นในตอนนี้ว่า “ฉันคิดได้ว่า ดูเหมือนด้านในจะไม่มีกระดาษชำระ มา เอาไปใช้เถอะ”

 

 

เริ่นจื่อหลิงยื่นซองกระดาษชำระเข้ามาทางช่องว่างใต้ประตู “เด็กผู้หญิงต้องรู้จักดูแลร่างกายตัวเอง ต้องเช็ดให้สะอาด รักษาความสะอาดของน้องสาวให้ดี รู้ไหม”

 

 

 “หนูรู้แล้ว”

 

 

ถ้าหากว่าเป็นฝันร้ายแล้วก็ช่วยหายไปโดยเร็วเถิด…มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพใช้มือปิดดวงตาอย่างปวดใจ

 

 

เริ่นจื่อหลิงหัวเราะและก็ก้าวจากไป

 

 

สาวน้อยกำลังอายแต่ก็น่ารักจริงๆ ต่อไปหากลั่วชิวกับโยวเย่สามารถให้กำเนิดสาวน้อยที่น่ารักแบบนี้ออกมาได้แล้วล่ะก็…

 

 

ภายในหัวของรองบรรณาธิการเริ่นเริ่มฉายภาพละครสั้น เธอยืนอยู่คนเดียวหน้ากระจกข้างอ่างล้างมือ…แลหัวเราะอย่างโง่งม

 

 

เริ่นจื่อหลิงส่ายหน้าอย่างกะทันหัน เปิดก๊อกน้ำ คิดถึงเรื่องพวกนี้นั้นไกลเกินไป คิดหาวิธีให้ทั้งสองคนทำเรื่องดีให้สำเร็จก่อนค่อยว่ากัน…ไม่สิ ต้องทำงานก่อน

 

 

เริ่นจื่อหลิงกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า

 

 

 “หลงเอ๋อร์ หลงเอ๋อร์ เสร็จหรือยัง หลงเอ๋อร์”

 

 

แต่เมื่อเริ่นจื่อหลิงล้างหน้าเสร็จแล้วจึงพบว่า…หลงเอ๋อร์หายไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

คนเยอะจริงๆ…บริเวณทางเดินหลังเวทีมีคนเยอะจริงๆ หลีจื่อคิดจะเบียดเข้าไป แต่เมื่อเห็นแล้วก็ปล่อยไปดีกว่า

 

 

แต่ถ้าถ่ายรูปอะไรไม่ได้ก็ไม่รู้จะส่งงานยังไง เธอไม่มีความสามารถบุกทะลวง ‘เส้นทางเลือด’ แบบเริ่นจื่อหลิง

 

 

แต่เธอเป็นปีศาจ…แน่นอนว่ามีความสามารถของปีศาจ

 

 

หลีจื่อมองไปรอบด้าน เมื่อพบว่าไม่มีใครสังเกตตนเองแล้วก็แนบร่างกายไปที่ปากหน้าต่าง จากนั้นก็พลิกตัวออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

 

 

ฝ่ามือของเธอเกาะอยู่บนผนังอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายเย็นยะเยือกโผล่ออกมา รวมตัวเป็นที่เหยียบยื่นออกมาจากผนังยาวประมาณสามสิบเซนติเมตร

 

 

หลีจื่อหรี่ตาลง ยิ้มและผิวปากไปด้านหน้า

 

 

เห็นเพียงบนผนังด้านนอกปรากฏที่เหยียบแบบเดียวกันขึ้นอีกเป็นทาง…น่าจะเป็นหลังเวทีที่แท้จริง เป็นเขตสตูดิโอที่บรรดาศิลปินพักผ่อน

 

 

หลีจื่อกระโดดไปยังที่เหยียบด้านหน้าอย่างสบาย…ของเหล่านี้จะสลายไปเองไม่จำเป็นต้องเก็บ

 

 

ในตอนนี้เอง มีเงาดำสายหนึ่งวาบผ่านด้านหน้า ไต่ผนังขึ้นไป…และตกอยู่ในสายตาของหลีจื่อพอดี

 

 

 “กลิ่นอายปีศาจ เล็กขนาดนี้…”

 

 

 

 

ชีสพลิกตัวข้ามผนังที่เคยข้ามมาหลายต่อหลายครั้งได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายก็เข้าไปในห้องเก็บของห้องหนึ่งของสนามกีฬา

 

 

นีนี่บอกว่ารออยู่ที่เดิม สำหรับสมาชิกกลุ่มวัยรุ่นแล้ว ที่เก่าของสนามกีฬาก็คือสถานที่แห่งนี้

 

 

หลังชีสเข้าไปแล้วก็พบว่าด้านในไม่ได้เปิดไฟ ทั้งห้องมืดมิด

 

 

 “ยังไม่ถึงเหรอ…” ชีสส่ายหน้า หันมองออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นก็เริ่มใจลอย

 

 

เขาคิดถึงเรื่องนีนี่โดยไม่รู้ตัว ไม่สนใจคิดเรื่องอื่น รอนีนี่มาแล้ว ชีสตั้งใจจะคุยเรื่องบางอย่างกับเธอ

 

 

ตอนนี้เขาอยากจะพูดคุยกับเพื่อนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่เบามากดังเข้ามา ชีสหันไป อาศัยแสงจากนอกหน้าต่างทำให้เห็นเงาร่างเล็กๆ สายหนึ่งเดินออกมาจากที่มืด

 

 

ชีสมองเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมา

 

 

เป็นนีนี่

 

 

ภายใต้แสงไฟสลัว เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่านีนี่จะน่ารักขนาดนี้…ไม่ๆๆ ดูเหมือนนีนี่จะมีอะไรแตกต่างไปจากปกติ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้เขาจึงหน้าแดงถึงหู

 

 

 “ชีส” นีนี่เรียกชื่อชีสเบาๆ “นายมาแล้วเหรอ”

 

 

 “นีนี่…” ชีสสูดหายใจเข้าลึก พยักหน้าพูดว่า “ฉันเองก็เพิ่งมา…นีนี่ เธอทำอะไร”

 

 

เห็นนีนี่ไม่พูดอะไร แต่กลับพุ่งเข้ามาใส่ตัวของชีส ใช้จมูกของเธอดมไปจนถึงตำแหน่งแก้มของชีส และพูดว่า “ชีส ฉันคิดถึงนาย”

 

 

 “นีนี่…เธออย่าทำแบบนี้” ชีสรู้สึกปากคอแห้งผาก สูดลมหายใจเข้าลึก ใช้สองมือกดไหล่ของนีนี่ไว้และพูดว่า “นีนี่ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ เธอฟังฉันพูดก่อนได้ไหม เกี่ยวกับเรื่องจุยเฟิง…”

 

 

 “ชีส ฉันชอบนาย” นีนี่พูด

 

 

ชีสชะงัก หัวสมองว่างเปล่า รู้สึกหายใจลำบาก…เขามองเห็นนีนี่หลับตาลง ริมฝีปากเข้าใกล้ตนเองขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ใกล้แล้ว…ใกล้แล้ว

 

 

ชีสหายใจกระชั้นชิดขึ้น เขาได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้นแรง เหมือนกำลังเต้นเป็นชื่อของนีนี่ ความเลือดร้อนของวัยหนุ่มทำให้เขาคาดหวังกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

 

เขาเองก็หลับตาลง จินตนาการถึงการเคลื่อนไหวอันงดงามว่าจะมีรสชาติอย่างไร

 

 

ฉึก!

 

 

เพียงพริบตาเดียว ชีสก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ความรู้สึกเจ็บแผ่ขึ้นมาจากแขน…เขาค่อยๆ อ้าปากขึ้น ความคิดสับสนวุ่นวาย มองฉากที่เห็นอย่างไม่อยากเชื่อ

 

 

นีนี่ยังคงเป็นนีนี่ แต่ใบหน้าของเธอกลับมีรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกแปลกหน้า

 

 

ในมือของเธอยังมีมีดเล่มหนึ่ง…มีดเปื้อนเลือดเล่มหนึ่ง มันแทงทะลุแขนของชีสจากนั้นก็ดึงออกมา

 

 

 “นีนี่…เธอ…” หัวสมองของชีสกลายเป็นว่างเปล่าอีกครั้ง พิงร่างกายไปที่ขอบประตู มือกุมบาดแผลของตนเอง

 

 

 “เพราะฉันเกลียดนาย”

 

 

นีนี่หรี่ตาลง หัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “นายคงไม่คิดว่าฉันจะชอบนายจริงๆ ใช่ไหม ฉันเป็นแมว ส่วนนายก็เป็นเพียงหนูเหม็นตัวหนึ่งเท่านั้น…นายคงไม่โง่คิดไปว่าฉันจะอยู่กับนายใช่ไหม นายโง่หรือเปล่า”

 

 

อารมณ์ของชีสหดหู่ลง รอยมีดบนแขน ความรู้สึกทรมานในใจ…หวังเพียงว่ามันจะเป็นเพียงแค่ฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น